My Liverpool : มาร์ค สุรเดช

My Liverpool : มาร์ค สุรเดช

My Liverpool : มาร์ค สุรเดช
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ปลายทางสำหรับฤดูกาล 2012/13 ยังคงเป็นสิ่งที่เราต้องตามลุ้นกันต่อไปหลังจากที่พวกเขาผ่านเกมหนักสองเกมในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้ง อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยที่มีแต้มจากทั้งสองเกมทำให้ความหวังที่จะคว้าอันดับ 4 ซึ่งเป็นโควตาอันดับสุดท้ายสำหรับพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังคงเปิดกว้างอยู่

ตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดหนสุดท้ายของ ลิเวอร์พูล นั้นยาวนานกว่าสองทศวรรษแล้วนั่นทำให้ความคาดหวังของแฟนบอลที่มีต่อทีมเพิ่มสูงขึ้นในทุกฤดูกาล ไม่ต่างจากในฤดูกาลนี้ที่พวกเขาก็ตั้งเป้าไว้ที่ตำแหน่งแชมป์เช่นเดียวกับทีมใหญ่ทีมอื่นๆ

อย่างไรก็ดีความพร้อมของ ลิเวอร์พูล นั้นยังห่างจากทีมกลุ่มนำอยู่ไม่น้อยเมื่อดูได้จากผลงานการเจอกันโดยตรงระหว่างพวกเขา กับ ทีมในกลุ่มด้านบนของตารางคะแนน

ซึ่งในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ยังไม่สามารถจะเอาชนะทีมเหล่านั้นได้เลยและนั่นรวมถึงผลงานในสองเกมล่าสุดในลีกที่เจอกับ อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แม้ว่า ลิเวอร์พูล จะเล่นได้ดีและมีแต้มติดมือจากผลเสมอทั้งสองเกม แต่ก็ต้องยอมรับว่าหากพวกเขามีความเหนียวแน่นมากกว่านี้ก็อาจจะคว้าชัยชนะได้ทั้งสองเกมดังกล่าวไปแล้ว

อันดับล่าสุดในลีกของ ลิเวอร์พูล นั้นรั้งอยู่ที่ 7 มีอยู่ 36 คะแนนโดยห่างจากอันดับ 4 อย่าง ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ อยู่ 9 คะแนน แต่หากดูจากโปรแกรมในลีกที่เหลืออยู่อีก 13 เกมแล้วก็ถือว่าเป็นใจกับทีมของ ร็อดเจอร์ส ไม่น้อยเหมือนกันเพราะพวกเขาจะไม่ต้องออกไปเยือนทีมในครึ่งบนของตารางคะแนนอีกแล้ว

ขณะที่การเจอกับคู่ต่อสู้ที่ลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยกันอย่าง เอฟเวอร์ตัน, เชลซี และ สเปอร์ส นั้นจะเป็นการเล่นที่รังแอนฟิลด์ทั้งหมด

หลังเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เสมอกันไป 2-2 ทางด้านกัปตันทีม สตีเว่น เจอร์ราร์ด ซึ่งทำไปแล้ว 6 ประตูกับ 9 แอสซิสต์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เขาเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว ลิเวอร์พูล จะทำได้สำเร็จตามเป้าหมาย


"เราได้ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอีกเยอะจากแนวทางการเล่นในสองเกมล่าสุดกับ อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้"

"อย่างในเกมที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นไม่ใช่เกมที่ง่ายเลย พวกเขาเป็นถึงแชมป์เก่าและเรายังต้องออกไปเล่นทีมเยือนอีก การที่มีแต้มกลับออกมาจึงเป็นสิ่งที่ดีมากๆ อย่างไรก็ดีหากดูจากผลงานที่แสดงออกมามันก็น่าเสียดายเหมือนกันที่เราไม่สามารถจะคว้าชัยชนะได้สำเร็จ"

"หลายเกมในฤดูกาลนี้ในการเจอกับทีมที่แข็งแกร่ง เรามักจะเล่นได้ดีเสมอแม้ว่าหลายครั้งจะไม่ได้ผลการแข่งขันอย่างที่ควรจะเป็นก็ตาม"

"ไม่ได้เป็นการดูแคลนความสามารถของแต่ละทีมที่เราจะต้องเผชิญด้วยในเกมที่เหลืออยู่ แต่หากเรายังเล่นได้ดีเหมือนเช่นนี้ผมเชื่อว่าอันดับ 4 ที่เราหวังไว้ยังมีความเป็นไปได้"

"ในเวลานี้ ลิเวอร์พูล กำลังเล่นได้ดีมากๆ ก่อนหน้านี้ หลุยส์ ซัวเรซ ต้องแบกรับภาระในการทำประตูไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่การเข้ามาของ ดาเนี่ยล ทำให้เรามีทางเลือกเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมในการเล่นเกมรุก"

"หากดูจากในฤดูกาลนี้ มีไม่กี่ทีมที่จะบุกไปเยือน ซิตี้ ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม และจะครองเกมได้เหมือนกับที่เราทำได้ มันน่าเสียดายจริงๆที่เรายันสกอร์ไว้ไม่ได้และได้เพียงแค่เสมอเท่านั้น"

ทั้งนี้ เจอร์ราร์ด ยังได้พูดถึงจังหวะที่ เอดิน เชโก้ ปะทะกับ ดาเนี่ยล แอ๊กเกอร์ จนร่วงลงไปกองกับพื้นแต่ผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ไม่ได้เป่าให้หยุดเกมและ ลิเวอร์พูล เอาบอลไปเล่นต่อจนได้ประตู และทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า

"ด้วยความสัตย์จริงผมเชื่อว่าเพื่อนร่วมทีมทุกคนของผมไม่เห็นด้วยซ้ำในจังหวะนั้นว่า เชโก้ ร่วงลงไปนอนกับพื้น"

"จังหวะนั้น ดาเนี่ยล แอ๊กเกอร์ แค่เข้าไปปะทะเพื่อแย่งบอลธรรมดาและจังหวะที่เรากำลังเดินหน้าเพื่อเล่นเกมรุก ผู้ตัดสินก็ตะโกนบอกให้เราเล่นต่อเนื่องไปเลย"

"ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เป็นความผิดของผู้เล่น ลิเวอร์พูล ที่จะหยุดเกมโดยพลการ เป็นหน้าที่ของผู้ตัดสินที่มองเห็นว่าควรจะเป่าหยุดเกมหรือไม่ หาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง พวกเขาก็ควรจะสอบถามจากผู้ตัดสินมากกว่า"

ทั้งนี้สำหรับตัวของ เจอร์ราร์ด เอง เขาก็เพิ่งจะได้รับการเลือกให้เป็นผู้เล่นที่มีผลงานดีที่สุดในรอบปี 2012 ของทีมชาติอังกฤษโดยนับเป็นครั้งที่สองแล้วด้วยที่ยอดกองกลางจาก ลิเวอร์พูล รายนี้ได้รับรางวัลดังกล่าวไปครอง

นอกเหนือจาก เจอร์ราร์ด แล้ว ในส่วนของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่กำลังทำผลงานได้ดีอยู่เช่นกัน ก็ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในส่วนของทีมชาติชุดเล็กไปครอง

ผลงานเด่นๆของ เจอร์ราร์ด ร่วมกับทีมชาติอังกฤษในปีก่อนคือการที่เขาได้รับเกียรติเป็นกัปตันทีมและนำทีมไปเล่นในศึกยูโร 2012 รอบสุดท้ายก่อนที่จะตกรอบควอเตอร์ไฟนั่ลด้วยการแพ้การดวลจุดโทษต่อ อิตาลี

ขณะเดียวกันหลังจากจบทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวแล้ว เจอร์ราร์ด ก็ยังรับหน้าที่นำทีมลงลุยฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือกต่อ โดยที่ทีมของ รอย ฮอดจ์สัน ทำผลงานได้ดียังไม่แพ้ให้กับทีมใดเลยอีกด้วย

นอกจากนี้ในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เจอร์ราร์ด ยังได้รับการบันทึกว่าเป็นผู้เล่นคนที่หกในประวัติศาสตร์ของทีมชาติอังกฤษ ที่รับใช้ทีมมาครบ 100 นัดในเกมอุ่นเครื่องที่พบกับ สวีเดน

และในช่วงกลางสัปดาห์นี้ที่ทีมชาติอังกฤษมีโปรแกรมจะเตะเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติบราซิล ที่ เวมบลี่ย์ ในวาระครบรอบ 150 ปีของการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ นั้น เจอร์ราร์ด และเพื่อนร่วมทีม ลิเวอร์พูล อีกสองคนคือ เกล็น จอห์นสัน และ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ก็มีชื่ออยู่ในเกมดังกล่าวเช่นกัน

รอย ฮอดจ์สัน กุนซือทีม "สิงโตคำราม" ยังได้พูดถึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ด้วยความชื่นชมว่า


"เมื่อมองไปที่ เจอร์ราร์ด บรรดาเยาวชนจะได้มองอย่างชื่นชมกับผู้เล่นที่เล่นให้กับ อังกฤษ ถึง 100 เกม แม้แต่คนในรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาก็อาจจะเหลือเชื่อว่า เจอร์ราร์ด จะสามารถยืนระยะและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมยาวนานกว่า 14 ปีและความสำเร็จตลอดการเล่นที่ผ่านมาของเขา"

"ในตัวของ สตีเว่น คุณจะเห็นถึงความมุ่งมั่นและความกระหายที่จะลงสนามของเขาอยู่ตลอดเวลาและนั่นคือสิ่งที่เขาสามารถทำให้เพื่อนรอบๆข้างซึมซับได้อย่างดี และเขายังเป็นผู้เล่นที่แทบจะไม่มีจุดอ่อนเลย เป็นมิดฟิลด์ที่สมบูรณ์แบบเอามากๆไม่ว่าจะทำหน้าที่ในเกมรับ หรือ เกมรุกก็ตาม"

"โดยส่วนตัวของผมยังคิดว่าเขาจะยังเล่นในระดับสุดยอดไปได้อีกหลายปีเลยทีเดียว"

ทั้งนี้ ลิเวอร์พูล จะรอเล่นเกมถัดไปของพวกเขาในลีกโดยจะรอเปิดบ้าน แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่มี สตีฟ คล้าร์ก คุมทีม และเกมนี้ ลิเวอร์พูล คงมุ่งมั่นที่จะรอล้างตาเช่นกันเพราะเคยบุกไปแพ้ถึง ฮอว์ธอร์นส์ มาแล้วในช่วงต้นฤดูกาล

ติดตามความเคลื่อนไหวของฟุตบอลรอบโลกได้ที่ ฮอตสกอร์ นอกจากนี้ยังขอฝากบริการสายด่วนวิเคราะห์ฟุตบอลต่างประเทศกับ สนุก ดอท คอม กับผม มาร์ค สุรเดช สันติเลิศประภพ ที่หมายเลข 1900-888-191 อัตราค่าบริการนาทีละ 9 บาทครับ

เรื่องโดย "มาร์ค สุรเดช"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook