My Liverpool: Don’t let us down! Liverpool

My Liverpool: Don’t let us down! Liverpool

My Liverpool: Don’t let us down! Liverpool
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จั่วหัวคอลัมน์ในวันนี้ไว้แบบนี้ เพราะผมเชื่อว่า ลิเวอร์พูล กำลังทำผลงานในลีกที่ย่ำแย่จนทำให้แฟนบอลออกอาการห่อเหี่ยวหัวใจไปตามๆกัน ไม่ว่าจะแฟนรุ่นเก่าดึกดำบรรพ์แค่ไหน หรือจะเป็นแฟนรุ่นใหม่ ที่อุตส่าห์ตามเฝ้าลุ้น และส่งใจเชียร์อย่างซื่อสัตย์

ลิเวอร์พูล มีผลงานในฟุตบอลลีกที่น่าผิดหวังมากๆนับตั้งแต่เปลี่ยนศักราชมาเป็นปี 2012 โดยพวกเขาแพ้ให้กับคู่แข่งไปแล้วถึง 8 เกม และเอาชนะได้เพียง 2 เกมเท่านั้น ทำให้อันดับในตารางคะแนนหล่นลงมาอยู่ในอันดับที่ 8 มีสิทธิที่จะโดนทั้งทีมอันดับ 9 และ 10 อย่าง ซันเดอร์แลนด์ กับ ฟูแล่ม แซงหน้าเอาเสียด้วย

ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล มีปัญหาในเรื่องของความมุ่งมั่นกับการแสดงผลงานในลีก พวกเขาอาจจะคว้าแชมป์ คาร์ลิ่ง คัพ ในปีนี้มาครองได้แล้วหนึ่งรายการ แต่หากพิจารณาจากความเป็นจริง ศักดิ์ศรีของแชมป์รายการนี้แค่ทำให้ ลิเวอร์พูล การันตีการได้สิทธิไปเล่นฟุตบอล ยูโรป้า ลีก ในฤดูกาลเท่านั้น

แต่สิ่งที่เป็นเป้าหมายรองจากการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดให้ได้ในรอบนานกว่า 2 ทศวรรษก็คือ การที่ต้องได้กลับไปเล่นในฟุตบอลรายการอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งจะทำให้ทีมมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย และจะเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญสำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงทีมใหม่อีกครั้งในช่วงหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้

จากผลงานในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล นอกจากจะไม่แพ้ใครในลีกในการเล่นที่ แอนฟิลด์ แล้ว พวกเขายังเป็นทีมที่มีเกมรับเหนียวแน่นที่สุดของพรีเมียร์ลีก แต่หลังจากที่ทีมประสบกับปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นคนสำคัญโดยเฉพาะ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ ไป ก็ส่งผลกระทบในแนวรับมากมายเลยทีเดียว

หลายฤดูกาลที่ผ่านมา แอ็กเกอร์ อาจจะมีปัญหาอาการบาดเจ็บออดๆ แอดๆ ทำให้เขาไม่สามารถจะแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวเสียที อย่างไรก็ดีกับผลงานในฤดูกาลนี้ต้องยอมรับว่าเซ็นเตอร์ฮาล์ฟหนุ่มทีมชาติเดนมาร์กผู้นี้ เริ่มเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บไปอีกครั้งนับตั้งแต่เกม คาร์ลิ่ง คัพ รอบชิงชนะเลิศ ก็ทำให้แนวรับของ ลิเวอร์พูล เริ่มขาดความแน่นอน เสียประตูง่าย และนำไปสู่ความพ่ายแพ้แบบไม่น่าเชื่อในหลายๆเกมที่ผ่านมา

ในเกมลีกนัดล่าสุดนั้น ลิเวอร์พูล มีโปรแกรมต้องไปเยือนรัง เซนต์ เจมส์ ปาร์ค ของทีม “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด โดยการพบกันเมื่อต้นฤดูกาล ลิเวอร์พูล เคยสั่งสอน นิวคาสเซิล มาแล้วที่ แอนฟิลด์

อย่างไรก็ดีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ชนะของ ลิเวอร์พูล ยังเป็นเครื่องหมายคำถามต่อไป พวกเขาเสียประตูแรกในช่วง 20 นาทีแรกของเกม เป็นการโยนจากริมเส้นไปที่เสาสอง และ ปาปิส ซิสเซ่ ก็โหม่งเล่นทางหมดสิทธิสำหรับ เปเป้ เรน่า จะป้องกันไว้ได้

ส่วนประตูที่สองที่เสียไปนั้นเกิดขึ้นในช่วงเกือบๆหนึ่งชั่วโมงของเกม และคนทำประตูนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น ซิสเซ่ กองหน้าทีมชาติเซเนกัล ที่ทำคนเดียว 2 ประตูในเกมนี้ให้ นิวคาสเซิล เกาะอันดับ 6 ไว้อย่างเหนียวแน่น แถมในช่วงก่อนหมดเวลา 10 นาที ลิเวอร์พูล ที่เปลี่ยนตัวสำรองลงไปเล่นครบโควตาทั้ง 3 คนแล้วยังต้องมาเสีย เปเป้ เรน่า นายทวารดีกรีทีมชาติสเปนไปอีก

หลังจากลุกขึ้นมาและใช้ศีรษะไปโขกเข้าที่ดั้งจมูกของ เจมส์ เพิร์ช ในจังหวะที่กำลังหัวเสียและพยายามจะลุกขึ้นมาเอาเรื่องคืน แต่ก็ไม่วายโดนผู้ตัดสิน มาร์ติน แอ็ตกินสัน ตะเพิดออกจากสนามไป โดยตลอดช่วงเวลาที่เหลืออยู่นั้น โฆเซ่ เอ็นริเก้ แบ็กซ้ายบ้านเดียวกับ เรน่า ต้องเปลี่ยนชุดลงมาทำหน้าที่เป็นนายทวารจำเป็นแทน และทีมไม่โดนยิงเพิ่มแต่อย่างใด

ทั้งนี้ใบแดงที่ เรน่า ได้รับนั้นจะทำให้เขาหมดสิทธิลงเล่นให้กับทีมโดยอัตโนมัติ 3 เกมทันที และ 1 ในนั้นก็มีเกมเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศกับ เอฟเวอร์ตัน รวมอยู่ด้วย

หลังจบเกม เคนนี่ ดัลกลิช ยอมรับกับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น โดยเขากล่าวว่า “ในช่วงต้นของเกมนี้ เรายังสามารถผ่านบอลไปมาได้ดีอยู่ แต่ท้ายที่สุดมันก็จบลงแบบน่าผิดหวังจริงๆ”

“สิ่งที่แย่ที่สุดคงหนีไม่พ้นการโดนไล่ออกของ เรน่า ซึ่งเขาสมควรจะได้รับใบแดงนั้นจริงๆ และปฏิกิริยาของ แอนดี้ คาร์โรลล์ ระหว่างที่เดินกลับออกมาพร้อมกับการแสดงออกมาถึงความผิดหวังที่เกมเป็นไปเช่นนั้น”

“การแสดงออกมาถึงความผิดหวังกับผลงานของทีมไม่ใช่สิ่งที่รับไม่ได้ แต่เขาจะต้องรู้ว่าควรจะแสดงออกมาอย่างไรถึงจะเหมาะสมกว่านี้”

“ครึ่งแรกมีจังหวะที่เราน่าจะได้ลูกโทษที่จุดโทษ และพวกเขาก็สมควรจะเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน แต่ทุกอย่างก็ผ่านไป”

“เราจะพยายามทำงานหนักและเชื่อมั่นในสิ่งที่เราอยู่ หากเราทำได้ดีกว่าเกมในช่วงหลัง เราจะดีขึ้นอย่างแน่นอน”

เมื่อถูกถามต่อถึงความเชื่อมั่นว่าเป็นตัวแปรสำคัญหรือไม่ที่ทำให้ ลิเวอร์พูล มีผลงานที่สะดุดไปอย่างเห็นได้ชัด คิง เคนนี่ ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า

“ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะสูญเสียความมั่นใจไปแต่อย่างใด แต่เราจะต้องรวมกันให้ติดให้ได้หลังจากความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้นติดๆกัน”

“ผมคิดว่าพวกเรายอมรับได้กับความจริง หลายๆ เกมที่พวกเราออกสตาร์ตและน่าจะได้ผลการแข่งขันที่ดี หากจะมีโชคหนุนอีกสักนิดเราคงมีคะแนนติดไม้ติดมือบ้าง แต่กับประตูแรกของเกมนี้ที่เสียไป ถือเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และไม่ควรให้มันเกิดขึ้นอีก”

“ลูกทีมของผมจะรวมใจกันสู้แน่ เพราะพวกเขามีความตั้งใจที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จ และสิ่งที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นการร่วมแรงร่วมใจกัน และทำในสิ่งที่เราจะต้องทำด้วยความมุ่งมั่น”

ทิ้งท้ายวันนี้ด้วยข่าวของอดีตกองหลังที่ยอดเยี่ยมอีกคนในประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล นั่นคือ ซามี่ ฮูเปีย ทั้งนี้ ฮูเปีย ได้รับการแต่งตั้งจากทีม “นายห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ให้ทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งกุนซือไปจนจบฤดูกาลนี้

หลังจากที่ทีมดังในศึกบุนเดสลีกาหมดความอดทนกับผลงานของอดีตกุนซือคนก่อน โรบิน ดุตต์ แล้วนั่นเอง โดย เลเวอร์คูเซ่น ในยุคของ ดุตต์ แพ้มาติดต่อกัน 5 เกมติด ทำให้บอร์ดบริหารตัดสินใจแยกทางกับอดีตกุนซือรายนี้ทันที

ในการทำงานครั้งนี้ของ ฮูเปีย เขาจะมีผู้ช่วยก็คือโค้ชทีมชุดอายุไม่เกิน 19 ปีของ เลเวอร์คูเซ่น ซาช่า เลวานดอฟสกี้ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย โดยอันดับล่าสุดของพวกเขารั้งอยู่อันดับที่ 6 ของศึกบุนเดสลีกา ซึ่งถือว่ายังต้องลุ้นว่าจะได้สิทธิไปเล่นฟุตบอลสโมสรยุโรปในฤดูกาลหน้าหรือไม่

มาร์ค สุรเดช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook