"วินนี่" เฟซบุ๊กร่ายยาวเหตุ "ไทย" พ่าย "เลบานอน"

"วินนี่" เฟซบุ๊กร่ายยาวเหตุ "ไทย" พ่าย "เลบานอน"

"วินนี่" เฟซบุ๊กร่ายยาวเหตุ "ไทย" พ่าย "เลบานอน"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : หลังจากทีมชาติไทย บุกไปแพ้เลบานอน 2-5 ในการแข่งขันฟุตบอล "เอเชี่ยนคัพ 2015" รอบคัดเลือก กลุ่มบี เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจบเกมแฟนบอลบางส่วนเรียกร้องให้ "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทย แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่บางส่วนยังสนับสนุนให้ทำงานต่อ

ซึ่งวินนี่ออกมายืนยันแล้วว่าจะยังไม่ลาออก อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็เตรียมจะประชุมเพื่อพิจารณาอนาคตของวินนี่ ในวันที่ 31 มี.ค.

ทั้งนี้ ล่าสุดวันนี้ (26 มี.ค.) วินนี่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงเกมกับเลบานอนซึ่งทีมชาติไทยแพ้แบบหมดฟอร์มแบบข้อความว่า

"ผมนึกออกว่ามันจะเจ็บปวดแค่ไหนที่พวกคุณทุกคนต้องนั่งดูการแข่งขันนั้น หรืออ่านผลการแข่งขัน หรือแม้แต่ได้ยินคนพูดถึงมัน มันเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ ผมรู้สึกแย่ที่ทราบว่าพวกคุณโกรธและอาจจะยังโกรธอยู่จนถึงตอนนี้ แต่เชื่อเถอะว่าผมก็รู้สึกเช่นเดียวกัน และนักกีฬาทุกคนก็เช่นกัน บางคนก็ร้องไห้หลังจากการแข่งขัน แต่แน่นอนว่านั่นไม่เปลี่ยนแปลงอะไรที่เกิดขึ้นไปแล้วได้"

@ ไม่แก้ตัว-แต่ขอชี้เแจงข้อผิดพลาด

"เมื่อคู่ต่อสู้ได้ไปถึง 5 ประตู เราก็ไม่สามารถมีข้อแก้ตัวใดๆ อีกแล้ว เราเล่นได้ไม่ดี แม้ว่าเราจะพยายามมากขึ้นในครึ่งหลัง และแม้ว่าเราจะได้ 2 ประตู สิ่งดีๆ ที่ในการแข่งขันนี้ ไม่มีผลเลยเมื่ออยู่ท่ามกลางความผิดพลาดมากมายที่เกิดขึ้น ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ แต่ผมจะพยายามอธิบายสักหน่อยว่าความสูญเสียครั้งนี้เป็นมาอย่างไร"

"แน่นอนว่าเราได้วิเคราะห์เกมไปแล้ว และตอนนี้ก็ยังวิเคราะห์มันอยู่ทุกๆ นาที ทุกๆการกระทำของเรา แต่เมื่อใดที่เราต้องวิพากษ์วิจารณ์รายบุคคล เราจะทำโดยส่วนตัวและด้วยความเป็นมืออาชีพ ผมไม่เคยวิจารณ์นักกีฬาในที่สาธารณะ และจะไม่มีทางทำเช่นนั้นเด็ดขาด เราชนะและแพ้เป็นทีมเดียวกัน ไม่มีนักกีฬาคนใดสมควรได้รับการตำหนิในที่สาธารณะ เราทุกคนมีส่วนร่วมในความสำเร็จหรือความพ่ายแพ้ของเรา"

"เนื่องจากเรามีนักกีฬาที่บาดเจ็บ เราจึงต้องสร้างทีมใหม่ขึ้นมา นั่นคือปัญหาที่เราต้องเจอเป็นครั้งคราวในทีมชาติทุกทีม สิ่งที่สำคัญในช่วงเวลาแบบนี้คือเราต้องสามารถเลือกนักกีฬาที่แข็งแรงและอยู่ในระดับเดียวกันออกมาเล่นได้ แต่เราก็เห็นว่านักกีฬาบางคนนั้นยากที่จะมีใครมาแทนจริงๆ"

@ นักเตะเจ็บ-ประสบการณ์น้อย

"มันแย่ยิ่งกว่าเมื่อนักกีฬาที่สามารถมาแทนนักกีฬาเดิมที่บาดเจ็บ กลับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน หรืออย่างในกรณีของ ชาริล ชัปปุยส์ เขามีคุณสมบัติไม่พอสำหรับการแข่งขัน ไม่ว่าเราจะต่อสู้เพื่อเขาขนาดไหนก็ตาม ในที่สุด ทีมของเราก็มีนักกีฬาที่อายุน้อยมากๆ และโดยรวมเป็นนักกีฬาที่ยังไม่มีประสบการณ์การแข่งขันระดับนานาชาติมากนัก ยกเว้นนักกีฬาที่มีประสบการณ์สองสามคนเท่านั้น"

"และเมื่อเบรุตเป็นเมืองต่างประเทศเมืองแรกที่คุณได้พบเจอ ซึ่งเป็นเมืองที่มีบรรยากาศของทหาร ความวุ่นวาย และกลิ่นอายตะวันออกกลางที่ไม่คุ้นเคย มันก็คงน่าตกใจไม่น้อยสำหรับคนที่ได้เจอครั้งแรก ทีมที่มีประสบการณ์น้อย ส่วนนักกีฬาที่มีประสบการณ์ก็ไม่อยู่ในสภาพพร้อมเต็มที่ ก็ย่อมเป็นภาวะที่อันตราย"

@ เอ่ยชม"ฐิติพันธ์-ชนาธิป"เล่นได้ดี

"ดังนั้นก็ไม่ใช่เรื่องประหลาดใจใหญ่หลวงนักเมื่อการแข่งขันทำให้เราเห็นอีกครั้งว่ามันสำคัญขนาดไหนที่เราจะต้องพัฒนาฟุตบอลไทยโดยรวม และจะต้องไม่มุ่งอยู่ที่แค่สโมสรที่โดดเด่นไม่กี่สโมสรเท่านั้น ผมขอพูดอีกครั้งหนึ่งว่าประเทศไทยมีนักกีฬาที่มีพรสวรรค์มากมาย ผมมีความสุขเสมอเมื่อได้ฝึกฝนนักกีฬาเหล่านี้เพราะพวกเขามีพรสวรรค์และกระตือรืนร้นกันมาก และอย่างการแข่งขันกับกาตาร์ ในสถานการณ์ที่ความกดดันไม่สูง และบรรยากาศท้องฟ้าสดใส เราก็ได้เห็นสิ่งที่เราจะเป็นได้ แม้กระทั่งเกมที่แข่งกับเลบานอน เราก็ยังได้เห็นจุดสำคัญๆ ของเรา ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่ไม่ค่อยได้เล่นที่สโมสร ก็ได้แสดงพลังและพรสวรรค์ออกมาอย่างมากมาย ประตูที่เขาทำไว้ได้ก็ยอดเยี่ยมมาก ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก็เล่นได้อย่างดี และผมมั่นใจว่าถ้าเขามีโอกาสได้แข่งอย่างสม่ำเสมอเขาจะต้องกลายเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของทีมชาติแน่นอน"

"เมื่อเราแข่งในบรรยากาศที่กดดันและตึงเครียด และแข่งกับทีมที่มีนักกีฬาที่ผ่านการแข่งขันที่ดุเดือดมาแล้วหลายเกม เราก็เห็นความผิดพลาดอันยอมรับไม่ได้หลายจุด"

@ เจอแต่ปัญหาเดิมๆ จนเสียประตู

"ในการแข่งขันนี้ เรามีปัญหาเดิมกับเรื่องความรู้และเทคนิคเบื้องต้นทั้งหลาย ความผิดพลาดพวกนี้ไม่เป็นปัญหากับการแข่งขันในประเทศไทย เพราะคู่ต่อสู้ของคุณจะไม่ลงโทษความผิดพลาดของคุณในพริบตาต่อมา แต่ในการแข่งขันระดับสากล เราก็ได้เห็นมันในเกมที่เราแข่งกับคูเวต และเกมครั้งนี้กับเลบานอน มันเป็นความผิดพลาดเรื่องตำแหน่ง การส่งลูก การควบคุมลูก การป้องกันคู่ต่อสู้ และเมื่อการป้องกันไม่แข็งแรงพอในตอนนั้น ความผิดพลาดเหล่านี้ก็กลายเป็นประตูของคู่ต่อสู้ เราเห็นพวกนี้ในการแข่งขันแชมเปี้ยนชิพทุกๆ ปี"

ส่วนสิ่งที่ต้องทำต่อหลังจากนี้ วินนี่แสดงความคิดเห็นว่า

"สิ่งที่เราต้องการก็คือขอบข่ายการทำงานที่แข็งแรงอย่างที่เราได้เห็นตอนแข่งขันชิงถ้วยซูซูกิ นั่นคือสิ่งที่ทุกทีมต้องมี ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง กองหน้า ในช่วงสัปดาห์หน้า ผมจะคุยกับนักกีฬาบางคนและคุยกับสโมสร และเราจะหาวิธีที่จะพัฒนานักกีฬาแต่ละคนและพัฒนาทีมโดยรวมด้วยกัน"

"การแข่งขันที่เป็นมิตรทั้งหลายที่เราจะได้เจอต่อไปนี้จนกว่าจะถึงการแข่งขันใหญ่ครั้งต่อไปนั้นคือสิ่งที่เราต้องการในการนำนักกีฬารุ่นเยาว์ของเราไปสู่คุณภาพการแข่งขันและความมั่นใจสำหรับการแข่งระดับนานาชาติ และในการหาทางออกสำหรับนักกีฬาที่มีประสบการณ์บ้างแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น การจะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติก็มีการแข่งขันสูงด้วย"

@ เตรียมจับมือ"ส.ฟุตบอลเยอรมัน"

"หลังจากผลการแข่งขันครั้งนี้ ผมอยากจะขอสร้างสมาคมนักกีฬารุ่นเยาว์มืออาชีพอย่างจริงจัง และใช้โอกาสนี้ในการร่วมมือกับสมาคมฟุตบอลเยอรมัน (DFB) ในการพัฒนาการเล่นของนักกีฬารุ่นเยาว์ของเราที่ประเทศไทย และไม่ใช่เฉพาะนักกีฬาในสมาคมใหญ่ๆ เท่านั้น แต่ต้องรวมถึงสมาคมเล็กๆ ด้วย"

"ฟุตบอลเป็นเรื่องของความร่วมมือ ทั้งในสนามและข้างสนาม การสูญเสียเป็นเรื่องน่าเกลียด มันเป็นแผลบาดลึก และไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะก้าวต่อไป แต่เราต้องก้าวไป นั่นคือสิ่งที่เราต้องทำเพราะเราคือทีมชาติ"

@ ยันไทยไม่เหมาะ "4-4-2"

"มีสองคำถามที่ผมถูกถามตลอดเวลา ผมจึงจะตอบไว้ที่นี่ คำถามแรก ทำไมไม่ใช้อีกระบบหนึ่ง ทำไมไม่ใช้วันทัชฟุตบอล"

"ผมเข้าใจว่าทำไมคุณคิดอย่างนั้น แต่คุณต้องเข้าใจด้วยว่าคุณควรจะใช้ระบบที่นักกีฬารู้จัก เล่นได้ และมั่นใจ และคุณจะใช้ระบบใดระบบหนึ่งได้ก็ต่อเมื่อคุณมีนักกีฬาที่เหมาะสมกับระบบนั้น อย่างเช่นระบบ 4-4-2 นอกจากมุ้ยแล้ว คุณต้องมีกองหน้า อีกคนที่ดีรองลงมา และหนึ่งในสองนั้นจะต้องเล่นตำแหน่งกองกลางได้ด้วยคือทั้งรักษาลูก ทั้งส่งลูก และวิ่งไปมาเยอะมาก สำหรับมุ้ยซึ่งเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่เก่งที่สุดที่เรามีตอนนี้ ก็ยังไม่เหมาะกับระบบนี้ และถ้าเราใช้ 4-4-2 มันจะทำให้เขาอ่อนแอมากกว่าแข็งแรงขึ้น"

@ ต้องปลูกฝังระบบตั้งแต่เด็ก

"โดยรวมแล้ว ระบบจะต้องถูกสอนอย่างถูกต้องและถูกย้ำบ่อยครั้งจนกว่าผู้เล่นจะชำนาญ เพราะว่าอย่างที่ผมกล่าวไปแล้วว่าสิ่งที่อันตรายในการแข่งขันหนึ่งๆ ก็คือความผิดพลาดของคุณเอง โค้ชทีมชาติไม่เคยมีเวลาเพียงพอในการฝึกฝนระบบใหม่ คุณมักจะต้องกลับไปใช้ระบบที่นักกีฬารู้จักดีอยู่แล้วอยู่เสมอ และนี่คือเหตุผลที่เราต้องการการพัฒนาในทีมรุ่นเล็กของเรา นักกีฬาต้องเรียนรู้ระบบต่างๆ ตั้งแต่อายุยังน้อย การแข่งขันชิงถ้วยซูซูกินั้นไม่เหมือนเกมอื่น เรามีเวลาสองสามสัปดาห์ และคุณก็เห็นว่าเราเล่นกันได้ดี ระบบที่เรียกกันว่าวันทันฟุตบอลก็เหมือนกัน การส่งลูกอย่างรวดเร็วนั้นต้องอาศัยทักษะที่ดีมากในการควบคุมและส่งลูก แน่นอนว่าเราพยายามจะส่งลูกให้แม่นยำ ฉลาด และรวดเร็ว แต่คุณก็ได้เห็นความผิดพลาดของเราในการแข่งขันไปแล้ว เราส่งลูกผิดพลาด และคู่ต่อสู้ก็ได้ลูกไป...เราทุกคนพยายามทำดีที่สุด และนั่นก็หมายถึงว่าเราต้องยอมรับความจริงและเล่นในวิธีที่เราทำได้ ไม่ใช่เล่นในวิธีที่คนอยากเห็น"

@ ชี้สัญญาหมดสิ้นปีหน้า

"ส่วนเรื่องเกี่ยวกับอนาคตของผม สัญญาของผมไม่ได้สิ้นสุดเดือนสิงหาคม และไม่ใช่เดือนธันวาคม แต่จะหมดตอนปลายปี 2014 ทั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และเลขาธิการยังไม่เคยคุยกับผมเรื่องการสิ้นสุดสัญญา"

"ผมไม่ทราบว่าเลขาธิการพูดอะไรกับสื่อเกี่ยวกับการประชุมปลายเดือนนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาผมคุยกับเขาเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องภายในที่เกี่ยวข้องกับ ชาริล ชัปปุยส์ และการจัดการการเดินทางไปกาตาร์และเบรุตของเรา และผมก็ไม่ได้คุยกับประธานมานานมากแล้ว เว้นแต่สองสามโอกาสที่คุยกันทางโทรศัพท์สั้นๆ และทั้งหมดก็เป็นการคุยเรื่องอื่นๆ"

@ เอกสารมาช้า-"ชัปปุยส์"อดดวลเลบานอน

"ส่วนกรณีชาริล ชัปปุยส์ อธิบายได้ง่ายๆ เราแจ้งทางเอฟเอไปสองสามสัปดาห์ก่อนที่เราจะเดินทางไปกาตาร์ คือวันที่ 15 มีนาคม ว่าเรามีนักกีฬาสองสัญชาติอยู่สามคนที่เราอยากให้ร่วมในทีมชาติด้วย และทีมของผมก็อธิบายอย่างละเอียดว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง ในที่สุดเราก็เชิญชาริลกับแอนโธนีไป ตอนไปถึงสนามบินกาตาร์ เราได้อีเมลฉบับล่าสุดจากเอเอฟซี และเอเอฟซีก็อธิบายมาอย่างละเอียดว่า ทางนั้นจำเป็นต้องคุยกับฟีฟ่าเรื่องชาริล เพราะชาริลเคยเล่นให้ทีมชาติเยาวชนของสวิสมาก่อน มันค่อนข้างน่าผิดหวังที่เราได้อีเมลนี้ช้าไปหน่อย"

"จากนั้นทีมของผมก็จัดการต่อรองเรื่องนี้กับฟีฟ่าโดยตรง ตอนอยู่ที่กาตาร์และเบรุต เราคุยกับฟีฟ่าทุกวัน และสุดท้าย ในวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม ฟีฟ่าโทรหาเราและแจ้งว่าการตัดสินได้ถูกส่งไปยังเอเอฟซีและฟีฟ่าทันเวลาพอดี และเราก็ได้รับจดหมายยืนยันจากเอเอฟซีด้วย แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทางเอเอฟซีและฟีฟ่าจึงไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารไปให้ผู้ควบคุมการแข่งขัน เอเอฟซีบอกเราว่าพวกเขาเห็นว่าแฟกซ์ถูกส่งไปตรงเวลา แต่ไปถึงที่มาเลเซียสายกว่านั้นไปมาก หรือมันอาจจะเป็นปัญหาทางเทคนิค ยังไงก็ตามชาริลก็เลยไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นในเกมนั้น แต่ตอนนี้เขาได้รับอนุญาตแล้ว และมีอิสระที่จะเล่นในทีมชาติไทยได้"

@ ขอบคุณฑูตไทยที่กาตาร์

"เราอยากจะขอขอบคุณเอกอัครราชฑูตไทยประจำกาตาร์และเจ้าหน้าที่ที่น่ารักเป็นอย่างมาก นอกจากพวกเขาจะเชิญให้เรารับประทานอาหารและใช้เวลาช่วงเย็นกับพวกเราแล้ว พวกเขายังช่วยประสานเรื่องของชาริลและช่วยส่งเอกสารสำคัญบางอย่างที่ฟีฟ่าจะรับเฉพาะจากองค์กรจากประเทศไทยเท่านั้นอีกด้วย"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook