อายบ้างไหม? สื่อนอกซัดบอลไทยล้มเหลวเพราะใคร

อายบ้างไหม? สื่อนอกซัดบอลไทยล้มเหลวเพราะใคร

อายบ้างไหม? สื่อนอกซัดบอลไทยล้มเหลวเพราะใคร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ฮือฮากันทั้งวงการฟุตบอลในไทย เมื่อ ฟ็อก สปอร์ต สื่อกีฬาต่างประเทศชื่อดัง วิจารณ์นายวรวีร์ มะกูดี เป็นสาเหตุที่ฟุตบอลไทยตกต่ำ ผ่านเว็บไซต์ โลกออนไลน์แชร์กันสนั่นเฟซบุ๊ค พร้อมความคิดเห็นต่างๆมากมาย

ฟ็อก สปอร์ต (Fox Sport) สื่อกีฬาชั้นนำของต่างประเทศ วิจารณ์สาเหตุที่ฟุตบอลไทยตกต่ำ ผ่านเว็บไซต์ แถมบัญญัติคำศัพท์ใหม่ให้นายกสมาคมฟุตบอล ก่อนที่กลุ่ม FP Cheerthai Power แปลเป็นภาษาไทยให้แฟนบอลไทยได้อ่านกัน โดยมีข้อความดังต่อไปนี้

เจสซี่ ฟิงค์ คอลัมนิสต์ของ FOX Sports เรียกร้องให้หมดยุคของ วรวีร์ มะกูดี เพื่อที่อนาคตของฟุตบอลไทยจะได้รับการกอบกู้ไม่ให้เสียหายไปมากกว่านี้

เมื่อพูดถึงฟุตบอลในเมืองไทย เป็นการยากที่จะรู้ว่าใครเชื่อถือได้

เรามี วินฟรีด เชฟเฟอร์ ยืนยันว่า ไม่มีใครบอกเขา เรื่องที่โดนไล่ออกจากตำแหน่งหัวหน้าโคชทีมชาติไทย หรือแม้แต่การที่ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ได้รับการแต่งตั้งให้คุมแมทช์อุ่นเครื่องกับจีน วันที่ 15 มิถุนายนี้

และก่อนหน้านี้ ก็มีการกล่าวอ้างที่แบบหน้ามือเป็นหลังตีน เกี่ยวกับธรรมนูญฟีฟ่า ทั้งๆ ที่ในธรรมนูญไม่เคยมีการกำหนดเลยว่า จะต้องบังคับให้มีการลดจำนวนสโมสรที่มีสิทธิเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยลงกว่าครึ่ง

ตอนนี้การกล่าวอ้างถึงเงื่อนไขนั้นก็ตกไปแล้ว เหมือนทุกอย่างที่กรุงเทพกลับคืนสู้ภาวะปกติ

คำพูดที่บอกว่า ฟีฟ่าจะแบนประเทศไทยหากไม่ลดจำนวนสโมสรลงมา ก็เป็นแค่การแพร่ข่าวอกุศลเท่านั้นเอง

คณะกรรมการด้านสมาคมฟุตบอล ของฟีฟ่า เพียงแค่อยากเห็นสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (FAT) ลดไขมันส่วนเกิน (fat) ลง แต่หากเรื่องดังกล่าวไม่ผ่านการรับรอง 2ใน3 ของที่ประชุมสมาคมฯ ตามที่กำหนดไว้ในกฏหมายไทย ฟีฟ่าก็คงไม่ถึงกับจะแบนประเทศไทยให้ไปเตะบอลคนเดียวอยู่ที่ไซบีเรียหรอก

ตอนนี้ อนาคตของฟุตบอลในภูมิภาคนี้ ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤตหากบอร์ดเมมเบอร์ฟีฟ่าอย่างวรวีร์ มะกูดี มีโอกาสได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาในตำแหน่งอีกครั้ง ชื่อของเขากลายเป็นคำทับสับเกี่ยวกับความอื้อฉาวไปแล้ว

การกลับเข้ามาอีกสมัย จะถือเป็นเรื่องหนักหนาสำหรับวงการฟุตบอลในเมืองไทย มะกูดี ถือเป็นคนที่มีความนิยมในเมืองไทย เฉกเช่นเดียวกับ อาร์เจน ร๊อบเบน ในดอร์ทมุน เลยทีเดียว

แต่วรวีร์ก็มีการแข่งขันที่น่ากลัวไม่น้อย ทั้งกับคนหน้าเก่าอย่าง วิรัช ชาญพานิชย์ และ หัวเรือเชียร์ไทยพาวเวอร์ ที่มีคนนิยมอย่าง พินิจ งามพริ้ง ต่างก็พร้อมที่จะเอาชนะเขาอยู่
ในการแถลงข่าวเปิดตัว วิรัชผู้มีชื่อเล่นว่า "บิ๊กกร๊อง" พูดถึงแผนการใหญ่โต

"ผมหงุดหงิดทุกครั้งที่คนบอกว่า ประเทศไทยจะไปบอลโลกในชาติหน้า" เขาบอก "ผมไม่คิดว่าเราต้องรอนานขนาดนั้น จริงๆ แล้วเราทำได้เร็วกว่านั้นด้วยการบริหารทีมที่ดีกว่าเดิม"

"เราเคยเข้าไปใกล้ความฝันมาแล้ว ผมเชื่อว่าไม่มีเหตุผลใดที่เราจะทำไม่ได้ แต่เราต้องเป็น "ผู้นำ" ในภูมิภาคนี้ก่อน แล้วค่อยมุ่งไปเป็น Top 3 ของเอเชีย ถ้าเราทำได้ ฟุตบอลโลกก็ไม่เกินเอื้อม"

มันก็ไม่ยากที่จะเชื่อหรอก เพราะทีมไทยเคยทำให้ทีมที่แข็งกว่า ตัวโตกว่า อย่าง ออสเตรเลีย เคยไล่ตามกว่า 50 นาที มาแล้ว เมื่อปี 2007 สิ่งที่ประเทศไทยต้องการคือการมองในแง่บวก ความเป็นมืออาชีพ และความหวัง ไม่ใช่การดูถูกตัวเอง การทำเป็นเล่น และการสิ้นไร้ไม้ตอก

และแน่นอน ต้องไม่มีการให้ข่าวที่เอาแต่ประโยชน์ตัวเองจากคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ฟุตบอลไยเหมือนวิ่งอยู่ในสนามส่วนตัวของมะกูดี ซึ่งคงไม่สามารถปล่อยให้ดำเนินต่อไปได้

การที่อาเซียนเตรียมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพบอลโลกร่วมกันในปี 2034 โอกาสก็ยังพอมี แต่จะต้องการนายกสมาคมฟุตบอลไทยที่มีวิศัยทัศน์สำหรับอนาคต ไม่ใช่วิศัยทัศน์สำหรับการเอาตัวรอด

มะกูดี ได้ขาดความเชื่อมั่นในสังคมฟุตบอลไทยไปแล้ว แต่คู่แข่งของเขาไม่ พวกเขาต้องการแค่โอกาสที่จะแสดงให้เห็นว่า พวกเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง

เอาการเลือกตั้งกลับมา และเอายุคสมัยของวรวีร์คืนไป

เครดิต - FB Pinit Ngarmpring / FB Thailandsusu / pantip.com(ห้องศุภชลาศัย)

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook