สถิติมีไว้ทำลาย!!!

สถิติมีไว้ทำลาย!!!

สถิติมีไว้ทำลาย!!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ขวบปีที่ผ่านมา ลิโอเนล เมสซี่ สร้างความฮือฮาด้วยการระเบิดฟอร์มทำลายสถิติเป็นว่าเล่น และคงยากจะหามนุษย์ผู้ใดรังสรรค์ผลงานได้เหนือความคาดหมายเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลากหลายเรื่องราวในโลกลูกหนังที่อยู่เหนือจินตนาการของเราท่านทั้งหลาย และคงยากจะหาผู้ใดมาทำลาย จนเผลอคิดไปว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือนี่???

ไล่ตั้งแต่สถิติชนะมากที่สุด ซึ่งใครจะไปคิดว่าสกอร์จะมโหฬารบานตะไทยิ่งกว่าเวทีโต๊ะเล็กอย่างฟุตซอล ไปจนถึงสถิติค่าตัวแพงสุดที่ไม่นุกไม่ฝันว่าสโมสรใดจะบ้าจี้ทุ่มเงินก้อนโตเพียงนั้น

ว่าแล้วผมเลยหยิบเอาบทความของ นิค อาเคอร์แมน คอลัมนิสต์จาก บลีเชอร์รีพอร์ทดอทคอม ซึ่งจัดการขุดคุ้ยสถิติอันเหนือมนุษย์มนาที่เคยบังเกิดบนฟลอร์หญ้ามาให้ท่านผู้อ่านได้ทัศนา

งานนี้จริงหรือไม่ ใช่หรือมั่ว และจะอึ่ง ทึ่ง เสียว สักแค่ไหน เชิญรับชมผ่านหน้ากระดาษ A4 น้อยๆ ใบนี้ได้เลยขอรับพี่น้อง

ชนะมากที่สุดในโลก เอเอส อเดม่า 149-0 โอลิมปิก อิมมีรีน

หลายท่านต้องไม่เชื่อสายตาเป็นแน่แท้ว่าว่าจะมีฟุตบอลแมตช์ใดในโลกที่ทำประตูกันถล่มทลายเยี่ยงนี้ ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากผมเองที่นึกว่าเกมที่ ออสเตรเลีย ไล่ต้อน อเมริกัน ซามัว 31-0 คือสุดยอดแห่งการถลุงตาข่ายแล้ว

อย่างไรก็ตาม มันคือเรื่องจริง และเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวัน 31 ตุลาคม 2002 ไม่ใกล้ไม่ไกลประมาณ 10 ปีก่อนนี่เอง ในเกมการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติของ มาดากาสการ์ ทำลายสถิติเดิมที่ อาร์บรอธ ถล่ม บอน แอ็คคอร์ด 36-0 ในปี 1885 ลงอย่างราบคาบ

กระนั้น สกอร์ดังกล่าวมันดูเหมือนจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีการเตรียมการหรือตกลงกันล่วงหน้า เพราะฟุตบอลแข่งขันกันเพียง 90 นาที ซึ่งหมายความว่า อเดม่า จะต้องทำประตูในทุกๆ 36 วินาที

สุดท้ายผมถึงบางอ้อ เมื่อมีการระบุว่ากุนซือของ โอลิมปิก อิมมีรีน มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับผู้ตัดสิน จึงสั่งให้ลูกทีมยิงประตูตัวเองมันซะเลย ทำเอาแฟนบอลเรียกร้องขอเงินค่าตั๋วคืนเป็นการใหญ่

หลังจบเกมดังกล่าว สมาคมฟุตบอลมาดากาสการ์ ไม่รอช้า สั่งลงดาบแบน ซาก้า เบ กุนซือ โอลิมปิก อิมมีรีน เป็นเวลา 3 ปี รวมไปถึงผู้เล่นอย่าง มามิซัว ราซาฟินดราโกโต้, มานิตรานิริน่า อันเดรียเนียอิน่า, นิโกลัส ราโกตัวริมานาน่า และ โดมินิเก้ ราโกโตนานดราซาน่า ไปจนจบฤดูกาล...แหม่ ทำไปได้!!!

ติดทีมชาติมากที่สุด อาห์เหม็ด ฮัสซัน : อียิปต์ 184 นัด

น้อยคนนักจะมีโอกาสรับใช้ทีมชาติแตะหลัก 100 นัด หากว่าฟอร์มการเล่นและสภาพร่างกายไม่คงเส้นคงวามากจริงๆ แม้ว่าเหล่านักเตะระดับตำนานของชาติเล็กๆ ดูจะติดธงแทบทุกเกมอยู่ร่ำไป

เอาแค่ของ ไทย ก็มี ตะวัน ศรีปาน(145) และ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง(132) ที่แตะหลัก 100 นัดแบบสบายๆ แต่สถิติโลกมันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อเรากำลังจะพูดถึงหลัก 200 นัดกันอยู่!!!

ครับผมชายคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน อาห์เหม็ด ฮัสซัน ห้องเครื่องกัปตันทีมอียิปต์ ซึ่งลงรับใช้บ้านเกิดไปแล้วกว่า 184 นัด และยังไม่ประกาศเลิกเล่นทีมชาติเสียด้วย แม้อายุอานามจะปาเข้าไป 37 ขวบแล้วก็ตาม

โดย ฮัสซัน เริ่มต้นติดธงรับใช้ "มัมมี่" ตั้งแต่ปี 1995 หรือในวัย 20 ขวบพอดิบพอดี และกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมเรื่อยมา จนแตะหลัก 184 เกม ยากเหลือเกินที่ใครจะทำลายลงไป

อย่างไรก็ตาม สถิติโลกของแข้งแม่เนื้ออ่อนต่างกับผู้ชายลิบลับ เมื่อมีผู้เล่นที่ติดธงเกิน 200 นัดเดินยั้วเยี้ยกันไปหมด โดยผู้ครองสถิติคือ คริสเตียน ลิลลี่ ดาวเตะทีมชาติสหรัฐอเมริกา ที่รับใช้บ้านเกิด 352 นัด แต่ใครจะไปสนใจละตัวเธอ!!!

พรีเมียร์ลีกไร้พ่าย อาร์เซนอล ฤดูกาล 2003/04

แน่นอนว่านี่คงไม่ใช่สถิติที่ได้รับการจดบันทึกจากการแข่งขันทั่วโลก แต่เราท่านต่างทราบดีว่า พรีเมียร์ลีก เป็นเวทีการแข่งขันที่แปรปรวนที่สุดในโลก และมีโอกาสแพ้ชนะกันได้ทุกเกม

ดังนั้น การจะหาสักหนึ่งทีมที่ทำสถิติไร้พ่ายตลอด 1 ฤดูกาลหรือ 38 นัดจึงเป็นเรื่องยากเข้าขั้นยากมาก แต่ อาร์เซนอล ภายใต้การนำทัพของ อาร์แซน เวนเกอร์ ทำได้ครับ

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อซีซั่น 2003/04 "ปืนใหญ่" ในยุคเกรียงไกรเดินหน้ากวาดชัยเป็นว่าเล่น ก่อนจบฤดูกาลด้วยสถิติชนะ 26 เสมอ 12 ซิวแชมป์ไปครองในบั้นปลาย

หลายท่านอาจมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แต่ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นได้ยาก เพราะในแต่ละสัปดาห์เราจะเห็น "แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์" เรียงแถวมาสร้างเซอร์ไพรส์เป็นว่าเล่น

ดังนั้น การผงาดคว้าแชมป์ด้วยสถิติไร้พ่ายของ อาร์เซนอล จึงเป็นสิ่งที่ผมอยากให้มีการจดบันทึกสถิติเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาคือสโมสรเดียวในพรีเมียร์ลีกที่ทำได้ และไม่มีใครเคยเฉียดเข้าใกล้อีกเลย แม้สมควรจดบันทึกสถิติไร้แชมป์ไปด้วยก็ตาม (ฮา)

ยิงประตูมากที่สุดใน 1 ปี ลิโอเนล เมสซี่ : 91 ประตู

อัจฉริยะลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ ก้าวขึ้นมาสร้างความตื่นตาตื่นใจบนฟลอร์หญ้าตั้งแต่ปี 2004 และปัจจุบันก็ได้รับการยกย่องให้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดของ(เสียงส่วนใหญ่)โลก

ล่าสุด เมสซี่ ก็เพิ่งตอกย้ำความเก่งกาจประดุจบุรุษผู้มาจากนอกโลกของตนเอง ด้วยการระเบิดตาข่ายไป 91 ประตูในรอบปีปฏิทิน 2012 ทำลายสถิติเดิมของ แกร์ด มุลเลอร์ ลงได้อย่างเหลือเชื่อ

อย่างไรก็ตาม มีปัญหาตามมาไม่หยุดหย่อนว่า เมสซี่ คือเจ้าของสถิติดังกล่าวจริงหรือ? เมื่อ สมาคมฟุตบอลแซมเบีย(เอฟเอแซด) ท้วงติงมาว่า ก็อดฟรี่ย์ ชิตาลู แข้งระดับตำนานของพวกเขาต่างหากคือของจริง

โดย เอฟเอแซด ระบุว่า ชิตาลู ระเบิดตาข่ายไปถึง 107 ประตูในปี 1972 ซึ่งพวกเขาได้มีการเก็บรวบรวมสถิติเอาไว้ด้วย ดังนั้น 91 ลูกของ เมสซี่ จึงถือว่าจิ๊บจ๊อยมาก

กระนั้น ฟีฟ่า ก็ไม่ได้สนใจตรวจสอบเรื่องราวดังกล่าวมากนัก เพราะก่อนหน้านั้นพวกเขาไม่ได้รับเรื่องจากสโมสรใดๆ เลย เรียกว่าต้องการเกาะกระแส เมสซี่ ดังกันมากกว่า ซึ่งได้แต่หวังว่า ดาวเตะวัย 25 ปี จะยิงอีกสัก 120 ประตูหุบปากพวกบ่าวช่างฟ้องกันไปเลย

ย้ายทีมแพงที่สุดในโลก คริสติอาโน่ โรนัลโด้ : 93 ล้านยูโร

ปี 2009 เรอัล มาดริด ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อทุ่มเงิน 93 ล้านยูโรเป็นสถิตโลกคว้าตัว คริสติอาโน่ โรนัลโด้ มาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมค่าเหนื่อย 12 ล้านยูโรต่อปี แถมมีค่าฉีกสัญญาสูงถึง 1,000 ล้านยูโร

ที่น่าขบขันไปกว่านั้นคือก่อนหน้านั้นเพียงเดือนเดียว "ราชันชุดขาว" ก็เพิ่งทุ่มเงิน 65 ล้านยูโรคว้าตัว ริคาร์โด้ กาก้า มาจาก เอซี มิลาน ซึ่งรายนี้เล่นไม่ค่อยคุ้มค่าตัวสักเท่าไหร่

กลับมาว่าที่สถิติของ โรนัลโด้ กันต่อ การทุ่มเงินครั้งนี้ของ เรอัล มาดริด นำมาซึ่งภาวะเงินเฟ้อของตลาดซื้อขายนักเตะ เพราะทำให้เหล่ามหาเศรษฐีเจ้าของสโมสรเทกระจาดไม่อั้นเพื่อหวังครอบครองดาวเตะเฉกเช่นเดียวกัน

ซึ่งผลงานอันย่ำแย่ของ เรอัล มาดริด ในฤดูกาลนี้ ทำให้ โรนัลโด้ ตกเป็นข่าวย้ายทีมหนาหูกับทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แถมไม่มีใครปฏิเสธเสียด้วย แม้สนนราคาต้อง 100 ล้านยูโรขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถิตินี้อาจคงทนไปอีกหลายปี เพราะจะหานักเตะระดับ โรนัลโด้ หรือ ลิโอเนล เมสซี่ ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ได้ย้ายกันง่ายๆ ด้วย ดูอย่าง เนย์มาร์ สิครับ เต็มที่ก็ไม่เกิน 50 ล้านยูโรหรอกพี่น้อง

เรื่องโดย "จูลส์ริเม่ต์"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook