เบอร์เสื้อนั้นสำคัญไฉน!?

เบอร์เสื้อนั้นสำคัญไฉน!?

เบอร์เสื้อนั้นสำคัญไฉน!?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่ บรรดานักเตะดาวดังต่างก็พากันเปลี่ยนเบอร์เสื้อใหม่กันให้พึ่บพั่บ

พ่อค้าแข้งส่วนมากที่เปลี่ยนเบอร์เสื้อก็มักจะเป็นพวกที่เคยใส่หมายเลขสูงๆ มาก่อนแล้วจึงขยับมาใช้เป็นหมายเลขที่ต่ำลงตามธรรมเนียมในวงการลูกหนัง ยิ่งเบอร์เสื้ออยู่ใกล้หรืออยู่ในจำพวกหมายเลข 1-11 มากเท่าไหร่ก็ยิ่งใกล้เคียงกับความเป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่และมีความสำคัญกับทีมมากเท่านั้น

อย่างเมื่อไม่กี่วันก่อน หลังเกิดเหตุการณ์ "ปืนกระบอกแตก" อาร์เซน่อล เสีย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กองหน้ากัปตันทีมชาวฮอลแลนด์ ไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้หมายเลข 10 ซึ่งดาวเตะรายนี้เป็นเจ้าของอยู่เดิมนั้นว่างลง และก็เป็น แจ็ค วิลเชียร์ กองกลางดาวรุ่งที่ได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ ไอ้หนูจอมห้าวขยับจากเบอร์ 19 ไปใส่เบอร์ 10 แทนแทบจะในทันที

แม้เดิมที วิลเชียร์ จะเป็นตัวหลัก เป็นกำลังสำคัญในถิ่น เอมิเรตส์ อยู่แล้วก็จริง แต่การได้รับมอบเสื้อหมายเลข 10 ซึ่งปกติแล้วจะเป็นหมายเลขที่มอบให้กับเอซของทีมนั้น (อาทิ เปเล่ กับทีมชาติบราซิล หรือ ดีเอโก้ มาราโดน่า กับทีมชาติอาร์เจนตินา) ก็ยิ่งการันตีความสำคัญของเจ้าตัวในสีเสื้อ "ไอ้ปืนใหญ่" เข้าไปอีก

หรือจะในรายของ ราฟาเอล ดา ซิลวา แบ็กขวาบราซิเลียน ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ขยับจากเบอร์ 21 มาเป็นเบอร์ 2 แทน หลังดาวรุ่งรายนี้พัฒนาตัวเองได้อย่างน่าชื่นชมจนกลายเป็นตัวหลักของทีมไปแล้วในช่วงหลัง

และก็ได้เปลี่ยนมาใช้หมายเลขนี้สมใจตามที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมเคยตั้งเงื่อนไขเอาไว้ว่าจะประเคนเบอร์ 2 ซึ่งเคยเป็นของ แกรี่ เนวิลล์ ตำนานแบ็กขวาแห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ให้กับเจ้าตัวหากสามารถก้าวขึ้นไปติดทีมชาติบราซิลได้สำเร็จ

นอกจากดาวดังเหล่านี้แล้วก็ยังมีอีกหลายดาวดังที่เปลี่ยนไปใส่เบอร์เสื้อหมายเลขอื่นสำหรับในฤดูกาลนี้อาทิ พาร์ค ชู ยัง กองหน้า อาร์เซน่อล ซึ่งถูกปรับจากเบอร์ 9 ถอยร่นลงไปเป็นเบอร์ 30 ยิ่งห่างไกลความเจริญเข้าไปใหญ่ ดูแล้วอนาคตในทีมยังคงน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนเดิม

ส่วน โรบินโญ่ กองหน้า เอซี มิลาน ก็ขยับจากเบอร์ 70 ลดมาเป็นเบอร์ 7 ให้มันดูเหมาะสมกับดีกรีทีมชาติบราซิลเสียหน่อย ขณะที่ อเล็กซานเดร ปาโต้ ดาวยิงรุ่นน้องและเจ้าของสัมปทานหมายเลข 7 เดิมก็โยกไปใช้เบอร์ 9 ให้มันเข้ากับตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าแทน

ต่างคน ต่างเหตุผล ต่างความชอบกันไป บางคนอาจจะเกิดคำถามในใจว่าจะเปลี่ยนเบอร์เสื้อไปทำไม เปลี่ยนไปเพื่ออะไร เปลี่ยนแล้วจะเล่นเก่งเล่นดีขึ้นอย่างนั้นหรือ และที่สุดแล้ว เบอร์เสื้อนั้นสำคัญไฉน!?

"ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามไม่ได้" 

วิลเลียม กัลลาส, สังกัด เชลซี : หมายเลข 13

กัลลาส สมัยที่อยู่กับ เชลซี ในยุค โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซืออหังการ์ชาวโปรตุเกสนั้นเขาทำผลงานได้โดดเด่นไม่เป็นสองรองใครทั้งในเกมรับซึ่งเป็นอาชีพหลักและเกมรุกที่เป็นอาชีพเสริม ทั้งที่มักจะถูกถ่างออกไปเล่นเป็นแบ็กซ้ายบ่อยครั้งซึ่งเจ้าตัวก็โอดครวญอยู่ตลอดว่าไม่ถนัดๆ

ถึงอย่างนั้นกระทาชายเลือดน้ำหอมก็ยังคงปักหลักรับใช้ทีมด้วยความภักดีต่อไปพร้อมได้รับการสถาปนาจากแฟนานุแฟนให้ขึ้นชั้นเป็นขุนพล "คนสำคัญ" ของทีม

ทว่าหากไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับ กัลลาส ก็คงไม่มีเรื่องอะไรให้เอามาเขียนกันในวันนี้...เมื่อในเช้าวันที่อากาศแจ่มใสวันหนึ่ง "สิงห์บลูส์" เซ็นสัญญาคว้าตัว มิชาเอล บัลลัค กองกลางทีมชาติเยอรมัน ผู้มีหมายเลข 13 เป็นสัญลักษณ์อยู่กลางหลังเข้ามาร่วมทีม

แน่นอนว่า "ไกเซอร์น้อย" ณ ห้วงเวลานั้นจัดเป็นผู้เล่นฝีเท้าระดับโลกคนหนึ่ง คำขอเล็กๆ ของเขาจึงยิ่งใหญ่ดุจขุนเขาและดูเป็นเรื่องกะจิดริดในสายตาผู้ใหญ่สำหรับการโยกย้ายเบอร์เสื้อหมายเลข 13 จากแผ่นหลังของ กัลลาส มาอยู่ที่ บัลลัค

เข้าตำรา "ของๆ ใคร ของใครก็หวง" มีหรือที่ กัลลาส จะยอมให้เบอร์เสื้อของตัวเองตกไปอยู่ในมือของคนอื่นง่ายๆ ในเมื่อเขาเองก็รักชอบเบอร์ 13 มานาน แถมได้เป็นเจ้าของครอบครองมาตั้งแต่ต้นแล้วด้วย

ว่าแล้วแนวรับทีมชาติฝรั่งเศส ก็เลยประกาศขอสู้สุดตัวเพื่อรั้งเบอร์ 13 เอาไว้ให้ได้โดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรทั้งนั้น

แล้วก็ได้เรื่องทันที เบอร์ 13 กระเด็นดังพลั่กหลุดออกจากแผ่นหลังของ กัลลาส ไปแปะหราอยู่กับ บัลลัค ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร้าดของสาวกที่แห่กันไปซื้อเสื้อใหม่พร้อมสกรีนชื่อและเบอร์เสื้อของจอมทัพเมืองเบียร์

และในเมื่อไม่มีใครสนใจข้าน้อยอย่างเขา กัลลาส ก็เลยตัดสินใจหักดิบขอย้ายทีมมันซะเลย ก่อนจะจบลงด้วยการโยกสลับดอกกับ แอชลีย์ โคล แบ็กซ้าย อาร์เซน่อล ซึ่ง "ไอ้ปืนใหญ่" ก็จัดการซื้อใจ กัลลาส พร้อมหักหน้า เชลซี ด้วยการประเคนเสื้อเบอร์ 10 ให้อย่างสุดช็อก

"แถวนี้แม่งเถื่อนไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้"

ราอูล กอนซาเลซ, สังกัด เรอัล มาดริด : หมายเลข 7

เมื่อมีกรณีเสียเบอร์เสื้อให้คนอื่นไปแล้ว มันก็ต้องมีกรณี "ของจริง" ที่รักษาเบอร์ของตัวเองเอาไว้จากผู้มาใหม่ให้ได้เห็นเป็นตัวอย่างกันบ้าง ราอูล เป็นทั้งสัญลักษณ์และนักเตะผู้ทรงอิทธิพลในถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว และเมื่อนึกถึงดาวเตะรายนี้ก็ไม่สามารถจินตนาการถึงเบอร์เสื้อหมายเลขอื่นได้เลยนอกจากหมายเลข 7 เท่านั้น

ราอูล อยู่คู่หมายเลขนี้มานานจนเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของตัวเขาเองไปแล้ว แม้นักเตะคนดังซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "ไอคอนลูกหนังของโลกสมัยใหม่" และใช้หมายเลข 7 เป็นเครื่องหมายการค้าเหมือนกันอย่าง เดวิด เบ็คแฮม จะย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาร่วมชายคา "ราชันชุดขาว" เหมือนกันก็ตาม

เจ้าพ่อลูกนิ่งชาวอังกฤษไม่มีพลังมากพอไม่ว่าจะทั้งภายในหรือภายนอกเลยต้องระเห็จไปใส่เบอร์ 23 แทนซึ่งกว่าจะตัดสินใจ (หรือทำใจ) เลือกใช้เบอร์นี้ก็กินเวลานานหลายสัปดาห์กว่าจะได้เบอร์สำรองที่ทำให้สาวกยอมคล้อยตามความเท่ห์ของเบอร์นี้ได้

คลื่นลูกที่หนึ่งโถมเข้ามาแต่ก็ใช่ว่าจะหมดไป คล้อยหลังเพียงแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นคลื่นลูกที่สองก็โถมตามเข้ามา แถมดูจะใหญ่กว่าลูกแรกด้วยซ้ำ เมื่อเจ้าของสัญลักษณ์หมายเลข 7 อีกคนหนึ่งอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกขวาทีมชาติโปรตุเกส ย้ายจาก แมนฯ ยูไนเต็ด มาด้วยค่าตัวสูงสุดเป็นสถิติโลก 80 ล้านปอนด์

พร้อมปฏิวัติพิธีการเปิดตัวนักเตะใหม่ของโลกไปในทันทีด้วยการเปิดสังเวียน ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ให้แฟนบอลได้เข้ามายลตัวเป็นๆ ของเขา และก็มีคอบอลกว่าแปดหมื่นคนเบียดเสียดกันเข้ามาเพื่อรับโอกาสนี้จนหวิดเกิดจลาจลเลยทีเดียว

แม้กระแสตอบรับผู้ท้าชิงคนที่สองจะดีเกินคาดและมาแรงสุดๆ แต่ก็ยังไม่แรงเพียงพอที่จะโค่น "ราชันของผองราชันขุดขาว" ลงได้ ราอูล ในวันที่วัยและอิทธิพลร่วงโรยยังคงรักษาเบอร์ 7 ที่หลายคนหมายปองเอาไว้ได้ ทำให้ โรนัลโด้ ต้องเลือกใช้เบอร์ 9 แทน

และการเลือกหนนั้นก็นำความซวยมาให้ เรอัล มาดริด อย่างแท้จริง เมื่อแฟนๆ หลายหมื่นหลายแสนคนทำเนียนด้วยการงัดเอาเสื้อหมายเลข 9 ของ "โล้นทองคำ" โรนัลโด้ อดีตกองหน้าของทีมซึ่งชื่อและหมายเลขตรงกับ โรนัลโด้ คนใหม่เป๊ะๆ ตรงคอนเซ็ปต์ "เชียร์มันไม่ต้องเสียตังค์ซื้อเสื้อใหม่"

"เก่งแต่กับเด็ก สตรี และคนชรา"

มาริโอ บาโลเตลลี่, สังกัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : หมายเลข 45

จั่วหัวมาด้วยคำนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าทีมชาติอิตาลี ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดาวยิงรายนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเกรียนมาแต่ไหนมาแต่ไรตั้งแต่สมัยอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน แล้ว

วีรกรรมวีรเวรของหัวหอกเชื้อสายกาน่า จัดว่าก๋ากั่นเอาเรื่องจนเป็นที่หมั่นไส้ไปทั่วของบรรดานักเตะใน กัลโช่ เซเรีย อา ทั้งในทีมอื่นหรือแม้แต่ในทีมเดียวกันเอง

แม้ฝีเท้าจะเจ๋งไม่ใช่ย่อยแต่ด้วยนิสัยเกรียนๆ ที่สาธยายได้หลายหน้ากระดาษก็ทำให้ "งูใหญ่" เลือกที่จะไม่รั้งไว้หลังได้ข้อเสนอขอซื้อตัวมาจาก "เรือใบสีฟ้า"

สไตล์อย่าง บาโลเตลลี่ มีหรือที่จะธรรมดากับเขาเป็น "เอล เกรียน" เปิดตัวกับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยหมายเลข 45 หมายเลขไกลโพ้นที่ดูจะไม่เหมาะสมกับดาวเตะในทีมชุดใหญ่เลยแม้แต่น้อย

ทว่าหมายเลข 45 ก็เป็นหมายเลขประจำตัวที่เขาเคยสวมใส่มาตั้งแต่เมื่อครั้งค้าแข้งให้กับ อินเตอร์ ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ถึงการได้มาซึ่งหมายเลขนี้ของศูนย์หน้าอิตาเลียน

บาโลเตลลี่ ย้ายมาอยู่ในถิ่น เอติฮัด เมื่อฤดูกาล 2010-11 ซึ่งหมายเลขสำหรับกองหน้าแท้ๆ อย่างเบอร์ 9 ยังคงว่างอยู่ หรือจะเป็นเบอร์ว่างอื่นๆ ที่จัดว่าเป็นเบอร์สวยอย่างเบอร์ 15, 16, 20, 22 หรือ 23 ก็รอให้จับจองเป็นเจ้าของอยู่ด้วยเช่นกัน

ทว่าดาวยิงยิ้มยาก (แต่ร้องไห้โคตรง่าย) ยื่นคำขาดขอใส่แต่หมายเลข 45 เพียงเบอร์เดียวซึ่ง ณ เวลานั้น เกร็ก คันนิ่งแฮม กองหลังจากชุดเยาวชนถือครองเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อยู่

"เอล เกรียน" ฉายานี้ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย! บาโลเตลลี่ จัดการตบเด็กแบบนิ่มๆ ก่อนจะแฮ้บเอาหมายเลข 45 มาเป็นของตัวเอง ส่วนไอ้หนูผู้โชคร้ายอย่าง คันนิ่งแฮม ก็ได้ขยับมาใส่เบอร์ 22 แทน ใกล้เคียงกับหมายเลข 1-11 เข้าไปอีกนิด

แต่มันก็เท่านั้น สุดท้าย คันนิ่งแฮม ก็ไม่สามารถแจ้งเกิดในถิ่น เอติฮัด ได้สำเร็จ โดยสิ่งที่เขาทิ้งไว้ในฐานะอดีตนักเตะ แมนฯ ซิตี้ ก็มีเพียงแค่การเป็นส่วนหนึ่งในมหากาพย์กำเนิดเกรียนเท่านั้นเอง

"เฮง เฮง เฮง"

นิคลาส เบนท์เนอร์, สังกัด อาร์เซน่อล : หมายเลข 52

บาโลเตลลี่ จัดว่าใส่เบอร์สูงแล้ว เขาคนนี้ก็ยังอุตส่าห์จะเลือกใส่เบอร์ให้สูงกว่าสำหรับ นิคลาส เบนท์เนอร์ ดาวยิงทีมชาติเดนมาร์ก เจ้าของหมายเลขเสื้อ 52 ในทีม อาร์เซน่อล

โดยแรกเริ่มเดิมทีตอนที่ย้ายมาใหม่ๆ นั้น เบนท์เนอร์ ได้รับหมายเลข 26 เป็นการเริ่มต้นซึ่งเบอร์ดังกล่าวนั้นก็ไม่ได้ดูผิดแปลกไปจากมนุษย์มนาใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สักเท่าไหร่นัก

แต่ด้วยฟอร์มการเล่นและผลงานที่ออกมาภายใต้หมายเลขเสื้อ 26 ในฤดูกาลแรกนั้นยังไม่ดีพอสมกับคำที่เขาเคยประกาศเอาไว้ว่าจะขึ้นชั้นเป็นศูนย์หน้าห้าอันดับแรกของโลกให้ได้ภายในระยะเวลาอีก 5-6 ปี

แถมดูๆ ไปแล้วเขาขั้นไม่เข้าเค้าจะเป็นแบบนั้นได้เลยด้วยซ้ำ ว่าแล้วคนถือโชคลางถือดวงถือเคล็ด (ถืออะไรเยอะแยะ) อย่างเขาจะอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรก็กระไรอยู่

ไม่ ไม่ใช่การฝึกเข้มหรือซ้อมพิเศษอย่างหนักตามที่นักเตะทั่วไปมักจะทำกันเพื่อให้เก่งขึ้น ด้วยพรสวรรค์ล้นปรี่และความมั่นใจในตัวเองที่ทะลักล้นอยู่ในตัวเอง

เบนท์เนอร์ เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าเขาไม่ใช่ไม่เก่งเพียงแต่โชคยังไม่เข้าข้างเท่านั้น และหมายเลข 26 ก็ดูจะไม่ถูกโฉลกกับเขาเอาซะเลย พ่อหนุ่มเลือดเดนส์ เลยจัดการเบิ้ลมันซะ 26x2 เป็น 52 เพิ่มเบอร์สูงมากกว่าเดิมเป็นสองเท่าจะได้เฮงยกกำลังสองกันไปเลย

และเพื่อความเฮงเป็นอนันต์ เฮงไม่มีที่สิ้นสุด เบนท์เนอร์ เลยจัดการแจ้งไปยังแฟนบอลที่ซื้อชุดแข่งของเขาในฤดูกาลใหม่ (ฤดูกาล 2009-10 ซึ่งเขาเปลี่ยนจากเบอร์ 26 มาใช้ 52) แต่เบอร์เสื้อยังเป็นเบอร์ 26 อยู่นั้น

ให้เอาเสื้อมายืนยันกับเขาได้เลยโดยเขาจะรับผิดชอบออกเงินให้กับแฟนๆ ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามแผนการของหัวหอกร่างใหญ่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เมื่อฟอร์มของเขาไม่ได้ดูดีขึ้นเลยซ้ำยังตกต่ำเลยด้วย จนปัจจุบันก็กลายเป็นส่วนเกินของต้นสังกัดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เรื่องโดย"นนท์"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook