บทเรียนสอนบอล

บทเรียนสอนบอล

บทเรียนสอนบอล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : อาร์เซนอลและแมนเชสเตอร์ ซิตี้เป็น 2 ตัวแทนจากอังกฤษที่ไปไม่ถึงฝั่งฝันในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ เมื่อโดนจับติ้วมาเจอกับของแข็งโป๊กอย่างบาเยิร์น มิวนิคและบาร์เซโลน่าในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และเป็นฝ่ายพ่ายตกรอบไปแบบไม่พลิกโผ

แม้ผลการแข่งขันของสองคู่นี้จะไม่ได้สร้างความประหลาดใจอะไร เพราะบาเยิร์นกับบาร์ซ่านั้นถือว่าเหนือกว่า แต่สิ่งที่อาจจะน่าเสียดายสำหรับสองตัวแทนจากเมืองผู้ดีก็คือพวกเขาน่าจะมีโอกาสลุ้นมากกว่านี้ ไม่ใช่ต้องทำใจตั้งแต่แพ้นัดแรกคาบ้าน 2-0 ทั้งคู่
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนของอังกฤษได้นำเสนอบทวิเคราะห์ว่าทีมจากอังกฤษควรจะเรียนรู้อะไรบ้าง จากการอกหักของตัวแทนสองทีมแรกในบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปในครั้งนี้

ฟุตบอลสไตล์อังกฤษก็สร้างปัญหาได้

มันอาจจะเป็นคำพูดเก่าๆ เชยๆ ที่บอกว่าทีมในยุโรปมักจะมีปัญหาเมื่อเจอกับเกมที่เน้นพละกำลังหรือเล่นแบบไดเร็กต์ฟุตบอล แต่เมื่อเจอกับทีมเทคนิคสูงอย่างบาเยิร์น มิวนิคและบาร์เซโลน่าแล้ว สิ่งนี้แหละคือข้อได้เปรียบที่ทีมจากอังกฤษจะใช้ให้เป็นประโยชน์ได้

บาเยิร์นเป็นทีมที่เล่นได้แข็งแกร่งกว่าบาร์เซโลน่า แต่พวกเขาก็หาวิธีรับมือกับอาร์เซนอล ซึ่งใช้การบดบี้เข้าใส่ในการออกสตาร์ตเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยมไม่ได้ เพราะมีปัญหากับความเร็วของเกมแต่น่าเสียดายที่เมซุต โอซิลยิงจุดโทษพลาดจนทำให้ปืนใหญ่ชวดโอกาสขึ้นนำ

ขณะที่บาร์เซโลน่าก็มีปัญหาในการรับมือกับลูกกลางอากาศ พวกเขาสบายๆ ในการรับมือกับเซร์คิโอ อเกวโร่ที่ไม่ฟิตเต็มร้อยเมื่อเขาพาบอลตัดแนวรับเข้ามา แต่มีปัญหามากกว่าเยอะเมื่อต้องรับมือกับเอดิน เชโก้ที่รูปร่างสูงใหญ่ ซึ่งเป็นเป้าให้แมนฯ ซิตี้โยนบอลเข้ากลางมาได้ลุ้นหลายครั้ง จนบิคตอร์ บัลเดสต้องโชว์ซูเปอร์เซฟป้องกันลูกโหม่งของเขาอยู่ครั้งหนึ่ง

ทั้งอาร์แซน เวนเกอร์และมานูเอล เปเญกรินี่ไม่นิยมเล่นด้วยการเปิดบอลยาวให้ศูนย์หน้าวิ่งไล่ แต่ไดเร็กต์ฟุตบอลแบบนี้ก็มีเหตุผลพอที่จะใช้เมื่อเจอกับคู่ต่อสู้แบบที่พวกเขาเจอ

ความผิดพลาดต้องจ่ายด้วยราคาแสนแพงเมื่อเจอกับบอลทะลุช่อง

บาเยิร์นและบาร์ซ่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของทีมที่ประสบความสำเร็จในการใช้แนวรับที่เล่นเกมรุกได้ดี พวกเขายอมเปิดพื้นที่ด้านหลังเพื่อดันขึ้นมาเล่นเกมรุก แต่เมื่อจำเป็นต้องลงไปตั้งรับและวิ่งไล่ศูนย์หน้าฝ่ายตรงข้าม การเข้าสกัดของพวกเขาทำได้ดีพอ

ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง แมนฯ ซิตี้และอาร์เซนอลต้องทำฟาวล์เพื่อหยุดโอกาสทำประตูของฝ่ายตรงข้ามในนัดแรก ซึ่งลงเอยด้วยการเสียจุดโทษและโดนใบแดง โดยมาร์ติน เดมิเชลิสทำฟาวล์ ลิโอเนล เมสซี่ และ วอจเซียค เซสนี่ทำแบบเดียวกันกับอาร์เยน ร็อบเบน

สิ่งเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ แม้มันจะดูเหมือนง่ายที่มาพูดหลังเกม แต่เดมิเชลิสและเซสนี่น่าจะทำได้ดีกว่านั้นในการเข้าเล่นบอลจังหวะนั้นๆ แทนที่จะทำให้ทีมต้องเสียเปรียบไปตลอดทั้งเกมจากการผิดพลาดของพวกเขา

เมื่อเล่นได้ดีกว่าต้องยิงประตูให้ได้

ทั้งบาเยิร์นและบาร์ซ่าเป็นฝ่ายครองบอลได้เป็นส่วนใหญ่ในเกมเสมอ แต่ก็จะมีบางช่วงที่ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขามีโอกาสเช่นกัน

สำหรับอาร์เซนอลแล้ว ช่วงที่ว่าคือช่วงออกสตาร์ตของเกมแรกที่พบกัน และในช่วงท้ายเกมของนัดที่สอง ซึ่งสนับสนุนไอเดียวที่ว่าทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่าต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะตั้งหลักในเกมได้ และมักจะประมาทเมื่อเป็นฝ่ายขึ้นนำไปแล้ว ขณะที่แมนฯ ซิตี้นั้นมีโอกาสดีหลายครั้งในระหว่างครึ่งทางของครึ่งหลังของเกมที่สองที่คัมป์นู

แน่นอนว่ากุญแจสำคัญคือการทำประตูให้ได้ในช่วงเวลาเหล่านั้น และเมื่อกำลังกดดันอีกฝ่ายได้ เกมของอาร์เซนอลหยุดกึกเมื่อบาเยิร์นนำห่างด้วยประตูรวม 3-0 ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับแมนฯ ซิตี้เช่นกัน ถ้าทั้งสองทีมเป็นฝ่ายคว้าโอกาสเอาไว้ได้ก่อนตั้งแต่แรก การแข่งขันทั้งสองนัดน่าจะสูสีมากกว่านี้

คุณต้องการนักเตะที่ฟิตเต็มร้อยเมื่อต้องกดดันคู่ต่อสู้

เป็นที่เข้าใจได้ว่าเวนเกอร์และเปเญกรินี่ต้องการให้โอซิลและอเกวโร่ได้ลงเล่นในนัดเยือน แต่ทั้งคู่ดูจะไม่ฟิตเต็มร้อยเหมือนกัน และนักเตะที่สดและมีพลังมากพอถือว่าสำคัญมากเมื่อต้องเจอกับบาเยิร์นและบาร์ซ่า

สองทีมนั้นครองบอลได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อได้ครองบอลต่ำในแดนตัวเอง และการที่พวกเขาพอใจที่ดึงจังหวะเกมให้ช้าลงในนัดที่สอง เพื่อที่จะรักษาสกอร์ที่นำอยู่เอาไว้ หมายความว่าทีมจากอังกฤษจำเป็นต้องเพรสซิ่งสูง เพื่อบีบให้เกมเปิด

นั่นเป็นเรื่องที่ยากสำหรับนักเตะที่ไม่ฟิตสมบูรณ์พอ และผู้จัดการทีมทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องเสียโควตาการเปลี่ยนตัวไปตั้งแต่ช่วงพักครึ่ง ซึ่งทำให้พวกเขามีโอกาสน้อยลงที่จะเติมความสดให้กับทีมในครึ่งหลัง

การมีนักเตะไม่มากพอจะเปิดเผยให้เห็นในเกมระดับนี้

ช่องโหว่ที่ชัดเจนในทีมแมนฯ ซิตี้และอาร์เซนอลไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับพรีเมียร์ลีก แต่พวกเขาไม่สามารถปกปิดจุดอ่อนนั้นได้ เมื่อต้องเจอกับทีมแถวหน้าของยุโรป

การขาดเซ็นเตอร์แบ็กคุณภาพที่จะเล่นคู่กับแว็งซ็องต์ กอมปานีของแมนฯ ซิตี้ มีผลอย่างชัดเจนในทั้งสองนัด ขณะที่การไม่มีตัวเลือกในแนวรุกมากพอนอกเหนือจากโอลิวิเยร์ ชิรูด์ของอาร์เซนอล หมายความว่ายายา ซาโนโก้ ดาวรุ่งที่กระดูกยังไม่แข็งพอ ต้องลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดแรก

สองประตูที่แมนฯ ซิตี้เสียไปมาจากความผิดพลาดโดยตรงของเซ็นเตอร์แบ็ก ขณะที่อาร์เซนอลก็ปล่อยให้ตัวเองต้องเจอกับงานสุดหินที่มิวนิค เพราะไม่สามารถฉกฉวยความได้เปรียบเอาไว้ได้ จากการที่เป็นฝ่ายคุมเกมได้เหนือกว่าในช่วงแรกของเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

ปัญหาในแนวรับของแมนฯ ซิตี้แสดงออกอย่างชัดเจนมานานหลายเดือนแล้ว ส่วนเวนเกอร์ก็มองหาศูนย์หน้าคนใหม่มาตั้งแต่ซัมเมอร์ก่อนแล้ว และนี่คือปัญหาที่พวกเขาจะต้องจัดการแก้ไขให้ได้

เบบี้แบร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook