"VAR ท่าจะยุ่ง"
ในระหว่างเทคโนโลยี VAR หรือ Video Assistant Referee กำลังเป็นที่ได้รับการถกเถียง วิพากษ์วิจารณ์ถึงข้อดีข้อเสีย รวมทั้งความเหมาะสมและจังหวะในการใช้งาน ฟีฟ่า ก็ออกมาทุบโต๊ะเปรี้ยงประกาศให้ฟุตบอลโลก 2018 เที่ยวนี้ใช้ VAR
ทำไมมันต้องเร่งร้อนกันขนาดนั้น และหากวิธีช่วยตัดสินในเกมฟุตบอลลักษณะนี้เข้าที่เข้าทางแล้ว ไฉนจึงมีทั้งเสียงบ่นระงมและเสียงโห่จากรายการที่ทดลองใช้อย่าง กัลโช่ เซเรีย อา และ เอฟ.เอ. คัพ ของอังกฤษ จนทำให้พรีเมียร์ลีกเองกำลังทบทวนว่าจะใช้ดีหรือไม่ โดยที่ผ่านมา สิ่งที่ขัดใจแฟนลูกหนังก็คือ
1.ทำให้เกมสะดุดหยุดลงบ่อยและนานเกินไป
2.ผู้ตัดสินไม่สามารถสื่อสารกับคนดูได้ว่า กำลังทำอะไรอยู่และตัดสินใจเช่นนั้นเพราะอะไร เนื่องจากไม่มีไมโครโฟนประกาศเหมือนอเมริกันฟุตบอล ทุกอย่างมันก็เลยดูเงียบงันและงงงงกันไปหมด
3.คนดูเสียอารมณ์ เพราะระหว่างเกมดีใจหรือเสียใจเก้อบ่อยๆครั้งเข้า มันก็เซ็งนะคุณ
4.การย้อนคำตัดสินของตัวเองบ่อยๆ กลายเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของแฟนบอลและนักเตะที่มีต่อผู้ตัดสินไปโดยปริยาย
5.การที่กรรมการพึ่งอุปกรณ์ช่วยเยอะๆ สุดท้ายกลายเป็นทำให้ขาดความเชื่อมั่นในสายตาและการตัดสินใจของตัวเองในจังหวะแรกไปเสียด้วยในท้ายที่สุด
ผมมองว่าฟุตบอลเป็นเกมที่ค่อนข้างละเอียดและแปลกประหลาดไม่เหมือนกีฬาอื่น ต่อให้จับผู้ตัดสินสองคนมานั่งดูเหตุการณ์ฟาวล์เดียวกัน ลงท้ายผลตัดสินออกมาอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้ แถมยังเป็นเกมที่ใช้เกือบจะทุกสัดส่วนของร่างกายเล่น
จึงทำให้การตัดสินว่าจังหวะไหนเป็นจุดโทษหรือควรให้ใบเหลืองใบแดงหรือไม่นั้น บางจังหวะ “ไม่ง่าย” แม้จะมีกล้องกี่สิบตัวก็ตาม เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีการลักษณะการทำฟาวล์ได้หลากหลายและสังเกตได้ยากมาก มือสะบัดไปโดนหรือกำหมัด แขนฟาดหรือมีศอกร่วมด้วย ยกเท้าสูงหรืออีกฝ่ายก้มต่ำ สไลด์ธรรมดาหรือเป็นแบบเปิดปุ่ม เปิดปุ่มต่ำหรือสูง สองเท้าหรือเท้าเดียว ควรจะเป็นใบเหลืองหรือใบแดง แฮนด์บอลหรือบอลทูแฮนด์ แขนแนบลำตัวสนิทหรือไม่
ต่อให้หยุดดู ยืนดู ตะแคงดู สุดท้ายก็ยังอาจจะได้รับคำตัดสินที่ผิดพลาด เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงทดลองใช้เทคโนโลยีนี้
“ฟุตบอล” ในอดีตคือเกมที่ต่อเนื่อง สนุกสุดมัน และใช้อุปกรณ์เข้ามาเกี่ยวข้องน้อยที่สุด จึงเป็นกีฬาของมวลหมู่มหาชน เพราะไม่ใช่ต้นทุนอะไรมากนัก กลายเป็นเกมของคนทั้งโลก ไม่ว่าจะยากดี มี จน แต่ทุกวันนี้หลายฝ่ายกลับพยายามทำให้มันยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆ โดยลืมความเรียบง่ายที่เป็นเอกลักษณ์
อย่ามา “ดัดจริต” พูดว่า แล้วคุณไม่ต้องการความถูกต้องเหรอ? ถ้าทีมคุณเสียเปรียบบ้างล่ะจะเป็นไง?
ผมจะถามกลับว่าในชีวิตจริงคุณเคยได้รับความถูกต้องแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ละหรือ ไม่ต้องไปพูดถึงในเกมกีฬาหรอกครับ
ความ “ถูกต้อง” ใครๆก็อยากได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่ทำลายเสน่ห์ของเกมที่เรารักลงไป พอเสียงนกหวีดดังทุกอย่างจบลงด้วยสปิริตของนักกีฬา แฟนบอล รวมทั้งผู้ตัดสิน มันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ยกเว้นไอ้ประเภทที่ทำน่าเกลียดขนาดคดโกง ไปรับเงินเขามาเพื่อตัดสินตามเป้าหมายของคนจ้าง
สุดท้ายผมยังชอบแนวทางของ ยูฟ่า ที่ยืนหยัดจะใช้โกล์ไลน์เทคโนโลยีและผู้ตัดสิน 5 คนอยู่ต่อไป และคิดว่าไม่เห็นมีความจำเป็นเร่งร้อนอะไร ที่ต้องรีบนำเอาเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้ถูกทดสอบจนได้การยอมรับจากแฟนบอลส่วนใหญ่มาใช้แบบปัจจุบันทันด่วนเช่นนี้