เสียงคำราม หรือ เสียงครางกันแน่ สิงโตเอ๋ย

EURO 2012 GROUP G
Continue reading the main story

                     P   W   D    L    Pts
England          8    5    3    0    18
Montenegro    7    3    3    1    12
Switzerland     7    2    2    3    8
Wales             7    2    0    5    6
Bulgaria           7    1    2    4    5

พาดหัวเรื่องแบบนี้ คงพอจะเดากันออกใช่ไหมครับว่าผู้เขียนกำลังจะสาธยายถึงเรื่องใด แน่นอนที่สุดว่าเป็นเรื่องของทีมชาติอังกฤษ กับ ทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2012 อย่างแน่นอน

ทั้งนี้อย่างที่ทราบกันแล้วว่าทีม “สิงโตคำราม” อังกฤษ ของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ สามารถคว้าตั๋วผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายที่ประเทศ โปแลนด์ และ ยูเครน เป็นเจ้าภาพร่วมกันในปีหน้าได้อย่างแน่นอนแล้วนั้น มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยว่า อังกฤษ ชุดนี้ของกุนซือเลือด อิตาเลียน ยังไม่ดีเพียงพอสำหรับการคิดจะคว้าแชมป์ในปี 2012

ย้อนกลับไปก่อนหน้าเกมที่ทัพ “ทรีไลออนส์” จะต้องยกทัพไปที่ ป๊อดโกริก้า ในประเทศ มอนเตเนโกร เพื่อทำศึก ยูโร 2012 รอบคัดเลือก โดยมีข้อแม้ว่าหากพวกเขาเก็บเพิ่มได้อีกหนึ่งคะแนน ก็จะเพียงพอต่อการผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายในฐานะทีมแชมป์ของกลุ่มได้ก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมชาติอังกฤษแล้ว ความคาดหวังของแฟนบอลที่มีต่อพวกเขา ไม่ได้น้อยหรือแตกต่างไปจากที่ทีมชาติซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์โลก 5 สมัย อย่าง บราซิล ต้องแบกไว้บนบ่าทุกคราที่ลงแข่งขัน

อังกฤษ ในเกมเยือน มอนเตเนโกร ยังมี เวย์น รูนี่ย์ ลงสนามในฐานะหัวหอกตัวสำคัญ แม้ว่าในช่วงกลางสัปดาห์จะมีข่าวคุณพ่อของเขาถูกจับกุมตัวในข้อหามีส่วนพัวพันการจ้างล็อกผลการแข่งขันเกมฟุตบอลลีกของ สกอตแลนด์ ในฤดูกาลก่อนคู่ระหว่าง มาเธอร์เวลล์ กับ ฮาร์ทส์

ขณะที่เกมดำเนินไปได้เพียง 11 นาทีเท่านั้น อังกฤษ ก็ได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจากลูกโหม่งของ แอชลี่ย์ ยัง จากการเปิดให้ของ ธีโอ วัลค็อตต์ และผ่านไปอีกเพียง 20 นาที กองเชียร์ อังกฤษ ที่ลุยฝนกันตามเข้ามาให้กำลังใจในเกมนี้ก็ได้ฉลองประตูกันอีกครั้ง

โดยหนนี้จาก ดาร์เรน เบนท์ ซึ่งประตูนี้ต้องชม เวย์น รูนี่ย์ และ แอชลี่ย์ ยัง อีกครั้งที่ช่วยกันป้อนให้ เบนท์ ทำให้อังกฤษ นำสบายไร้ความกดดันและน่าจะมองไปถึง 3 คะแนนกันตั้งแต่ยังไม่จบครึ่งแรกเลยด้วยซ้ำ

ทว่าในช่วงก่อนจะจบครึ่งแรกนั่นเอง อังกฤษ ก็ต้องมาเสียประตูไปแบบไม่คาดฝัน เมื่อบอลจาก ซเวโรติช ไปแฉลบ แกรี่ เคฮิลล์ เปลี่ยนทางเข้าประตูไปโดยที่ โจ ฮาร์ท หมดสิทธิ์จะป้องกัน ทำให้ มอนเตเนโกร ตีไข่แตก และ มีความหวังจะแบ่งแต้มได้

ครึ่งหลังกลับมาเล่นกันต่อ และ คาเปลโล่ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเมื่อผ่านหนึ่งชั่วโมงของเกมนี้ โดยเอา แอชลี่ย์ ยัง ที่มีอาการบาดเจ็บออกมาพักพร้อมกับส่ง สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ลงไปแทน ก่อนที่อีก 4 นาทีต่อมาจะถอด ดาร์เรน เบนท์ คนทำประตูที่สองของทีมในเกมนี้ออก และส่ง แฟรงค์ แลมพาร์ด ลงไปคุมแดนกลาง

อังกฤษ ต้องเหลือผู้เล่นแค่ 10 คนก่อนหมดเวลา 17 นาที เมื่อผู้ตัดสิน โวล์ฟกัง สตาร์ค จากเยอรมัน ตัดสินใจไล่ เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าตัวสำคัญของทีม “สิงโตคำราม” ออกไป หลังมองว่าไปทำฟาวล์รุนแรงใส่ ซูโดวิช ของทางเจ้าถิ่นและนั่นทำให้ขวัญกำลังใจของ มอนเตเนโกร เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งพวกเขามาได้ประตูตีเสมอเอาในนาทีสุดท้ายของเกมพอดี

ซูโดวิช เหยื่อของ รูนี่ย์ หลุดเข้าไปเปิดบอลให้ อันเดรียย่า เดลิบาซิช โหม่งบอลลอยเข้าเสาไกลตีเสมอได้อย่างจวนเจียน และที่สำคัญกว่าการที่ไม่แพ้ และ มีแต้มติดตมือในเกมนี้สำหรับ มอนเตเนโกร คือ พวกเขามีสปิริตนักสู้เต็มเปี่ยมไม่ยอมแพ้ง่ายๆจนสามารถไล่ตีเสมอ อังกฤษ ได้อย่างน่าชื่นชม ขณะเดียวกันก็การันตีว่าชาติที่แตกตัวมาจาก เซอร์เบีย ไม่กี่ปีก่อนนี้ และมี เดยัน ซาวิเซวิช เป็นฮีโร่ของคนรักลูกหนังในประเทศ จะได้เข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ รอบสุดท้ายอย่างแน่นอน

หลังเกม ฟาบิโอ คาเปลโล่ ได้ให้สัมภาษณ์ว่ามันไม่ใช่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขาที่เรียก เวย์น รูนี่ย์ มาเล่นให้กับทีมชาติในช่วงเวลาที่ดาวยิงร่างอวบกำลังมีปัญหาทางด้านจิตใจรุมเร้าอยู่พอดี ซึ่งในเกมที่ทำได้แค่เสมอกับ มอนเตเนโกร 2-2 นั้น รูนี่ย์ คุมอารมณ์ไม่อยู่ไปไล่หวดนักเตะเจ้าถิ่นจนถูกผู้ตัดสินชาวเยอรมัน โวล์ฟกัง สตาร์ค ชูใบแดงให้ก่อนจะหมดเวลาเพียง 17 นาทีเท่านั้น

คาเปลโล่ กล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องที่ผมตัดสินใจผิดที่เรียกเขามาติดทีมชุดนี้ แต่ รูนี่ย์ ไม่น่าจะทำสิ่งแบบนั้น เขาเลยถูกผู้ตัดสินไล่ออก ผมคิดว่าเขาคงจะโดนแบน 1 เกมในรอบสุดท้าย จริงๆแล้วก่อนหน้าเกม ผม กับ รูนี่ย์ ได้มีโอกาสคุยกัน เขายังดูผ่อนคลาย และ ไม่ได้รู้สึกเครียดอย่างที่คาดกัน และต่อมาเขาก็ถูกส่งลงสนามไป แต่กลับไปทำสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น”

“เขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของเรา เป็นผู้เล่นที่มากด้วยประสบการณ์ และ เล่นได้ดีมาตลอด แต่บางครั้งผู้เล่นเก่งๆเช่นนี้ ก็สามารถจะก่อเรื่องผิดพลาดได้เช่นกัน ทุกคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้นได้”

“ผู้เล่นทุกๆคนล้วนสำคัญต่อทีม และเราจะมานั่งหาวิธีแก้ปัญหาสำหรับการลงสนามโดยปราศจาก รูนี่ย์ ซึ่งนั่นจะเป็นสิ่งที่เราจะทำอย่างแน่นอนในเกมอุ่นเครื่องต่อๆไปของทีม”

ในส่วนของ เกรแฮม เทย์เลอร์ หรือ “มิสเตอร์หัวผักกาด” อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษชุดยูโร 92 รอบสุดท้าย ได้แสดงความเห็นถึงกรณีใบแดงของ รูนี่ย์ เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า

“ผมจะไม่แปลกใจเลย หากใบแดงของ รูนี่ย์ อาจจะทำให้เขาโดนแบนมากกว่าแค่เกมเดียว เพราะจังหวะนั้นมันเห็นได้ชัดว่า รูนี่ย์ เจตนาจะเตะผู้เล่นคู่แข่งจริงๆ”

“มันขึ้นอยู่กับว่าคณะกรรมการด้านวินัยของ ยูฟ่า จะวินิจฉัยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร แต่ผมเชื่อว่ามากที่สุดแล้ว รูนี่ย์ จะโดนแบนประมาณ 2 เกม”

“จากสิ่งที่เราแสดงออกมาในครึ่งแรก มันชี้ว่าเราน่าจะคว้า 3 คะแนนในเกมนี้ไว้แล้ว แต่ครึ่งหลังเกมกลับเป็นคนละเรื่องกันเลย เราแทบจะหายไปจากเกมอย่างสิ้นเชิง”

“เกมของ อังกฤษ ลดความดุดันลงอย่างเห็นได้ชัด จากที่ครอบครองบอลได้ทั้งหมด นำ 2-0 แล้วก็ค่อยๆโดนตีเสมอก่อนจบครึ่งแรก ก่อนจะถูกตีเสมอแบ่งแต้มในช่วงทดเจ็บก่อนหมดเวลา”

“เกมครึ่งหลังของเรา อาจจะเป็นผลงานที่แย่ที่สุดสำหรับ อังกฤษ ที่ผมเคยเห็นมาเลยทีเดียว”

“แอชลี่ย์ ยัง ยอดเยี่ยมมากทั้งยิงได้ และ จ่ายให้เพื่อนทำประตูอีก ส่วน ฟิล โจนส์ กับการประเดิมให้กับทีมชุดใหญ่หนแรกนั้นก็เช่นกัน เขาทำได้ดีมากๆ ทั้งที่เพิ่งอายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ดีด้วยการที่มีความเร็วไม่มากนัก ทำให้ผมคิดว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาน่าจะเป็นเซ็นเตอร์มากกว่า”

“อีกสิ่งที่ผมประทับใจมากไม่แพ้กันคือการให้ความเคารพกับเพลงชาติของเรา จากแฟนบอลชาว มอนเตเนโกร ทั้งๆที่ประเทศนี้มีประชากรเพียงแค่ 650,000 คนเท่านั้น มอนเตเนโกร ได้ผลเสมอที่ดี ขณะที่ อังกฤษ เหมือนกับโยนชัยชนะทิ้งไปเอง” 

คาเปลโล่ ยังมีโอกาสที่จะได้ทดลองทีมกับเกมอุ่นเครื่องที่น่าสนใจมากๆในปฏิทินแข่งเกมต่อไปของ อังกฤษ เมื่อ ทีมของเขาจะมีโปรแกรมลับแข้งอุ่นเครื่องกับทีม “กระทิงดุ” สเปน ซึ่งเชื่อว่า คาเปลโล่ คงจะเห็นจุดที่เขาจะต้องปรับปรุงอีกไม่น้อยเป็นแน่กับการได้ดวลกับทีมอันดับหนึ่งของโลกในเดือนหน้านี้

เรื่องโดย "มาร์ค สุรเดช"

คอลัมน์ review premier นสพ.กีฬาฮอตสกอร์