"มันโช่" โม้จุงเบย!!

"มันโช่" โม้จุงเบย!!

"มันโช่" โม้จุงเบย!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ฟุตบอลลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีเปลี่ยนชื่อมาเป็นพรีเมียร์ลีก คงไม่มีใครกล้าปฎิเสธว่าชายที่ชื่อ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือสุดยอดกุนซือหมายเลขหนึ่งของเกมลูกหนังในที่แห่งนี้

นับเฉพาะทัวร์นาเมนต์ในเกาะ อังกฤษ แชมป์พรีเมียร์ลีก 12 สมัย เอฟเอ คัพ 5 สมัย ลีก คัพ 4 สมัย คอมมูนิตี้ ชิลด์ 10 สมัย คือเครื่องการันตีความยิ่งใหญ่ของขรัวเฒ่าวัย 71 ปีได้เป็นอย่างดี

คู่ต่อสู่คนแล้วคนเล่าไม่ว่าจะเป็น เควิน คีแกน (นิวคาสเซิ่ล), อาร์แซน เวนเกอร์ (อาร์เซนอล), โจเซ่ มูรินโญ่ (เชลซี) รวมถึง ราฟาเอล เบนิเตซ (ลิเวอร์พูล) แม้ว่าจะดูสมน้ำสมเนื้อ แต่ก็ไม่มีใครยืนระยะได้ซักคน

เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำทีมแมนฯ ยูไนเต็ดพุ่งชนความสำเร็จเป็นว่าเล่น

แม้ว่าจะไม่ได้ผูกปีคว้าแชมป์อยู่เพียงทีมเดียว มีหลายฤดูกาลที่พลาดท่าเสียแชมป์ให้กับทีมอื่นๆ แต่ลูกทีมของ "ป๋ากี้" ไม่เคยตายนาน พวกเขาปลุกผี ถ่ายเจเรเนชั่นส์ใหม่ได้อยู่ตลอด และกลายเป็นทีมที่ได้แชมป์พรีเมียร์มากสุดอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตามจากข่าวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าข่าวที่ฮือฮาไม่น้อย เมื่อ โรแบร์โต้ มันชินี่ หาญกล้าประกาศศักดายกตนข่มทุกสำนักว่าเขาคือกุนซือที่เก่งที่สุดในพรีเมียร์ลีกยุคนี้

"ในช่วง 15 เดือนที่ผ่านมา ผมคือกุนซือที่เก่งที่สุดในอังกฤษ ผมคว้าแชมป์ลีก 1 สมัย เอฟเอ คัพ 1 สมัย และ แชร์ริตี้ ชิลด์ 1 สมัย ไม่มีผู้จัดการทีมคนไหนทำได้เหมือนผมในช่วง15 เดือนที่ผ่านมา ผมงานของผมมันเป็นของจริง"

คำพูดดังกล่าวหากไม่อคติเกินไป ก็ดูจะมีน้ำมีนวล มีเหตุและผลมารองรับพอสมควร โดยเฉพาะหากวัดกันที่จำนวนโทรฟี่ย์ เพราะ 15 เดือนที่ผ่านมา "มันโช่" คือกุนซือที่คว้าแชมป์ได้มากที่สุด

ประกาศว่าตัวเองเจ๋งสุดในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

หรือถ้าจะให้ย้อนกลับไปจนครบ 2 ฤดูกาลหลังสุดกุนซือชาวอิตาเลียนก็ยังมีภาษีดีกว่าใครๆ แม้ว่าแต่ เฟอร์กูสัน เองก็มีแค่แชมป์พรีเมียร์ลีก กับ คอมมูนิตี้ ชิลด์ ในฤดูกาล 2010-11 เพียง 2 รายการเท่านั้น

แต่ถ้าเปรียบเทียบในเรื่องของความสม่ำเสมอ ผลงานของทีมออกเป็นนัดๆ นับเฉพาะช่วงที่ มันชินี่ กล่าวอ้าง (18/11/11 - 17/02/13) เขามีเปอร์เซ็นต์ที่แย่กว่า เซอร์อเล็กซ์ อย่างเห็นได้ชัด

ในจำนวน 74 นัดเท่ากัน กุนซือ "เรือใบสีฟ้า" ชนะได้เพียง 42 นัด น้อยกว่าคู่แข่งร่วมเมืองถึง 10 เกม แม้ว่าจะมีจำนวนเสมอที่มากกว่า และเมื่อนำมาคิดเป็นแต้มก็แพ้ขาดลอยถึง 22 คะแนน

เท่านั้นไม่พอหากเราขยายเวลาต่อไปจนจบฤดูกาลนี้ แล้ว มันชินี่ คงไม่กล้าโม้แน่ว่าใครคือเบอร์ 1 เพราะด้วยแต้มที่ตามหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 12 คะแนน มันหมายถึงโอกาสที่ริบหรี่มากๆที่พวกเขาจะป้องกันแชมป์ได้

คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในวินาทีสุดท้ายของซีซั่น

นอกจากเรื่องดังกล่าวยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้ มันโช่ ยังไม่เป็นที่ยอมรับในเรื่องนี้ โดยเฉพาะการได้คุมทีมเงินถุงเงินถังอย่าง แมนฯ ซิตี้ ที่มีทรัพยากรล้นเหลือ สามารถทุ่มมันนี่ก้อนโตดึงผู้เล่นเกรดคุณภาพมายกระดับทีมได้แบบขึ้นทางด่วน

ลองจินตนาการเล่นๆหากทีมที่กุนซือวัย 48 ปีได้คุม กลับเป็นยักษ์หลับอย่าง ลิเวอร์พูล หรือ อาร์เซนอล อาจจะรวมไปถึง สเปอร์ส ที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีจำกัด สถานภาพของเขาก็คงไม่ได้ดูดี มีโทรฟี่ย์ติดมือง่ายๆแน่

ขุมกำลังของ แมนฯ ซิตี้ ตอนนี้ถือว่าคือหนึ่งไม่เป็นสองรองใคร นักเตะแต่ละคนดีกรีทีมชาติ เป็นแข้งท็อปๆแทบทั้งสิ้น แต่เวลาเล่นไม่ดี มันโช่ กลับไปโทษนักเตะ โทษว่าทรัพยากรในทีมไม่ดีพอ โทษผู้บริหารไม่สนับสนุนงบเรื่องซื้อ-ขาย

ยิ่งมาเทียบกับความล้มเหลวใน แชมเปี้ยนส์ลีก ที่กระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มถึง 2 ปีติด มันยิ่งตอบโจทย์ได้ว่า มันชินี้ นั้นยังใช้ทรัพยากรในทีมได้ไม่ดีพอ แท็กติกที่กล้าๆ กลัวๆ มันจึงทำให้ทีมหนักไปทางเสมอ หรือได้แค่เบียดชนะเท่านั้น

นักเตะของมันชินี่ส่วนมากมีชื่อเสียงและฝีเท้าดีมาก

ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้ต้องการดิสเครดิต มันชินี่ อย่างน้อยๆในเรื่องของโทรฟี่ย์แชมป์ที่ได้มา ก็ยืนยันได้ว่าเขาเป็นกุนซือที่ฝีมือดีคนหนึ่ง มีโอกาสที่จะกลายเป็นยอดกุนซือได้ในอนาคต

แต่ทุกอย่างมันยังไม่ใช่ตอนนี้ สิ่งที่เขาควรทำ ไม่ใช่การมาโม้ประกาศศักดา เขาควรทำการบ้านเตรียมทีมให้ดีที่สุด พยายามฮึดสู้แย่งแชมป์ลีกในสมศักดิ์ศรี มุ่งเป้าคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ เพื่อรักษาความมั่นคงของตำแหน่งที่นั่งอยู่

หาไม่แล้วหากสิ้นฤดูกาล เรือใบ เกิดมือเปล่าขึ้นมา มันโช่ อาจจะตกเก้าอี้ขึ้นมาจริงๆก็เป็นได้

เรื่องโดย "เกื้อ บ้านไกล"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook