ดร.วิชิตชี้ไทยลีกพัฒนาการยังนิ่งแต่การตลาดดี
จากกรณีที่ สหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลนานาชาติ หรือ "ไอเอฟเอฟเอชเอส" จัดอันดับฟุตบอลลีกของเอเชีย ล่าสุด ปรากฏว่า ไทยพรีเมียร์ลีก ขึ้นมารั้งที่ 5 ของเอเชีย โดยเป็นรองเพียง เกาหลีใต้ , ญี่ปุ่น , ซาอุดีอาระเบีย และ อิหร่าน เมื่อวันที่ 20 ม.ค. "บิ๊กชิต" ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เปิดเผยว่า การที่ ไทยพรีเมียร์ลีก จะก้าวขึ้นไป 1 ใน 3 นั้น อาจคงเป็นเรื่องยาก เนื่องจากปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าฟุตบอลลีกของเรายังไม่มีการพัฒนาที่จริงจังและเป็นระบบอย่าง ประเทศชั้นนำ"เรายังขาดการพัฒนาโค้ช หรือ การพัฒนาในด้านของฟุตบอลลีก เหมือนเช่น เจลีก ของญี่ปุ่น หรือ เคลีก ของเกาหลีใต้ นอกจากนี้ พวกเขายังมีโปรแกรมพัฒนาอะคาเดมีอย่างเป็นรูปธรรม มีการพัฒนาลีกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บ้านเราเพิ่งจะจัดการแข่งขัน ยูธ-12 ยูธไทยพรีเมียร์ลีก ขึ้นมาเอง และผมบอกเวลาไม่ได้ว่า เราจะไปติดท็อปทรีได้ตอนไหน ซึ่งเรายังมี คูเวต, อิรัก, ซาอุดีอาระเบีย เป็นคู่แข่งด้วย เราต้องมาคุยกันทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น รัฐบาล สมาคมฟุตบอลฯ หรือ ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ซึ่งก็ต้องวางแผนระยะยาวแบบ 20 ปีขึ้นไป เพื่อให้ไทยลีกก้าวไปติดที่ 1 ได้"นอกจากนี้ ดร.วิชิต เผยด้วยว่า ส่วนกรณีที่จะมีการประมูลลิขสิทธิ์ไทยลีก 3 ฤดูกาล (พ.ศ.2557-2559) ที่ นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลฯ ยืนยันว่า จะมีตัวเลขราว ๆ 600 ล้านบาท เวลานี้ตนยังไม่ทราบว่า ตัวเลขจะสูงแบบนั้นหรือไม่ แต่ตนบอกได้คำเดียวว่า ตั้งแต่ฤดูกาล 2014 ไป ทุกสโมสรน่าจะได้อะไรมากกว่าเดิม ซึ่งตนคาดว่า ทุกทีมน่าจะได้เพิ่มจากเดิม 2 เท่า เพราะเหตุผลทางด้านการตลาดที่ศึกไทยพรีเมียร์ลีก น่าจะมีความนิยมสูงขึ้น ปัจจุบันนี้ หากนับเฉพาะ 18 ทีมในไทยลีก ได้รับเงินสนับสนุนประมาณทีมละ 6 ล้านบาท ซึ่งมาจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จำนวน 1 ล้านบาท รวม 18 ทีม 18 ล้านบาท เงินสนับสนุนทีมจากการถ่ายทอดสด ทีมละ 5 ล้านบาท รวม 18 ทีม 90 ล้านบาท และยังไม่นับรวมเงินรางวัลจากการได้อันดับ 1-8 ในตารางไทยลีกด้วย และผมคาดเงินรางวัลในอนาคตก็น่าจะสูงขึ้นอีกด้วย" ดร.วิชิต กล่าว