มโน มอยส์

มโน มอยส์

มโน มอยส์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : เป็นการต่อลมหายใจออกไปได้อีกเฮือกอย่างไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะครับ สำหรับ เดวิด มอยส์ กุนซือเก้าอี้ร้อนผู้นั้นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

บางทีมันอาจเป็นจุดเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เหมือนดั่งที่ มาร์ค โรบิน เคยพังประตูชัยซึ่งช่วยเซฟเก้าอี้ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เอาไว้ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่ "ปีศาจแดง" ต้องเจอกับทีมมหาอำนาจในยุคทศวรรษที่ 90 อย่าง น็อตติ้งแฮม ฟอร์เรส....ทันใดนั้นเอง ภาพมโนของ มอยส์ ที่ค่อยๆ พา ยูไนเต็ด กลับสู่เส้นทางของ แชมเปี้ยนส์ ก็เกิดขึ้นพร้อมๆ กับรอยยิ้มของ "เฟอร์กี้" ที่พิสูจน์ให้ทุกๆ คนได้เห็นอีกครั้งว่า "เขาถูกเกือบเสมอ!"

หรือมันอาจไม่ได้มีความหมายอะไรเลยมากกว่าการเปลี่ยนจากตายวันนี้ เป็นพรุ่งนี้

สีหน้าของ เซอร์อเล็กซ์ เมื่อคืนนี้จากฟอร์มผีเข้าลูกทีมมอยส์

โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ที่โดนใครหลายคนกระแนะกระแหนในช่วงหลังว่าให้อารมณ์ดั่ง รีสอร์ท แอนด์ สปาร์ ยังคงไว้ซึ่งมนต์ขลังในเกมยุโรปเหมือนเมื่อวันก่อน ถึงแม้ว่ามันจะเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุค มอยซี่ ก็ตามที

เสียงเชียร์ดังจนน่าขนลุก, บรรยากาศของการปลุกเร้า, นักเตะทีมเยือนแข้งขาสั่น, ทีมอาคันตุกะต่อบอลรวดเร็วฉับไว, บุกแล้วบุกอีก แถมนั่นยังไม่ใช่การเดินเกมที่สูญเปล่า เพราะมันมาพร้อมกับประตูถึง 3 ลูก!

นี่มันคนละทีมกับ แมนฯ ยู ในเกมลีกชัดๆ

กับคำถามที่ว่าสปิริตในยุค มอยส์ ยังคงอยู่มั้ย ? เป็นอันว่าตกไป หากแต่คำถามเรื่องปรัชญาและแท็คติกยังคงอยู่

พอได้สกอร์ 3-0 อย่างที่ใจต้องการแล้ว มอยส์ ก็สั่งแพ็คเกมรับทันที

สถานการณ์เมื่อคืนนี้ บีบให้ "ปีศาจแดง" ไม่มีทางเลือกอะไรทั้งสิ้นนอกจากต้องบุก บุก บุก! ซึ่งพวกเขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทำได้ดีเลยทีเดียว แต่ทันทีที่ได้สกอร์ขึ้นแท่น 3-0....แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็บิดกุญแจดับเครื่องของตัวเองทันที ซึ่งแน่นอนว่านั่นย่อมมีต้นขั้วมาจากคนนั่งหลังพวงมาลัยอย่าง มอยส์

มันอาจเป็นจินตนาการพร่ำเพ้อของแฟน "หงส์" หรือกองแช่ง แมนฯ ยู อีกหลายๆ คน แต่ผมรู้สึกเหลือเกินว่าสกอร์บอร์ดมันมีโอกาสถูกบิดเป็น 3-1 ได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะถ้าหากคู่แข่งของ "อสูรแดง" นั้นไม่ใช่ "กอส" เนื่องด้วยคุณภาพในการเล่นเกมรับของทีม ที่คงต้องพูดเปิดอกกันตามตรงว่าพร้อมโดนยิงตลอดเวลาในยุคนี้

หากแต่ในเมื่อจบเกมแล้ว พวกเขาไม่เสียประตู....เราก็คงต้องให้เครดิตกับ มอยส์ กันบ้าง เพราะอย่างน้อย แมนฯ ยู ก็ยังทำได้ตามเป้า และเขาได้ 3 ประตู จากการเลือกส่ง 11 แข้งตัวจริงที่ประกาศให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า "ตรูจะขยี้ ตรูจะเอาจริง"

ปราการด่านหน้ายังถือว่าหนักหนาสาหัสยิ่งนัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือเต็ง 8 ร่วมกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนต์ ในช่วงก่อนการจับสลากรอบก่อนรองชนะเลิศ ยูซีแอล....ไม่ว่าพวกเขาเจอใคร พวกเขาย่อมถูกมองว่าเป็นรองอยู่แล้ว

แต่นั่นคือข้อดีของทีมที่ถูกมองว่าเป็นทีมรองบ่อน , ความกดดันไม่มากมาย การตกรอบชั่วโมงนี้อาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้าเข้ารอบขึ้นมาล่ะก็ รับรองเสียงเฮที่ "โรงละครแห่งความฝัน" จะโด่งดังกว่าใคร....แมนฯ ยู สามารถพุ่งสมาธิไปที่เกมยุโรปได้อย่างเต็มที่

กับคำพูดที่ว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ มอยส์ คงกำลังนึกถึงสิ่งนี้

บนภาพมโนอันไร้สาระของผู้เขียน........หากในท้ายที่สุดแล้ว มอยส์ ดันล้มกระดาน พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าเขาคือของจริง...นั่นจะเป็นปรากฏการณ์อยู่บนอีก 1 หน้าประวัติศาสตร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด....พวกเขาจะได้กองอยู่บนความสำเร็จต่อไปอีกมากมายหลายปี เหล่าสาวก "แมนคูเนี่ยน" จะได้นึกย้อนกลับมารำลึกถึงวันเวลาเก่าๆ เมื่อฤดูกาล 2013-2014 เพราะมันคือวันที่ "กลุ่มเพื่อนมอยส์" ถือกำเนิดขึ้น , วันที่ทุกๆ คนเห็นอดีตกุนซือ เอฟเวอร์ตัน เป็นเพียงแค่โจ๊กขำขัน , วันที่แฟนๆ ลิเวอร์พูล ยกให้เขาคือ genius ของวงการลูกหนัง ซึ่งจะเป็นวันเดียวกันของอนาคตที่แฟน "ปีศาจแดง" ตอกกลับไปว่า "เออ! ที่พูดนั่นน่ะ ถูกแล้ว"

จะอย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าอีกไม่กี่เดือนคุณได้อ่านเจอข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แยกทางกับ มอยส์ แล้วเรียบร้อย ?

มันก็คงแปลว่า "มโนของผม ก็จะยังเป็นเพียงแค่มโนต่อไป" เช่นเดียวกับความจริงแท้ที่ว่า เดวิด มอยส์ มีค่าเพียงแค่ทางผ่านที่ไม่ควรคู่แก่การจดจำอะไรมากนักบนหน้าประวัติศาสตร์อันเกรียงไกรและยาวนานของ "ปีศาจแดง"

"ยอดขวัญ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook