โหมโรงบอลพรีเมียร์ลีก

โหมโรงบอลพรีเมียร์ลีก

โหมโรงบอลพรีเมียร์ลีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ "โอลิมปิก 2012" หรือ ลอนดอน เกมส์ นับจากวันนี้ไป ก็เหลืออยู่อีกเพียงแค่ 6 วันเท่านั้น ก็จะรูดม่านปิดฉากลง ความฝันของแฟนๆ กีฬาชาวไทย ที่อยากเห็นนักกีฬาไทยของเรา หยิบเหรียญทองมาคล้องคอ ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เห็นหรือไม่

ก็คงเหลือลุ้นอยู่กับ แก้ว พงษ์ประยูร ที่ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายแล้ว ในการแข่งขันมวยรุ่น 49 กิโลกรัม แต่สำหรับแก้ว หากจะลุ้นถึงเหรียญทองจริงๆ ก็ต้องรอถึงโน่นเลยครับ วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม

แต่ถ้าจะให้รู้ผลเร็ว ก็ต้อง วันที่ 8-9 สิงหาคม ที่ 3 นักเทควันโด จะทำการแข่งขัน เป็นเอก การะเกตุ กับ ชนาธิป ซ้อนขำ จะลงชิงชัยวันที่ 8 สิงหาคม ส่วน "น้องจูน" รังสิญา นิสัยสม จะลุยเป็นคนสุดท้าย วันที่ 9 สิงหาคม เรียกว่า รู้ดำรู้แดงกันไปเลย ภายในวันเดียว

ก็รอลุ้นกันนะครับ แฟนๆ กีฬาชาวไทยทั้งหลาย ลึกๆ แล้ว ยังเชื่อว่า เรายังน่าจะมีโอกาสได้เห็นเหรียญ "ทอง" คล้องคอนักกีฬาไทย เพราะฉะนั้น ขอ "ไชโย ไชโย ไชโย" ล่วงหน้าก็แล้วกัน

หลังเสร็จศึกลอนดอนเกมส์ ฟุตบอลลีกหลักๆ ก็จะได้ฤกษ์ เริ่มประเดิมแข้งฤดูกาล 2012-13 กันทันที เริ่มที่ พรีเมียร์ลีก เมืองผู้ดี เป็นประเดิม ก่อนจะตามมาด้วย บุนเดสลีกา, สแปนิช ลาลีกา และ กัลโช่ เซรี่ อา

โดย ศึกพรีเมียร์ลีก เมืองผู้ดี ที่จะเริ่มขึ้นในวันเสาร์ที่ 18 สิงหาคมนี้ ถือเป็นฤดูกาลที่น่าสนใจ และน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะการก้าวขึ้นมาประกาศศักดา เป็นแชมป์ลีกสูงสุดหนแรก ในรอบ 44 ปี ของทีม "เรือใบสีฟ้า" แมนฯ ซิตี้ ทำให้สถานการณ์การขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ของลีกเมืองผู้ดี ฤดูกาล 2012-13 ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ น่าจะเป็นไปอย่างดุเด็ดเผ็ดมันไม่แพ้หลายปีที่ผ่านมาแน่

โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือทีมแชมป์ ประกาศชัดเจนเลยว่า ด้วยขุมกำลังที่มีอยู่ ถือว่าสมบูรณ์พร้อมมาก และจะไม่มีการปล่อยตัวนักเตะรายใดออกจากทีมอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น คาร์ลอส เตเบซ ที่ช่วงหลังดูเหมือนจะกลับมาจูบปากกันอีกครั้ง

หรือนักเตะที่ควบคุมยากอย่าง มาริโอ บาโลเตลลี่ ก็ยังอยู่ในแผนการทำทีมของกุนซือชาวเมืองมะกะโรนี รวมทั้งบรรดานักเตะอย่าง เอดิน เชโก้, เซร์คิโอ อาเกโร่ , ดาวิด ซิลบา , ยาย่า ตูเร่ และ ซาเมียร์ นาสรี่ ที่จะยังเก็บเอาไว้ แถม มันชินี่ ยังไปออกปากบอกบอร์ดบริหารว่า อยากจะเพิ่มนักเตะนอกระดับ "เกรดเอ" อีกราว 3-5 คน อีกด้วย

เมื่อได้เห็นความเคลื่อนไหวของทีมเรือใบสีฟ้า แล้ว ยังไงก็เชื่อว่า พวกเขา มีศักยภาพสูงพอที่จะรักษาความเป็นแชมป์เอาไว้ได้อีกปี

การชวดแชมป์ในวินาทีสุดท้าย ของทีม "ปิศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด ทำให้ท่านเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตลอดจนลูกทีมปิศาจแดง ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากออกมาประกาศขอทวงบัลลังก์แชมป์คืนแบบทันควัน เป็นเป้าหมาย "ใหญ่" ที่สุดของพวกเขาในซีซั่นใหม่ที่ใกล้จะเริ่มนี้

นอกจาก ชินจิ คางาวะ มิดฟิลด์เมืองปลาดิบ ที่ได้มาเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนท่านเซอร์เฟอร์กี้ จะยังไม่ปักใจในตัวนักเตะรายใดมากมายเป็นพิเศษ ถึงขั้นต้องเอามาให้ได้ แม้แต่ ลูคัส มูร่า ดาวรุ่งจาก เซา เปาโล ที่อยากได้ แต่พอเห็นราคาแล้ว ท่านเซอร์บอก ถอยดีกว่า แล้วหันไปดูขุมกำลังที่มีอยู่ ที่ท่านเซอร์ได้คิดว่า ยังดีพอที่จะเดินหน้าสู้กับทีมอื่นๆ

แต่! หากว่า ท่านเซอร์ กล่อม โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ได้สำเร็จ การมาของหัวหอกชาวดัตช์ จะช่วยเติมเต็มในเกมรุก ให้ทีมปิศาจแดง ที่ถือว่า คมกริบอยู่แล้ว น่าเกรงขามมากยิ่งขึ้นอีกอักโข และการมาของ เพอร์ซี่ อาจจะกลายเป็นมาช่วยให้ผีแดง ซิวแชมป์ กลับคืนเลยก็ว่าได้ เพียงแต่ว่ามาถึงตอนนี้ ดูเหมือน หัวหอกชาวดัตช์ จะเบนเป้าไปที่เมืองมะกะโรนี ซะมากกว่านะซิ

ทางด้านทีมสิงห์น้ำเงินคราม "เชลซี" ที่การก้าวไปเป็นแชมป์ยุโรป หนแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ทำให้ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีม แสดงเจตจำนงชัดเจนว่า จะขอกลับมาเป็น "ที่ 1" ของเมืองผู้ดีอีกครั้ง ควบคู่ไปกับการรักษาแชมป์ยุโรปเอาไว้ให้ได้

การได้แชมป์ยุโรป ได้เพิ่มความมั่นอกมั่นใจให้กับ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ และลูกทีมขึ้นมาอีกเยอะ แม้จะต้องเสีย ดิดิเยร์ ดร็อกบา หัวหอกคู่บารมีของทีมไปอยู่จีน แต่การเสริมกำลังด้วยนักเตะอย่าง มาโก้ มาริน, เอด็อง อาซาร์ และ ออสการ์ ถือว่าเข้าตา และเข้าที่เข้าทางอย่างยิ่ง เมื่อไปรวมกับพื้นฐานเกมรับที่ดีอยู่แล้ว และเม็ดเงินจากแรงสนับสนุนของเจ้าของทีม ซึ่งพร้อมจะจ่ายเพิ่มตลอดเวลา ก็เชื่อได้อีกเช่นกันว่า ปีนี้ เชลซี จะสร้างความลำบากใจให้กับ 2 ยักษ์ใหญ่เมืองแมนเชสเตอร์ มหาศาลแน่ๆ

สำหรับทีมปืนใหญ่ "อาร์เซนอล" การพลาดแชมป์ ไร้ถ้วยติดไม้ติดมือถึง 7 ปี ก็ทำให้กุนซืออาร์แซน เวนเกอร์ กระทำในสิ่งที่ดูเหมือนจะ "ผิดประเพณี" พอสมควรสำหรับพวกเขา เมื่อช่วงซัมเมอร์นี้ ทีมปืนใหญ่ มีกระแสข่าวในเรื่องซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทัพเยอะมาก ทั้งที่ได้มาแล้ว และที่ยังไล่ล่าต่อไป ก็ด้วยเป้าหมาย ขอกลับมาเชิดหน้าชูคอ สู้กับทีมอื่นๆ แบบสูสีคู่คี่อีกสักครั้ง

อาร์เซนอล ที่น่าจะต้องเสีย โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ไปแน่ๆ แม้จะได้นักเตะอย่าง ลูคัส โพดอลสกี้ กับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ เข้ามา และยังมีแนวโน้มจะได้ ซานติ การ์ซอล่า เข้ามาเพิ่มอีก 1 ออพชั่น ก็ยังไม่เชื่อว่า ทีมของเวนเกอร์ จะไปได้สวยถึงขั้นเบียดแย่งแชมป์กับอีก 3 ทีมได้ เนื่องเพราะ ปัญหาใหญ่ของพวกเขา อยู่ที่เกมรับซะมากกว่า หาก เวนเกอร์ หาขุนพลแนวรับประเภทเหนียวหนึบราวกับตังเม เข้ามาเสริมได้แบบเข้าตากรรมการ นั่นแหละ จึงจะมองว่า ปืนใหญ่ มีสิทธิเป็นผู้ท้าชิงแชมป์จริงๆ

ส่วน สเปอร์ส ที่ปีที่แล้ว อุตส่าห์ซิวที่ 4 ได้ แต่ชวดไปเล่นบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก การได้ อังเดร วิลลาส โบอาส มาทำทีม พร้อมกับการเสริมทัพด้วยนักเตะอย่าง กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน และ ยาน แฟร์ทองเก้น แต่การที่อาจจะต้องเสีย ลูก้า โมดริช ไป และการที่ เอวีบี เหมือนกับว่า จะกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้งกับบอลเมืองผู้ดี ดูแล้ว เวลาแค่ชั่วประเดี๋ยวประด๋าว คงไม่อาจจะทำให้กุนซือชาวโปรตุกีส ฉุดทีมไก่เดือยทอง ให้ขึ้นมายืนอยู่ในระดับ "บิ๊กโฟร์" ได้หรอก

สุดท้าย ถ้าไม่พูดถึงทีมหงส์แดง "ลิเวอร์พูล" ก็คงไม่ได้ เพราะจะถูกเหล่าสาวกเดอะค็อป แช่งให้ "ท้องผูก" เอาเป็นว่าปีนี้ คงไม่ต่างจากตอนที่ได้ รอย ฮอดจ์สัน มาทำทีมหรอกครับ เพราะผมมองยังไง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ไม่ได้ดูดีกว่าปู่รอย เลยสักนิดเดียว ไอ้เรื่องลุ้นแชมป์ หรือเอาแค่ เบียดไปอยู่ใน "ท็อปไฟว์" ก็คงยาก

เอางี้ดีกว่าครับ ตอนปู่รอย มาทำทีม อยู่ได้แค่ราวเดือนธันวาคม ก็ต้องไป สำหรับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เรามาดูกันว่า จะอยู่ "สั้น" หรือ "ยาว" กว่า ปู่รอย ก็แล้วกัน

เรื่องโดย "เฮียนอส"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook