แผนร้ายพ่ายรัก

แผนร้ายพ่ายรัก

แผนร้ายพ่ายรัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ไม่ได้จะเล่าถึงละครดังหลังข่าวเมื่อคราวก่อนที่มี ฟิล์ม รัฐภูมิ พระเอกน่าหล่อขวัญใจ แอนนี่ เอ้ย! ขวัญใจมหาชน รับบทนำ แต่อย่างใด

แต่เรื่องที่จะไล่เรียง ณ จุดนี้ ...พูดเลย!! พระเอกของเรื่องมีชื่อว่า เดวิด มอยส์ หนุ่มใหญ่ สปอร์ต ใจดี มีหน้าที่การงานสูงส่ง แห่งวัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

อย่างที่ทราบๆ กันไปแล้ว ว่าทีม "ปีศาจแดง" แห่ง มอยส์ ยูไนเต็ด

ลงทำศึกผ่าเมืองด้วยการแพ้อริแค้นแสนรักอย่าง แมนฯ ซิตี้ ไปยับเยินด้วยสกอร์ 1-4

 


เซ็งกันเป็นแถบ

แต่สาวก "เร้ด อาร์มี่" คนใดไหนเล่าอยากนั่งจับเจ่ากัดเล็บมือเล็บเท้า ทำสายตาละห้อยดูสกอร์บอร์ดด้วยอารมณ์ เศร้า เหงา ซึม เช่นเดียวกัน เดวิด มอยส์ คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ช็อคคนดูเช่นนี้

ย้อนกลับไปเมื่อ ต.ค.2011 แมนฯ ยูไนเต็ด ในร่มเงาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยพลาดท่าปราชัยย่อยยับคา "โรงละครแห่งความฝัน" ถึง 1-6 และกลายเป็นสถิติแพ้เย๊อะสุดในประวัติศาสตร์ เกมดาร์บี้แมตช์ นับตั้งแต่ปี 1962

กันยายน ปี 2013 ดาร์บี้แมตช์ผ่าเมือง ภายใต้กุนซือคนใหม่พร้อมกันทั้งสองทีม ผลปรากฎว่า มานูเอล เปเยกรินี่ ชนะน็อก เดวิด มอยส์ ชนิดแทบหาทางกลับบ้านไม่เจอ

กลายเป็นศึกรับน้องสยองขวัญ เวอร์ชั่น แมนเชสเตอร์ดาร์บี้


โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เป็นได้แค่ผู้ชมในเกมนี้

การจัดกระบวนทัพรับศึกครั้งนี้ "เด็กผี" ต้องอึ้งกันถ้วนหน้า เมื่อไม่มีรายชื่อ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กองหน้าคนสำคัญแม้กระทั่งตัวสำรอง (ข่าวว่าเจ็บขาหนีบกะทัน) ปล่อย เวย์น รูนี่ย์ อยู่โดยลำพัง แต่มี แดนนี่ เวลเบ็ค หายเจ็บกลับมาเพิ่มภาระให้หายเหงา

แผนการของ "เดอะ มอยส์" ที่พอจับทางได้คือแทบไม่มีการหมุนเวียนผู้เล่นเลย แม้เจอโปรแกรมหนัก ยังเลือกใช้งานแข้งวัยเก๋าเหมือนเช่นเคย เนมานย่า วิดิช (31 ปี) กับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ (34 ปี) ยังได้รับความไว้วางใจยืนคุมเกมรับร่วมกันอีกครั้ง

หากแค่ได้ยินด้วยหูไม่ได้ดูกับตา คงแทบไม่เชื่อว่าคู่ขาปาท่องโก๋คู่นี้ ถูกจับยัดลงสนามทุกนัดตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นต้นมา ที่สำคัญคือ ลงเต็ม 90 นาที ตลอด 6 นัดในซีซั่นใหม่นี้ (รวม ชปล. 1 นัด)


ไรอัน กิ๊กส์ (กลาง) ร่วมลุ้นกับ มอยส์ ที่กุมหน้าอยากแทรกแผ่นดินหนี

แน่นอนว่าการใช้งานแข้งวัยเกินหลัก 3 ที่หนักเกินไปในช่วง 3 นัดของรอบสัปดาห์ย่อมส่งผลอย่างที่เห็น กับ 6 ประตูที่เสียใน 2 เกมล่าสุดคือตัวบ่งชี้ แล้วยิ่งมาเจอกับแนวรุกความเร็วสูงของ ซิตี้ ที่มีทั้ง กุน อเกวโร่, อัลบาโร่ เนเกรโด้, ซามีร์ นาสรี่ และ เฆซุส นาบาส แล้วยิ่งไปใหญ่

เช่นเดียวกับหัวใจในแดนกลางอย่าง ไมเคิ่ล คาร์ริค (32 ปี) ก็แทบไม่ต่างกัน จากที่คือศูนย์รวมความมั่นคงแห่งอาณาจักรแดนกลาง กลับถูกตัดทิ้งหายจากเกมเข้ากลีบเมฆตลอด 45 นาทีแรก

เข้าใจได้ว่ารัศมีแข้งเวิร์ลคลาสของ ยาย่า ตูเร่ กลบซะจนมิดหมดทางสู้ หนำซ้ำพาร์ทเนอร์ตัวใหม่อย่าง มารูยาน เฟลไลนี่ ก็แทบไม่ได้สร้างคุณงามความดีเหมือนอย่างเกมประเดิมสนามกับ เลเวอร์ฯ เมื่อกลางสัปดาห์

เท่าที่วิเคราะห์จากรอยหยักของสมองที่มีอยู่ คาร์ริค กับ เฟรนลี่ เอ้ย !! เฟลลี่ อาจเป็นนักเตะที่มีบทบาทหน้าที่แตกต่างกัน แต่ด้วยสไตล์ที่เชื่องช้าชนิดเต่าเรียกพี่จึงเป็นได้แค่เสี้ยวหนึ่งของเกม หากเทียบกับคู่ของ แฟร์นันดินโญ่ และ ยาย่า ตูเร่


เฟลไลนี่ (ขวา) ใหญ่ยาว แต่อืดเกินไป วิ่งไล่ นาบาส ไม่ทัน

เพราะฉะนั้น นักเตะที่มีความคล่องแคล่วว่องไวอย่าง ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ที่พร้อมไล่บททำลายเกมแดนกลางคู่ต่อสู้ที่มีแข้งระดับชั้นนำยืนคุมพื้นที่ อยู่ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ถูกส่งลงมาในเมื่อสายไปแล้ว หลังจากโดนไปแล้วถึง 4 เมล็ด

ที่น่าแปลกใจคือพื้นที่ทางกราบซ้ายเหมือนดังถูกสร้างไว้ให้กับ แอชลี่ย์ ยัง แข้งที่ถูกตราหน้าว่าเป็นจอมพุ่ง ทั้งๆ ที่ตัวของ มอยส์ เองเพิ่งฉะผ่านสื่อว่าไม่ชอบอย่างแรง หลังเกมต้อน พาเลซ 2-0

แอชลี่ย์ ยัง ดีกรีนักเตะยอดเยี่ยมของ พีเอฟเอ (2008-09) พ่วงด้วยติดทีมยอดเยี่ยมอีก 2 สมัย (2007-08, 2008-09) เล่นไปเล่นมากลายเป็นนักเตะที่ไร้ซึ่งพิษสง หมดมุขกับจังหวะทีเด็ดทีขาด พึ่งพาแทบไม่ได้ และเป็นมาแล้วหลายเกม


คำถามคือ เบอร์ 18 ลงมาทำไม?

ส่วนนักเตะที่พอจะโชว์ฟอร์มดีหน่อยจากเกมกลางสัปดาห์อย่าง ชินจิ คากาวะ กลับถูกหมางเมินเช่นเดิม ที่สำคัญ นานี่ ก็หายเจ็บกลับมามีชื่อแล้วด้วย ไหนยังมี ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ "ชิชาริโต้" นั่งตูดแฉะอยู่ข้างสนามอีกคน

ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตกสิครับ เมื่อโควต้าสำรองที่เหลือในมืออยู่ถึง 2 กระทอก "เฮียมอยส์" ผู้น่ารักน่าตบ แกเลือกที่จะปล่อยวางทิ้งไปพร้อมกับเสียงนกหวีดยาวของ ฮาเวิร์ด เว็บบ์

เหตุการณ์เช่นนี้ สาวก "ปีศาจแดง" แทบไม่เคยได้พบเจอในยุคของ "เซอร์ เฟอร์กี้" ที่พร้อมเปิดหน้าแลกกล้าได้กล้าเสียมากกว่านี้ จะแพ้มากแพ้น้อยก็แพ้อยู่ดี นักเตะอย่าง ชิชาริโต้ สมควรได้รับโอกาสลงสนามแทนที่ แดนนี่ เวลเบ็ค ผู้ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน


เดินคอตกออกจากสนามหลังจบเกม

แต่ที่พอยังอุ่นใจได้ในความพ่ายแพ้ยับเยินให้แก่ทีมบ้านเดียวกัน เห็นจะเป็นฟรีคิกลูกที่ 3 ในรอบ 3 เกมของ เวย์น รูนี่ย์ ที่ยังพอเป็นสิ่งยืนยันความยอดเยี่ยมของหอกร่างตัน ว่าพร้อมที่จะผลิตสกอร์ให้ทีมได้ในโอกาสต่อๆ ไป

ความพ่ายแพ้เป็นเกมที่ 2 ในช่วงเริ่มฤดูกาลมาเพียงแค่ 5 นัด มิใช่สิ่งที่ดีแน่ หนำซ้ำยังเป็นความพ่ายแพ้ให้แก่ทีมคู่ปรับ คู่รักคู่แค้น ทั้ง "หงส์แดง" และ "เรือใบสีฟ้า"


ดาร์บี้แมตช์ยกนี้ เปเยกรินี่ ชนะน็อค เดวิด มอยส์

แผนการในดาร์บี้ยกแรกของ มอยส์ อาจพ่ายแพ้ เปเยกรินี่ โดยสิ้นเชิง แต่โอกาสในการแก้ตัวยังมีอีกมากโข เส้นทางแห่งฤดูกาลยังอีกยาวไกล จังหวะและเวลาเท่านั้นจะช่วยวัดผลงานของนายใหญ่เลือดสกอตต์

ลืมความผิดหวังนัดนี้ซะ แล้วนับหนึ่งใหม่ในเกมชำระแค้นฉบับ "แคปปิตอล วัน คัพ" กับ ลิเวอร์พูล ที่รออยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้



-จ่าตุ๊-
(tuta_giggs11@hotmail.com)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook