แชมป์เก่าเอาอะไรไปทะลวงประตู...???

แชมป์เก่าเอาอะไรไปทะลวงประตู...???

แชมป์เก่าเอาอะไรไปทะลวงประตู...???
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือบอลยูโร ยังไม่เคยมีแชมป์เก่าทีมไหนป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ในปีครั้งถัดไป นั่นเป็นสถิติที่ทำให้ยังคงกังขากันว่าสเปนจะทำได้เป็นทีมแรกหรือเปล่า หรือยังคงต้องจำยอมกับสถิติที่มีมานาน

กลิ่นเริ่มโชยออกมาเมื่อสังเกตว่าบรรดากองหน้าที่แต่ละชาติโดยเฉพาะทีมชั้นนำทั้งหลายขนไปดวลกันนั้น สกอร์รวมกันจาก 3 หัวหอกของสเปน ดูด้อยกว่าทีมอื่นๆค่อนข้างมาก

บิเซนเต้ เดล บอสเก้ กุนซือกระทิงดุ ต้องเจอกับงานที่หนักหนาสาหัสไม่น้อย ในนัดที่อุ่นเครื่องกับจีน กว่าจะยิงประตูได้เล่นเอาลุ้นกันเหนื่อยแม้ว่าจะครองเกมได้ทั้งหมดและปั้นเกมสร้างโอกาสได้เพียบก็ตามที

กว่าที่ช่วงเวลาแห่งการรอคอยจะมาถึง นาทีที่ 84 โน่นเลยจากดาวิด ซิลบาที่ได้บอลจากอันเดรส อินิเอสต้า ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่สำหรับแชมป์เก่า

และก่อนที่จะมีสกอร์นั้นทั้งอัลวาโร่ เนเกรโด้และเฟร์นานโด ตอร์เรส ต่างทิ้งขว้างโอกาสไปมากมาย ในขณะที่เฟร์นานโด ญอเรนเต้ ผ่านฤดูกาลที่หนักหนาสาหัสมากับบิลเบาที่เข้ารอบลึกหลายถ้วย จะให้สดจากไร่คงเป็นเรื่องยาก

เมื่อทีมไม่มีดาวิด บีญ่า มือล่าสังหารอยู่ช่วยงาน ทั้ง 3 คนที่เดล บอสเก้ วางเอาไว้ในการสู้สึกครั้งนี้ต้องทำให้เทียบเท่าหรือดีกว่าผลงานของบีญ่าที่สร้างเอาไว้

ทั้งตอร์เรส,เนเกรโด้และญอเรนเต้ ยิงประตูในระดับสโมสรรวมกันแค่ 37 ประตูเท่านั้น โยญอเรนเต้ยิงให้บิลเบา 17 ประตู,เนเกรโด้ ซัดให้เซบีญ่า 14 ประตู ส่วนตอร์เรสยิง 6 ประตูให้เชลซีในพรีเมียร์ ลีก เทียบกับสกอร์ของ 3 หัวหอกจากทีมชั้นนำแล้วคนละเรื่องกันเลย

ฮอลแลนด์ : 84 ประตู

ฮอลแลนด์เป็นทีมที่มีผลงานตระการตาอย่างมากเมื่อดูจากผลงานของ 3 กองหน้าของทีม หรูเริดจนเป็นอันดับท็อปของการล่าสังหารในครั้งนี้

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หัวหอกจากอาร์เซนอล ที่หลายทีมกำลังแย่งตัวกันอยู่ไม่ว่าจะเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้,ยูเวนตุสรวมทั้งอาร์เซนอลเอง ที่พยายามยื้อให้ฟาน เพอร์ซี่ อยู่กับทีมต่อไป

ที่แย่งกันอย่างหนักก็เพราะผลงาน 30 ประตูที่ยิงให้กับปืนโตในพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมานั่นเอง ในขณะที่คลาส แยน ฮุนเตลาร์ ก็ไม่น้อยหน้าตามาติดๆด้วยสถิติ 29 ประตูกับชาลเก้

อีกคนหนึ่งของดัตช์ก็คือ ลุค เดอ ยอง ฟอร์มกำลังจัดจ้านผลงานฤดูกาลที่ผ่านมากับทเวนเต้ตระการตาอย่างยิ่ง ว่ากันว่าฝีเท้าเกินตัวมาก 25 ประตู คือผลงานของลุค เดอ ยอง ผลงาน 3 คนรวมกันจึงกระฉูดไปที่ 84 ประตู

ถ้ารวมนักเตะอย่างราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ตและอาร์เยน ร็อเบน เข้าไปด้วย ดัตช์มีตัวรุกที่เพียบพร้อมจริงๆ เป็นความน่าหวาดหวั่นสำหรับทุกทีมที่ต้องเจอ

โปรตุเกส : 66 ประตู

ทีมชาติโปรตุเกส ดูจะเป็นบอลชายเดี่ยวไปนิดหนึ่ง เมื่อคริสติอาโน่ โรนัลโด้ คือความหวังอันสูงสุดของทีม เป็นแรงบันดาลใจกับการลุ้นในการทำผลงานในยูโรครั้งนี้

การต้องอยู่ในกลุ่มมหาโหดร่วมกับเยอรมัน,ฮอลแลนด์และเดนมาร์ก คือความยากของโปรตุเกสกับการลุ้นเข้ารอบน็อกเอาต์ แน่นอนโรนัลโด้อีกนั่นแหละคือกุญแจสำคัญ

ผลงานของโรนัลโด้ 46 ประตูกับเรอัล มาดริด คือสิ่งที่เชิดชูผลงานรวมในเรื่องของสกอร์จากบรรดา 3 หอกของทีมชาติ ในขณะที่ฮูโก้ อัลเมย์ด้า ยิง 11 ประตูให้เบซิคตัส ส่วนเฮลเดอร์ ปอสติก้า ช่วยให้ซาราโกซ่าหนีตกชั้นด้วยผลงาน 9 ประตู

เยอรมัน : 57 ประตู

เยอรมันเป็นทีมหนึ่งที่มีกองหน้าดีๆอยู่หลายคน ผลงานในฤดูกาลที่ผ่านมาถือว่าใช้ได้ทั้งสิ้น มาริโอ โกเมซ ยิงกระจายให้บาเยิร์น มิวนนิค ร่วม 40 ประตู โดยในบุสเสลีกายิงไป 26 ประตู แต่นั่นก็ใช่ว่าจะสามรถการันตีตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติเยอรมันได้

โยกี้ เลิฟ ชื่นชอบผลงานของมิโรสลาฟ โคลเซ่ มาตลอด เป็นเรื่องที่รู้ดีกันอยู่แล้ว โคลเซ่ยิง 13 ประตูให้ลาซิโอในฤดูกาลที่แล้ว ถือว่ายังไม่สิ้นลายแต่อย่างใด

ทางด้านของลูคัส โพดอลสกี้ ที่ย้ายมาเล่นให้กับอาร์เซนอลในฤดูกาลหน้ายิงให้โคโลญจน์ 18 ประตู ดูเหมือนสกอร์ของ 3 หอกเมืองเบียร์ เฉลี่ยผลงานกันได้ดี นี่ถ้ารวมผลงานของมารโก รอยส์ เข้าไปอีกคนน่าจะเป็นเรื่อง

กองหน้าจากกลับบัค เป็นตัวลุยขึ้นมาจากแถว 2 มากกว่า ทว่ายูโรหนนี้อาจจะมีผลงานในการเล่นเป็นกองหน้าเต็มตัวก็ได้

อังกฤษ : 47 ประตู

แน่นอนว่าเวย์น รูนี่ย์ คือนักเตะที่เป็นแสงสว่างของทีม แต่จะเป็นแสงที่รับหรี่หรือเปล่าไม่ทราบเหมือนกัน เพราะต้องพลาด 2 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม ทว่าฤดูกาลที่ผ่านมาสกอร์ของรูนี่ย์ยังคงเป็นที่เชิดหน้าชูตา เป็นที่คาดหวังให้กับผีแดงเหมือนเดิม 27 ประตูเป็นผลงานที่การันตี

ช่วงเวลาที่ไม่มีรูนี่ย์อยู่ในทีม ว่ากันว่าน่าจะเป็นช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสอย่างยิ่งของสิงโตคำรามและกุนซือ รอย ฮอดจ์สัน

เจอร์เมน เดโฟ มีเกมที่เล่นไม่มากอย่างที่ต้องการกับสเปอร์ส แต่ก็ยังมีสกอร์มาฝากกัน 11 ประตู ในขณะที่แดนนี่ เวลเบ็ค คู่หูจากทีมผีแดงของรูนี่ย์อยู่ที่ 9 ประตู แถมแอนดี้ คาร์โรลล์ ให้อีกคนก็ไม่มีผลอะไร เพราะยิงให้หงส์ได้เพียง 4 ประตูเท่านั้น

อิตาลี : 45 ประตู

ฟอร์มของบรรดากองหน้าอัซซูรี่ในฤดูกาลที่ผ่านมาต้องมองไปที่อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ หัวหอกวัย 34 ปี ของอูดิเนเซ่ แม้ว่ากับทีมชาติสกอร์ยังน้อยนิด ทว่ากับอูดิเนเซ่ในฤดูกาลที่ผ่านมา ดิ นาตาเล่ สร้างความประทับใจเอาไว้มากมาย 23 ประตู

ผลงานเอามารวมกับดาวยิงอารมณ์แปรปรวนที่สุดในโลกอย่างมาริโอ บาโลเตลลี่ ของค่ายเรือใบ 13 ประตู ส่วนฟาบิโอ บอรินี่ จากโรม่ามีสกอร์ติดตัวมา 9 ประตู

แต่ทั้งหมดนั้นระวังอันโตนิโอ คาสซาโน่ เอาไว้ให้ดี ไม่ค่อยมีสกอร์เหมือนคนอื่น แต่อาจจะเป็นตัวสำคัญของอิตาลีในยูโรครั้งนี้

ฝรั่งเศส : 42 ประตู

เช่นเดียวกับทีมอื่นๆที่ว่ากันไปแล้ว ฝรั่งเศสก็ยังคงเป็นทีมชั้นนำอีกทีมที่มีสกอร์รวมของกองหน้าในฤดูกาลที่ผ่านมามากกว่ากองหน้าของสเปนที่ยิงรวมกัน 37 ประตู

หลังจากลูอิค เรมี่ ที่ยิงประตูในลีกเอิง 13 ประตู เจ็บต้องถอนตัวออกไป โรล็องต์ บล็องก์ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสหอบหองหน้าอาชีพไปเพียง 2 คนเท่านั้น คือคาริม เบนเซม่ากับโอลิวิเยร์ ชีรูด์

โดยทั้ง 2 คนยิงเท่ากันที่ 21 ประตู เหตุผลที่บล็องก์หนีบกองหน้ามาน้อย เพราะมีตัวเลือกอื่นในบรรดามิดฟิลด์ตัวรุกอีกเพียบ

ดามัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook