พรีเมียร์ลีก พรีวิว โดย..มาร์ค สุรเดช

พรีเมียร์ลีก บ๊อกซิ่งเดย์ ยังมีให้ได้ลุ้นกันอีก 3 คู่ ในคืนวันอังคาร และแน่นอนว่าทุกเกมยังมีความหมายต่อทุกทีมหมดไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์, ลุ้นพื้นที่ไปเตะยุโรปปีหน้า และแน่นอนที่สุดพื้นที่ตกชั้น

ที่ประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีกยืนยันได้เป็นอย่างดีว่านับตั้งแต่มีพรีเมียร์ลีกมานั้น มีเพียงแค่หนเดียวที่ทีมที่ได้อันดับรั้งท้ายในช่วงคริสต์มาส จะสามารถเอาตัวรอดจากการหนีตกชั้นได้สำเร็จ

คืนวันอังคารนี้ เกมที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ระหว่าง “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล กับ “หมาป่า” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส น่าจะเป็นเกมที่สนุกแม้อันดับของทั้งสองทีมจะห่างกันอยู่หลายอันดับ แต่เมื่อสถานการณ์ของ วูล์ฟ ยังไม่สู้ดีนัก ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องพยายามเก็บคะแนนตุนไว้ให้มากที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องไปลุ้นตัวโก่งในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล

เดิมทีนั้นเกมการพบกันคู่นี้จะต้องเล่นกันในวันจันทร์ที่ 26 ตามโปรแกรมที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้น แต่ด้วยเพราะเหตุการณ์ประท้วงนัดหยุดงานของพนักงานขับรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ อันเดอร์กราวด์ ในลอนดอน ทำให้ อาร์เซนอล ตัดสินใจขอเลื่อนเกมนี้ให้มาเล่นกันในวันอังคารที่ 27 แทน ด้วยเหตุผลในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับบรรดาแฟนบอลที่ตั้งใจจะมาชมเกมนัดนี้

ทั้งนี้แม้ อาร์เซนอล จะตัดสินใจเลื่อนเกมนี้ออกไปตามเหตุผลด้านบน แต่บางทีมที่อยู่ในลอนดอนเช่นกันอย่าง เชลซี กลับตัดสินใจไม่ขอเลื่อนเกมของพวกเขาออกไป โดย เชลซี จะทำศึก เวสต์ ลอนดอน ดาร์บี้ กับ ฟูแล่ม ตามปกติ

ก่อนลงสนามเกมนี้ อาร์เซนอล เก็บไปแล้ว 32 คะแนนจาก 17 นัด รั้งอันดับที่ 5 ในตารางคะแนน โอกาสในการลุ้นแชมป์แม้จะยังมีอยู่แต่พวกเขาก็เหนื่อยทีเดียวเมื่อไล่หลังทีมนำอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 12 คะแนน อย่างไรก็ดีกับการลุ้นติดท็อปโฟร์ให้ได้นั้น ดูจะเบากว่าพอสมควร เพราะทีมอันดับ 4 ในเวลานี้อย่าง เชลซี มีแต้มมากกว่าพวกเขาอยู่เพียงแค่แต้มเดียวเท่านั้น

ทางด้าน วูล์ฟ ของ มิค แม็คคาร์ธีย์ แม้ว่าจะเอาตัวรอดมาได้ 2 ซีซั่นติดกันนับตั้งแต่เลื่อนชั้นกลับมาหนล่าสุด แต่ปีนี้พวกเขาก็มีทีท่าไม่แคล้วต้องลุ้นจนถึงปลายฤดูกาลเหมือนเดิม สถานการณ์ล่าสุดของ วูล์ฟ นั้นอยู่อันดับที่ 17

มาดูที่สภาพทีมของทั้ง อาร์เซน่อล กับ วูล์ฟ ในเกมนี้ อาร์แซน เวนเกอร์ ยังปวดหัวกับเรื่องอาการบาดเจ็บของแนวรับตัวเองเหมือนเดิม โดยเฉพาะกับการขาดแคลนผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย ทำให้มีข่าวลือออกมาว่า เวนเกอร์ อาจจะไปดึงตัวอดีตดาวเตะทีมชาติอังกฤษอย่าง เวย์น บริดจ์ มาอุดรูรั่วขัดตาทัพไปก่อน

ทั้งนี้ บริดจ์ แทบไม่ได้ลงสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลยในฤดูกาลนี้ โดยลงเล่นไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น ทั้งๆที่ตอนถูกดึงตัวมาอยู่ในถิ่นอีสต์แลนด์ ซิตี้ ต้องควักจ่ายให้กับ เชลซี ไปถึง 9 ล้านปอนด์ แต่ผลงานของ บริดจ์ กลับไม่เข้าตาของ โรแบร์โต้ มันชินี่ เท่าที่ควร

และเนื่องจากการที่เป็นทีมที่อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ เชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คงไม่ยอมปล่ยอตัว บริดจ์ มาให้กับ อาร์เซน่อล ไปใช้งานเป็นแน่

แต่ข่าวดีของ อาร์เซน่อล ในเกมนี้ก็คือ การพ้นโทษแบนเรียบร้อยของ อเล็กซ์ ซง รวมถึงอาการบาดเจ็บที่ดีวันดีคืนของ โยฮัน ฌูรู แต่สำหรับแฟนบอลของ อาร์เซน่อล อาจจะไม่ยินดียินร้ายสำหรับการหายจากอาการบาดเจ็บของดาวเตะทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ สืบเนื่องมาจากผลงานที่ไม่ค่อยดีนักของเขานั่นเอง

ด้าน วูล์ฟ นั้น มิค แม็คคาร์ธีย์ ไม่มีลูกทีมเดี้ยงเพิ่มในลิสต์รายชื่อนักเตะเจ็บ  โจดี้ แคร็ดด็อค ที่เจ็บเอ็นหลังหัวเข่า และ เดวิด เอ็ดเวิร์ดส์ ที่เจ็บโคนขาหนีบ อาการดีขึ้นเป็นลำดับ และมีลุ้นจะผ่านความฟิตกลับมาช่วยทีมได้ทันเวลา

สถิติที่น่าสนใจก่อนเกมนี้:

- อาร์เซน่อล ชนะ วูล์ฟ ที่ เอมิเรสต์ แบบไข่ไม่แตกมา 4 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว โดยเมื่อฤดูกาลก่อนชนะด้วยสกอร์  2-0
- หนสุดท้ายที่ วูล์ฟ บุกมาชนะ อาร์เซน่อล ในลีกได้เกิดขึ้นเมื่อปี 1979 ในยุคที่มีกุนซือชื่อ จอห์น บาร์นเวลล์
- วูล์ฟ เสียอย่างน้อย 2 ประตูในการออกไปเล่นเป็นทีมเยือนฤดูกาลนี้
- อาร์เซน่อล ทำแต้มหล่นหายไปเพียง 4 จาก 24 แต้มในฤดูกาลนี้

ความน่าจะเป็นของเกมนี้:

เป็นเกมที่คนส่วนใหญ่มองไปในทางเดียวกันว่า อาร์เซน่อล เหนือกว่าด้วยประการทั้งปวง ยิ่ง วูล์ฟ เล่นนอกบ้านไม่ค่อยดีชนะแค่นัดเดียวในการเล่นเกมเยือนฤดูกาลนี้ มองมุมไหนก็ไม่น่าจะรอดเงื้อมมือลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ไปได้ เกมนี้ลุ้นกันว่า โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จะทำประตูได้อีกหรือไม่ อย่างไรก็ดีทีเด็ดของ วูล์ฟ ก็มีเหมือนกันโดยตัวความสูงสุดของทีมเยือนก็คือ สตีเว่น เฟล็ทเชอร์

ผลการแข่งขันที่คาด:
อาร์เซน่อล ชนะ วูล์ฟ 2-0

ขณะที่ อาร์เซน่อล ได้เล่นในรังของตัวเอง คู่ปรับตัวฉกาจของพวกเขาอย่าง “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่ทำอันดับ และ ผลงานได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน มีโปรแกรมต้องออกนอกไปบ้านด้วยการไปเยือน “เจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้

สเปอร์ส ปีนี้มาดีจริงๆ แม้จะร่วงตกรอบในยูโรป้า ลีก แต่พวกเขาเลือกที่จะเน้นทำผลงานในพรีเมียร์ลีกกว่า และ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ ก็นำทีมมาถูกทาง

สภาพความพร้อมของทั้ง 2 ทีมสำหรับเกมนี้ ทางด้านเจ้าถิ่น นอริช ของ พอล แลมเบิร์ต จะหมดสิทธิ์ใช้งาน ไคล์ นอจ์ตัน เด็กสเปอร์ส เพราะติดโทษแบนพอดี  รายของ เอลเลียต วอร์ด กับ เจมส์ วอห์น ยังมีอาการบาดเจ็บ ขณะที่ ริทชี่ เดอ เลต เด็กผี ที่ถูกยืมตัวมา อาจจะได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วมกับเกมนี้

ทางด้าน สเปอร์ส นั้นข่าวดีที่สุดก็คือ อาการเจ็บของ ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่ตอนแรกประเมิณกันว่าอาจรุนแรงถึงขั้นเอ็นเข่าฉีก ล่าสุดจากการสแกนเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับแฟนๆคลับไก่อย่างยิ่งเพราะดาวเตะดัตช์ไม่ได้เจ็บรุนแรงเหมือนอย่างที่เก็งกันไว้

นี่เป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี 1995 ด้วยที่ สเปอร์ส กลายเป็นทีมจาก ลอนดอน ที่มีผลงานดีที่สุดในตารางคะแนนของพรีเมียร์ลีก ขณะที่ นอริช บุกมาชนะ สเปอร์ส ได้ในลีกหนสุดท้ายที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน เกิดขึ้นในปี 1993 หนนั้น คริส ซัตตัน (2) และ เอฟาน เอโกกู ช่วยกันทำประตูพา นอริช บุกมาคว้าชัยได้สำเร็จ

นอริช อาจมีดีที่ใจสู้ สปิริตสูง ช่วยกันวิ่งช่วยกันไล่ แต่เกมรับของพวกเขายังไม่ดีเท่าที่ควร เสียประตูในลีกทุกเกมที่ลงเล่น ยิ่งมาเจอกับแนวรุกคมๆของทีมเยือนด้วยแล้ว ยิ่งน่าเป็นห่วง

ปิดท้ายด้วยเกมที่ ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม ระหว่าง “หงส์ขาว” สวอนซี กับ คิวพีอาร์ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็เลื่อนชั้นตามกันขึ้นมาในซีซั่นนี้ สวอนซี ทำผลงานได้ดีกว่าเล็กน้อย จุดเด่นของพวกเขาอยู่ที่เกมรับ และการเล่นในบ้าน

ขณะที่ คิวพีอาร์ แม้จะดึงตัวดาวเตะที่มีชื่อเสียงเข้ามาเป็นตัวหลักคอยประคับประคองทีม แต่ปัญหาที่ นีล วอร์น็อค ยังแก้ไม่เด็ดขาดคือการทำให้ลูกทีมเล่นด้วยฟอร์มที่สม่ำเสมอมากกว่านี้

โอกาสออกเสมอมีสูงมาก หากมีผลแพ้ชนะ ทีมที่ชนะก็น่าจะได้ 3 แต้มนี้เป็นการต่อยอดเรียกความมั่นใจสำหรับการต่อสู้หนีการตกชั้นต่อไป

ใกล้เทศกาลปีใหม่เข้ามาทุกขณะ ขอใช้โอกาสนี้ในการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ทุกๆท่าน ขอให้คุณผู้อ่านผู้มีอุปการะคุณกับ ฮอตสกอร์ ด้วยดีเสมอมามีสุขภาพที่ดีตลอดไป และสมหวังในสิ่งที่ปรารถนากันถ้วนหน้าครับ

เรื่องโดย "มาร์ค สุรเดช"

คอลัมน์ พรีเมียร์ลีก พรีวิว นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์