หมดอารมณ์กับทีมชาติไทย

หมดอารมณ์กับทีมชาติไทย

หมดอารมณ์กับทีมชาติไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากผมประกาศเลิกเป็นแฟนทีมชาติไทยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีหลายคนสงสัยและคิดไปเองต่างๆ นานา ว่าทำไมต้องแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจที่ค่อนข้างจะดูรุนแรงสำหรับแฟนบอลบางคน ทั้งๆ ที่หลายคนก็รู้ว่าทีมชาติไทยชุดใหญ่ก่อนที่จะไปเล่นเกมตัดสินว่าจะได้เข้ารอบคัดเลือกสิบทีมสุดท้ายไหมว่าเป็นอย่างไร

ภาพที่ออกมาของทีมชาติไทยตั้งแต่ก่อนเกมเลยถือว่าเป็นปัญหาที่มาจากการบริหารจัดการ รวมทั้งการไม่ให้ความร่วมมือของสโมสรใหญ่ที่มีนักเตะติดทีมชาติหลายคน ส่วนสโมสรที่มีภารกิจต้องใช้นักเตะจริงๆ ก็คงเป็นเหตุผลที่ฟังได้ ถ้าต้องเล่นในรายการสำคัญระดับนานาชาติ แต่ถ้าเป็นเหตุผลอย่างอื่นก็คงต้องฝากให้แฟนๆ เอาไปคิดกันเนื่องจากรายการฟุตบอลต่างๆ ของสมาคมในประเทศก็ไม่ได้มีให้เล่นก่อนเกมกับโอมานถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม

ก่อนหน้านั้นผมเคยเขียน สงสารวินนี่ หรือ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทยที่กำลังพิจารณาทบทวนบทบาทของตัวเองหลังจากนำขุนพลทีมชาติไทยที่ต้องวงเล็บไว้ข้างหลังว่า ไม่พร้อม ไปแพ้ทีมชาติโอมานถึงถิ่นพร้อมกับความฝันที่เราจะไปฟุตบอลโลกสมัยแรกหมดไปทันที

ต้องรอกันใหม่อีกสี่ปีข้างหน้า ทั้งๆ ที่รู้กันอยู่เต็มอกว่าสิ่งที่แฟนบอลไทยอยากเห็นทีมชาติไทยประสบความสำเร็จในเรื่องใดมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นการไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายให้ได้ในสมัยแรก

แม้ว่าช่วงหลังฟุตบอลในระดับภูมิภาคเองก็ดีอย่าง เอเชี่ยน คัพ ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือแม้กระทั่งฟุตบอลซีเกมส์ก็ดี ยังจำไม่ได้เลยว่าความสำเร็จที่ได้มาล่าสุดคือรายการอะไร ในส่วนของคนไทยที่มีหัวใจรักฟุตบอลอาจจะมีความสุขอยู่บ้างที่เห็นทีมระดับสโมสรหรือทีมชาติระดับเยาวชนไปประสบความสำเร็จได้แชมป์รายการต่างๆ แต่ถ้าจะให้เติมเต็มกับสิ่งที่อยากได้มากที่สุดก็มีไม่กี่อย่าง และต้องเป็นเรื่องของทีมชาติชุดใหญ่ด้วย

ต่อจากนี้ก็ต้องขอติดตามทีมชาติไทยในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่ง รวมทั้งเป็นคนไทยที่แม้ว่าจะประกาศเลิกเชียร์ทีมชาติของตัวเอง แต่ในใจก็คงต้องแอบติดตามเอาใจช่วยอยู่ลึกๆ เริ่มจากอนาคตของตำแหน่งกุนซือทีมชาติว่าจะเป็นยังไงต่อไป เพราะ วินฟรีด เชเฟอร์ เองก็ออกมาพูดว่าอาจจะอยู่ไม่ครบสัญญาสามปีที่ทำไว้

และตอนนี้ก็เป็นช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เป็นช่วงพิจารณาตัวเองอยู่เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร ถ้าดูกันจริงๆ แฟนฟุตบอลชาวไทยคงรู้อย่างแน่นอนถึงสาเหตุของความล้มเหลว ซึ่งต้องยอมรับว่าเห็นใจยอดกุนซือชาวเยอรมันคนนี้จริงๆ

ดังนั้นถ้า วินฟรีด เชเฟอร์ เปิดหมวกลาออกจากการเป็นกุนซือผมคงเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกเสียดายฝีมือที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นบุคคลที่ฝากความหวังจะพาทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลกหรือประสบความสำเร็จในรายการนานาชาติได้ แต่ขาดแค่คนหนุนหลังในการทำงานที่ต้องยอมรับว่าแต่ละฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าตัวเอาซะเลย

เช่น การที่เรียกนักเตะมารายงานตัวตอนแรกจากยี่สิบสามคน มารายงานตัวแค่ห้าคน ถ้าใครทำงานและได้รับความร่วมมือแค่นี้ หรือเจ้านายไม่ให้การสนับสนุนแบบจริงจังก็คงอยู่ทำงานได้ไม่นาน แม้ว่าผลตอบแทนอาจจะงามแบบปฏิเสธไม่ลงก็ตาม

สุดท้ายคงไม่ต้องสาธยายอะไรมากสำหรับรายละเอียดหรือสาเหตุที่ทำให้ทีมชาติไทยของเราต้องรอความฝันอีกสี่ปีข้างหน้า เพราะยอมรับว่าช่วงนี้หมดอารมณ์ต้องดูฟุตบอลต่างประเทศแก้ขัดไปกันก่อน นอกจากนั้นผมสงสารตัวเองที่เขียนสาเหตุว่าทำไมทีมชาติไทยถึงไม่ไปถึงฝั่งฝันซักทีแต่ผลงานก็ไม่เปลี่ยนแปลง

รวมทั้งลูกชายของผมที่มักจะพิมพ์คอลัมน์ให้ผมส่งสำนักพิมพ์เป็นประจำ เพราะเหนื่อยกับการพิมพ์สิ่งเดิมๆ ดังนั้นเมื่อไหร่ถ้าผมกลับมามีอารมณ์มีไฟกับเรื่องทีมชาติอีกครั้ง

คราวหน้าผมอาจจะออกหนังสือขายเลยดีไหมครับ

" หมอเมา "

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook