5 เรื่องต้องรู้ หลังเชลซี เก็บ 3 แต้มสำคัญต่อการลุ้นโควตาแชมเปี้ยนส์ลีก

5 เรื่องต้องรู้ หลังเชลซี เก็บ 3 แต้มสำคัญต่อการลุ้นโควตาแชมเปี้ยนส์ลีก

5 เรื่องต้องรู้ หลังเชลซี เก็บ 3 แต้มสำคัญต่อการลุ้นโควตาแชมเปี้ยนส์ลีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เชลซี คว้า 3 แต้มสำคัญสำเร็จ แม้จะไม่มี มาร์กอส อลอนโซ ช่วยทำเกมทางซ้ายของพวกเขาเนื่องจากติดโทษแบน ซึ่งชัยชนะในนัดนี้ช่วยต่อลมหายใจในการลุ้นพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ลีก ของพวกเขาออกไปได้อีกอย่างน้อย 2 นัด

อย่างไรก็ตาม ภารกิจสัปดาห์นี้ของพวกเขายังไม่สิ้นสุด เมื่อยังมีเกม เอฟเอคัพ กับ เซาแธมป์ตัน อยู่ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้

ฟอร์มการเล่นของ โมเสส, โมราต้า และ เอเมอร์สัน คือสิ่งที่น่าพูดถึงในเกมนี้ แต่ก็ยังมีอีก 2-3 อย่าง ที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และลิสต์ข้างล่างนี่แหละที่จะบอกคุณว่า ประเด็นน่าสนใจในเกมที่ เบิร์นลีย์ เปิดบ้านแพ้ เชลซี 1-2 มีอะไรบ้าง

ถ้าพร้อมแล้ว เลื่อนลงไปอ่านกันได้เลย !

5. ฌอน ไดช์ ได้รับการยกย่องน้อยกว่าที่ควรเป็นOLI SCARFF/GettyImages

ก่อนหน้าเกมจะเริ่มต้นขึ้น อันโตนิโอ คอนเด้ ออกมาพูดเกทับว่า เขาต้องเจองานยากกว่า ไดช์ ในการทำทีม เชลซี  เพราะเขาต้องทำทีมลุ้นแชมป์ซึ่งมีได้แค่ทีมเดียว แต่ ไดช์ แค่ทำทีมหนีตกชั้น ซึ่งยังไงก็มีโอกาสมากกว่า

 จริงอยู่ที่ เบิร์นลีย์ จริง ๆ แล้วควรหนีตกชั้น ด้วยชื่อนักเตะอย่าง เบ็น มี, เจมส์ ทาร์คอฟสกี้, แอชลีย์ บาร์นส์ หรือ คริส วูด แต่ใครจะคิดเล่าว่าด้วยนักเตะชุดนี้ พวกเขากำลังท้าทายพื้นที่ยุโรปครั้งแรกของสโมสรอยู่ในขณะนี้ 

 แม้พวกเขาจะเป็นผู้แพ้และครองเกมน้อยกว่า แต่เกมวันนี้ของ เบิร์นลีย์ ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลย นักเตะอย่าง คริส วูด หรือ แอชลีย์ บาร์นส์ ตามจริงแล้วไม่ควรจะเทียบชั้นกับ เซซาร์ อัซปิลิกูเอต้า, รูดิเกอร์ หรือ เคฮิลล์ ได้ด้วยซ้ำ และ โมราต้า หรือ ชิรูด์ ก็ควรจะกินหมู กับนักเตะในแผงหลัง แต่ด้วยอะไรบางอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น เชลซี บุกหนักกว่า มีโอกาสเกือบทั้งเกม แต่พวกเขาก็ต้องอาศัยลูกทำเข้าประตูตัวเอง กับลูกครอสกดดันเท่านั้น นอกนั้นทำอะไรไม่ได้เลย 

 คอนเต้ อาจจะดีใจ ที่พวกเขาเก็บ 3 แต้มได้สำเร็จ แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเล่นได้อย่างสมภาคภูมิหรอกนะ แต่น่าจะหมายถึงการโล่งใจที่พวกเขารอดชีวิตออกไปแบบน่าเกลียดจากบ้านของ เบิร์นลีย์ และ ไดช์ ต่างหาก 

4. ชิรูด์ ยังเหนือกว่า โมราต้าLaurence Griffiths/GettyImages

ได้โอกาสลงมาทำเกมคู่กันในแดนหน้าเป็นครั้งแรกสำหรับ อัลบาโร โมราต้า และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แต่ดูเหมือนรายหลังจะดูมีภาษีมากกว่าเล็กน้อยในเกมนี้

 โมราต้า มีโอกาสมากกว่าคู่หูชาวฝรั่งเศสในเกมนี้ หลังได้หลุดเข้าไปซัดใส่ประตู เบิร์นลีย์ ถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถเอาชนะ นิค โป๊ป นายทวารเจ้าถิ่นได้ ในขณะที่ครึ่งหลังกลับมีโอกาสทองมากกว่าจากการหลุดเดี่ยวเกือบครึ่งสนาม แต่กลับยิงพลาดไปอย่างไม่น่าให้อภัย แถมตอนโดนเปลี่ยนตัวออกยังมีหงุดหงิดใส่ทั้งโค้ชและแฟนบอลข้างสนามอีก

ในขณะที่ ชิรูด์ แม้จะมีโอกาสทำประตูน้อยกว่า แต่การเล่นของเขามีประโยชน์กับทีมมากกว่าเยอะ เขาตัวใหญ่ บังทางบอลดี และแทบไม่เจอปัญหาในการปะทะกับผู้เล่น เบิร์นลีย์ เลย แถมเมื่อ โมราต้า โดนเปลี่ยนออก แล้วเอา อาซาร์ ลงมาแทน ชิรูด์ ก็ยังสามารถประสานงานกับ อาซาร์ ได้อย่างรู้ใจอีกด้วย

ดูท่าแล้ว โมราต้า คงต้องตกเป็นเบี้ยล่างให้ ชิรูด์ ต่อไปอีกหน่อยละนะ

3. โมเสส ช่วยชีวิตอีกครั้งLaurence Griffiths/GettyImages

แม้จะไม่ได้นำทัพชาวยิวหนีกองทัพอียิปต์ แต่ วิคเตอร์ โมเสส ก็สามารถแหวกทะเลแนวรับของ เบิร์นลีย์ เข้าไปอยู่ในเขตอันตรายของเจ้าบ้านได้เสมอ

 จังหวะที่ทีมได้ประตู โมเสส เห็นแล้วว่า วอร์ด ทาร์คอฟสกี้ และ ลอง ยืนอยู่ในไลน์เดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันก็มีช่องให้เขาวิ่งตัดเข้าไปเอาบอลได้ ซึ่งการยืนของโมเสส ก็ทำให้ทางแนวรับ เบิร์นลีย์ ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างถอยลงไปในแดนตัวเองมากขึ้น แต่เปิดช่องให้ เชลซี ทำเกมบุกขึ้นมาตามปกติ หรือจะดันสูงรอเช็คล้ำหน้า โมเสส แต่ถ้าพลาดขึ้นมาก็โดนหลุดเข้าไปในเขตอันตรายแน่ ซึ่งแนวรับ เบิร์นลีย์ ก็เลือกทำอย่างหลัง และ โมเสส ก็หลุดกับดักล้ำหน้าได้จริง

 ส่วนลูกที่เขาทำประตูได้ก็ต้องถือว่าเหนือความคาดหมายเล็กน้อย เอเมอร์สัน ตั้งใจจะโยนให้ ชิรูด์ ที่วิ่งเข้าใส่ในเขตโทษ แต่การปะทะกันกับแนวรับ เบิร์นลีย์ ทำให้บอลมันลอยข้ามแนวรุกฝรั่งเศสไปเสาสอง ซึ่ง โมเสส ก็ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี ในขณะที่ผู้เล่น เบิร์นลีย์ ได้แต่ตกใจเมื่อเห็นบอลเข้าเท้า โมเสส เสียด้วยซ้ำ 

2. เอเมอร์สัน ฉายแววClive Brunskill/GettyImages

ก่อนเกมจะเริ่มต้นขึ้น สิงโตน้ำเงินคราม ได้รับข่าวร้าย เมื่อวิงแบ็คซ้ายตัวเก่งดีกรีติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีอย่าง มาร์กอส อลอนโซ ติดโทษแบนจากการไปย่ำใส่ผู้เล่น เซาแธมป์ตัน ในนัดก่อนหน้า

 ถ้าเป็นตามปกติ ตำแหน่งที่ลงตัวที่สุดควรจะเป็น เซซาร์ อัซปิลิกูเอต้า แต่นับตั้งแต่การเข้ามาคุมทีมของ คอนเต้ และระบบ 3-4-3 อัซปิลิกูเอต้า กลายเป็นเซ็นเตอร์แบ็คที่ไว้ใจได้มากที่สุดและขาดไม่ได้เสียแล้ว นั่นทำให้ ซัปปาคอสต้า กับ เอเมอร์สัน จึงเป็นตัวเลือกในลำดับถัดมา

 เอเมอร์สัน เพิ่งจะหายเจ็บ ไม่ฟิตเต็มร้อย แต่ ซัปปาคอสต้า ได้โอกาสไปแล้วในเกมล่าสุด ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ คอนเต้ จึงตัดสินใจที่จะเข็นอดีตแบ็คจาก โรมา ลงสนามในเกมนี้ให้ได้ ซึ่ง เอเมอร์สัน ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง จัดการโหมเกมบุกทางฝั่งซ้ายแทน อลอนโซ อย่างไร้รอยต่อ เปิดเข้ากลางได้ลุ้นหลายครั้ง และก็เป็นเขานี่แหละที่ทำให้ทีมได้ประตูขึ้นนำ 2-1 ในครึ่งหลัง

 เป็นข่าวดีสำหรับ เชลซี เพราะนั่นหมายความว่าพวกเขามีอะไหล่ในตำแหน่งวิงแบ็คเสียที อย่างที่บอกไปตอนแรก ทุกวันนี้ อัซปิลิกูเอต้า ต้องเล่นเซ็นเตอร์เท่านั้นเพราะคนอื่นไม่น่าไว้ใจเท่า ส่วน ซัปปาคอสต้า ที่คว้ามาก็ยังฟอร์มไม่นิ่งอย่างที่หวังเอาไว้ วิงแบ็คชาวบราซิลจึงสามารถที่จะเข้าอุดรอยรั่วตรงนี้ได้ต่อไปในอนาคต

1. โอกาสของ เชลซี ยังมีLaurence Griffiths/GettyImages

ชัยชนะของ เชลซี ในวันนี้ช่วยให้พวกเขาไล่ สเปอร์ส เหลือ 5 คะแนนแล้ว หลังแข่งไป 34 นัดเท่ากัน 

 ก่อนหน้านี้ 2 เกม สเปอร์ส นำ เชลซี ห่างถึง 10 แต้ม ซึ่งต้องขอบคุณทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ไบรท์ตัน ที่ช่วยฉุด ไก่เดือยทอง เอาไว้ด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็ต้องชมแรงใจของผู้เล่น เชลซี ด้วยเหมือนกันที่ทำให้พวกเขาเก็บ 6 แต้มเต็มจาก 2 นัดล่าสุดสำเร็จ

ด้วยโปรแกรมที่เหลืออยู่ สเปอร์ส ดูมีภาษีกว่าเล็กน้อยตรงที่พวกเขาจะไม่เหลือบิ๊กแมตช์ให้เล่นแล้ว ขณะที่ เชลซี ยังเหลืองานยากกับ ลิเวอร์พูล อยู่ อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงใจที่เริ่มกลับมา ประกอบกับฟอร์มที่ดร็อปลงของ สเปอร์ส ซึ่งเกิดขึ้นทุกปี ไม่แน่ว่าการตัดสินพื้นที่อันดับ 4 อาจจะต้องยื้อกันไปจนแมตช์สุดท้ายเลยก็เป็นได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook