5 เรื่องหลังเกม! "ปีศาจแดง" เชือด "ปืนใหญ่" หวิว 2-1 ช่วงเฟอร์กี้ไทม์

5 เรื่องหลังเกม! "ปีศาจแดง" เชือด "ปืนใหญ่" หวิว 2-1 ช่วงเฟอร์กี้ไทม์

5 เรื่องหลังเกม! "ปีศาจแดง" เชือด "ปืนใหญ่" หวิว 2-1 ช่วงเฟอร์กี้ไทม์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังนกหวีดยาวของผู้ตัดสิน เควิน เฟรนด์ เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เจ้าบ้าน ที่ได้ยิ้มออก หลังจากบุกหนักใส่ทีมเยือนอยู่นาน ก่อนได้ประตูของ เฟลไลนี ช่วยให้ทีมคว้า 3 แต้มสำเร็จส่งท้ายเดือนเมษายน

ก่อนเกมเริ่มขึ้น เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ได้มอบของเซอร์ไพรส์ให้คู่อริเก่าอย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ เล็กน้อย หลังเกมนี้จะเป็นนัดสุดท้ายของเจ้าตัวในการคุมทีมมาเยือนที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แห่งนี้ ไปดูกันว่าในเกมที่ ปีศาจแดง เชือด ปืนใหญ่ แบบขึ้นหืดนี้ มีประเด็นใดบ้างที่น่าสนใจเกิดขึ้น

5. คำอำลาจากคู่ปรับอันยาวนานShaun Botterill/GettyImages
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ก่อนเกมจะเริ่มขึ้นที่โรงละคแห่งความฝัน เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้พา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อสู้กับ อาร์แซน เวนเกอร์ และ อาร์เซนอล มา 17 ปี ได้เซอร์ไพรส์มอบของขวัญอำลาตำแหน่งเล็กน้อยแก่กุนซือเฟรนช์แมน ซึ่ง โชเซ มูรินโญ กุนซือคนปัจจุบันของ ปีศาจแดง และคู่ปรับที่สำคัญอีกรายของ เวนเกอร์ ก็ได้มาแสดงคำยินดีก่อนเกมเช่นกัน

อาร์แซน เวนเกอร์ คือผู้ที่พา อาร์เซนอล กลายเป็นก้างชิ้นโตสำหรับ เซอร์เฟอร์กี้ อย่างแท้จริง ก่อนหน้าที่เขาจะมาคุมทีม อาร์เซนอล ในปี 1996 เฟอร์กูสัน พา แมนฯ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาแล้ว 4 สมัย และมีเพียง นิวคาสเซิล กับ แบล็คเบิร์น เท่านั้นที่สามารถเบียดไล่ ปีศาจแดง ได้ แต่หลังจากปีแรกที่เขาได้คุมทีมเต็มเวลา อาร์เซนอล ก็เป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ทันที และตลอด 6 ปีหลังจากนั้น อาร์เซนอล ไม่เคยหลุดจากที่ 2 เลย และยังได้แชมป์ลีกอีก 2 สมัย ซึ่ง 1 ในนั้นคือตำนานไร้พ่ายอันโด่งดังนั่นเอง

4. ยูโรป้าลีก สำคัญกว่าClive Brunskill/GettyImages

แม้นี่จะเป็นเกมสุดท้ายในบ้านของคู่ปรับทีมสำคัญ แต่ เวนเกอร์ ก็ยังส่งตัวสำรองลงค่อนทีม แม้กระทั่งม้านั่งสำรองก็ยังมีชื่อไม่คุ้นหูโผล่มาอีก

ในขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีแค่ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ ที่ได้โอกาสลงมาจับคู่ กับ คริส สมอลลิง ส่วนที่เหลือใช้นักเตะตัวหลักทั้งหมด ในฝั่ง อาร์เซนอล นั้นกลับตรงข้าม เพราะพวกเขามีเพียง โอบาเมย็อง, เบเยริน, ชาก้า และ มคิตาร์ยาน เท่านั้นที่พอน่าเชื่อถือได้ ที่เหลือล้วนเป็นตัวสำรองทั้งนั้น โดย รีส เนลสัน และ เอนสลีย์ เมตแลนด์-ไนลส์ ได้โอกาสจับคู่กันลงทำเกมรุก ส่วนในแดนหลังมีชื่อของ คอนสตานตินอส มาฟโรปานอส กองหลังวัย 20 ลงสนามคู่ แชมเบอร์ส

เท่านั้นไม่พอ ในรายชื่อสำรองยังมีแข้งเยาวชนถึง 3 ราย ประกอบไปด้วย โจ วิลล็อค, เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ และ จอร์ดี้ โอเซย์-ตูตู ซึ่งเพิ่งจะโผล่มาในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งที่ 2 เท่านั้น

ก็หวังว่าแข้งตัวหลักที่พักไปจะโชว์ฟอร์มในเกม ยูโรป้า ได้คุ้มค่ากับการแพ้ แมนฯ ยู นัดนี้ล่ะนะ

3. บรรยากาศเก่า ๆ เริ่มหายไปPAUL ELLIS/GettyImages
อย่างที่บอก เฟอร์กี้ กับ เวนเกอร์ เป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื่อกันสุด ๆ ในช่วง 9 ปีแรกที่กุนซือชาวฝรั่งเศสเข้ามาใน พรีเมียร์ลีก และหลังจากนั้นอีกเล็กน้อย แม้ อาร์เซนอล เริ่มจะหลุดออกจากวงโคจรการลุ้นแชมป์ แต่บรรยากาศในอุโมงค์ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็มักจะมีการปะทะกันอยู่เสมอ ๆ

คีน กับ วิเอร่า กองกลางพันธุ์ดุของแต่ละฝั่งเคยปะทะกันที่นี่ ในขณะที่ คีโอวน์ ก็เคยบวกกับ ฟาน นิสเตลรอย มาแล้ว

บรรยากาศที่ชวนให้คึกคักไม่ค่อยมีให้เห็นอีกแล้วนัยตั้งแต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขาด เซอร์อเล็กซ์ พวกเขากลายเป็นทีมดาด ๆ ทีมหนึ่งที่แค่มีลุ้นแชมป์ในบางปีเท่านั้น และบางปีก็ต้องลุ้นไปเตะ ยูโรป้า อีกด้วย อาร์เซนอล ที่กำลังจะขาด เวนเกอร์ ไปก็คงไม่ต่าง และ พรีเมียร์ลีก หลังจากนี้คงจะเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อไม่มีพวกเขาเหล่านี้อีกแล้ว

อะไรหลายอย่างทำให้เกมนี้ไม่เหมือนบิ๊กแมตช์เลย ดูเหมือนเป็นการเตะกระชับมิตรเลี้ยงส่ง เวนเกอร์ ยังไงไม่รู้ ขนาด มูรินโญ ยังออกมาอวยเพื่อนร่วมอาชีพแบบผิดปกติวิสัยสุด ๆ


2. มคิตาร์ยาน ไม่ดีใจหลังทำประตูClive Brunskill/GettyImages
ปกติแล้ว การไม่แสดงความดีใจกับการยิงประตูทีมเก่ามักเกิดขึ้นใน 2 กรณี กรณีแรก พวกเขาถูกยืมตัวมา ซึ่งไม่ใช่กับมิคกี้ในตอนนี้ และกรณีที่สอง พวกเขาย้ายมาจากทีมคู่แข่งซึ่งจากกันด้วยดี บอกตามตรง ดูเหมือน มคิตาร์ยาน ก็ไม่ได้จาก แมนฯ ยู ด้วยดีเท่าไหร่

ตลอดปีครึ่งที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และอยู่ภายใต้การทำทีมของ มูรินโญ ห้องเครื่องชาวอาร์เมเนียได้ลงเล่นไปเพียง 63 เกมเท่านั้นจากทุกรายการ และแม้จะมีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอยู่ช่วงหนึ่ง แต่การเจ็บบ่อยและฟื้นตัวช้าทำให้เขาไม่อยู่ในแผนทำทีมของ เดอะสเปเชียลวัน และถูกนำมาใช้เพื่อแลกตัว อเล็กซิส ของ อาร์เซนอล

ก็ไม่รู้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สมควรแล้วหรืเปล่าที่ มคิตาร์ยาน จะยอมให้เกียรติไม่แสดงอาการดีใจใส่หลังโดนทำประตู 

1. เฟลไลนี ยังเป็นทีเด็ดอยู่เสมอShaun Botterill/GettyImages
สิ่งที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขับเคลื่อนไปได้ตลอดเกมคือ ปอล ป็อกบา แต่คนที่ช่วยให้แนวรับของ อาร์เซนอล นุ่มนิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก็คือ ลูกากู นี่แหละ เขาสูง เขาตัวใหญ่ และเมื่อเทียบกับแนวรับของทีมเยือนแล้ว ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะไม่กลัวหอกชาวเบลเยียม

ตลอดครึ่งแรก แนวรับ อาร์เซนอล เสียเวลาไปกับการไล่ประกบกองหน้าเบอร์ 9 จนทีมเปิดช่องให้ ป็อกบา ลินการ์ด และ อเล็กซิส ได้ทำเกมเติมขึ้นมาตลอด แต่ทันทีที่เขาถูกหามออกจากสนามแล้วส่ง แรชฟอร์ด ลงมาแทน เกมรุกของ ยูไนเต็ด ก็หายไปเสียดื้อ ๆ เกมทางภาคพื้นไม่สามารถทำอันตรายแนวรับ อาร์เซนอลได้เลย ไม่ว่าจะเป็น อเล็กซิส แรชฟอร์ด หรือ มาร์กเซียล

จนกระทั่งช่วงท้ายเกมนั่นแหละที่เจ้าบ้านเริ่มบอมบ์ยาวมากขึ้น ครั้งแรกที่ เฟลไลนี ได้โขกเต็ม ๆ ก็เกือบทำประตูให้ทีมได้แล้ว ซึ่งอันที่จริงบอลมันเข้าประตุไปด้วยซ้ำ แต่เพราะไปโดน แรชฟอร์ด ก่อนจึงถูกจับล้ำหน้า   และไม่กี่นาทีต่อมานั้นเอง เฟลไลนี ก็ทำประตูชัยได้จริง ๆ และช่วยให้ ยุไนเต็ด คว้า 3 แต้มสำเร็จ

หาก เฟลไลนี ต้องไปจริง ๆ แล้ว แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่เปลี่ยนสไตล์การเล่น บางที มูรินโญ ควรต้องเสริมทัพด้วยนักเตะตัวใหญ่ ๆ สูง ๆ อีกสักรายที่สามารถทำประตูในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ได้หน่อยล่ะ ปีเตอร์ เคราช์ มั้ย ?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook