Premier League Preview โดย..มาร์ค สุรเดช

Premier League Preview โดย..มาร์ค สุรเดช

Premier League Preview โดย..มาร์ค สุรเดช
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกที่แฟนบอลชาวไทยติดตาม และ ให้ความสนใจอันดับหนึ่งมาหลายสิบปี ยังคงเดินหน้าเตะกัน 10 คู่เหมือนเดิม เพียงแต่จะแบ่งย่อยเป็นเกมวันเสาร์ 8 คู่, อาทิตย์ 1 คู่ และ ปิดท้ายด้วยเกมวันจันทร์ หรือ มันเดย์ไนท์ อีก 1 คู่

แม้จะไม่ได้มีเกมบิ๊กแมตช์เช่นสัปดาห์ก่อน ทว่าจากโปรแกรมในสัปดาห์นี้หลายๆคู่ถือว่ามีลุ้นทีเดียวสำหรับผลการแข่งขันที่อาจจะพลิกล็อค ทั้งนี้ในช่วงกลางสัปดาห์ ทีมจากพรีเมียร์ลีก หลายทีมมีโปรแกรมลงเล่นในฟุตบอลถ้วย คาร์ลิ่ง คัพ รอบที่ 3 ซึ่งเล่นกัน 2 วัน คือ อังคาร และ พุธ

ความหนักความเหน็ดเหนื่อยนั้นถือว่าเฉลี่ยพอๆกัน  ตำแหน่งจ่าฝูงหลังจากผ่านไป 5 สัปดาห์ ยังเป็นของทีมแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำผลงานได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

แต่สัปดาห์นี้ ยูไนเต็ด ก็โดนโปรแกรมที่ไม่ง่ายเลยเมื่อต้องไปเจอกับทีมที่บุกไปยันเสมอ เชลซี ได้ตั้งแต่เกมนัดเปิดฤดูกาล รวมถึง ยังเป็นทีมแรกที่มอบความปราชัยในลีกฤดูกาลนี้ให้กับทีมอย่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล อีกด้วย โดยทีมดังกล่าวก็คือ สโต๊ค ซึ่งเกมนี้จะหวดแข้งกันที่ บริทานเนีย สเตเดี้ยม ถิ่นของทีม "ช่างปั้นหม้อ"

ด้านทีมคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะได้เล่นในบ้าน อิติฮัด สเตเดี้ยม ก็จริง แต่โปรแกรมนี่ต้องบอกว่ามันไม่หมู สู้ตายคลับ เพราะทีมมาเยือนอย่าง เอฟเวอร์ตัน ก็เริ่มกำลังดีวันดีคืนขึ้นมา

พูดถึงเกมระหว่าง ซิตี้ กับ เอฟเวอร์ตัน กันก่อนนะครับ เพราะคู่นี้จะเตะกันเป็นคู่เปิดหัวของวันเสาร์ ตรงกับบ้านเราประมาณ 18.45 น. โดยผลงานล่าสุดของทั้งสองทีมในลีกนั้นปรากฏว่าทีมของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ทำได้เพียงแค่บุกไปเก็บหนึ่งแต้มที่รัง คราเว่น ค็อตเทจ โดยน่าเสียดายไม่น้อยที่พวกเขาพลาดโอกาสในการทำแต้มไล่บี้กับ ยูไนเต็ด เพราะในเกมดังกล่าว พวกเขาเป็นฝ่ายออกนำไปก่อน 2-0 ด้วยซ้ำ

ทว่าสุดท้ายกลับโดนบดจนมาพลาดถูกตีเสมอ 2-2 แบ่งแต้มอย่างน่าเจ็บแสบ  กลางสัปดาห์ ซิตี้ มีโปรแกรมลงเล่นในฟุตบอลถ้วยใบเล็ก คาร์ลิ่ง คัพ เช่นกัน โดยพวกเขามีโปรแกรมเล่นในบ้านของตัวเองพบกับแชมป์เก่าของรายการนี้อย่าง เบอร์มิงแฮม ซิตี้

ซึ่งนอกจากจะเก็บชัยชนะได้แบบไม่ยากเย็น 2-0 แล้ว ในเกมนี้ โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ มิดฟิลด์ดีกรีทีมชาติอังกฤษ ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และ อาการบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เกือบจะทำให้เขาตัดสินใจหันหลัง หรือ แขวนสตั๊ด อย่างเด็ดขาด โดยเกมนี้ ฮาร์กรีฟส์ เล่นโดยปราศจากอาการบาดเจ็บ และ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมตลอด 

ประตูแรกของเกมนี้ เป็น ฮาร์กรีฟส์ ที่ ซิตี้ ได้ตัวมาแบบไม่ต้องจ่ายค่าตัวแม้แต่แดงเดียว ปั่นจากระยะ 22 หลาให้ทีมมหาเศรษฐีขึ้นนำไปก่อนในนาทีที่ 17 ก่อนที่ “ซูเปอร์มาริโอ” มาริโอ บาโลเตลลี่ จะมาบวกปิดประตูปิดกล่องในนาทีที่ 38 เมื่อโฉบเข้าทำจากจังหวะเปิดป้อนของ พาโบล ซาบาเลต้า ชัยชนะทำให้ ซิตี้ ลอยลำผ่านเข้ารอบ 4 ไปได้สำเร็จ และรอผลการประกบคู่ต่อไปว่าจะเจอใครในด่านต่อไป 

ด้านทีม “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ที่อันดับในลีกตอนนี้สูงกว่าเพื่อนบ้านอย่าง ลิเวอร์พูล เสียอีก ก็ตบเท้าเข้ารอบ 4 แบบไม่น้อยหน้า เพียงแต่พวกเขาต้องเล่นถึงช่วงต่อเวลาพิเศษก่อนที่จะเฉือนเอาชนะ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ผู้มาเยือนลงได้ด้วยสกอร์ 2-1

ส่วนผลงานในลีกเกมล่าสุดนั้น ลูกทีมของ เดวิด มอยส์ ก็เพิ่งจะอัด วีแกน คา กูดิสัน ปาร์ค มาด้วยสกอร์ 3-1   แม้จะมีปัญหาสภาพความคล่องตัวทางด้านการเงิน ทว่า เดวิด มอยส์ แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าทำไมเขาถึงอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน มานานร่วม 1 ทศวรรษโดยปราศาจากตำแหน่งแชมป์ใดๆ แต่กลับเป็นที่รัก และได้รับการยอมรับทั้งจากบอร์ดบริหาร, แฟนบอล หรือคู่แข่ง

ปีนี้แม้จะเสียดาราสำคัญอย่าง ยาคูบู, อาร์เตต้า 2 ตัวหลักออกไป แต่ด้วยมันสมองของกุนซือหนุ่มจากสกอตแลนด์ ก็ทำให้ เอฟเวอร์ตัน เป็นทีมที่ยากต่อการเอาชนะ 

ความน่าจะเป็นของเกม:

แมนฯ ซิตี้ ตามหลัง ยูไนเต็ด 2 แต้ม พวกเขาต้องการจะให้ช่องว่างนี้ถูกหดกลับเข้ามาให้เร็วที่สุด และ ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องพยายามเก็บชัยชนะในสุดสัปดาห์นี้ให้ได้ ก่อนจะไปลุ้นให้ ยูไนเต็ด ที่แข่งเป็นคู่สุดท้ายของวันเสาร์ไปสะดุดขาตัวเองในเกมที่ต้องไปเยือนรังของ สโต๊ค ซิตี้ 

อย่างไรก็ดี เอฟเวอร์ตัน ก็มีดีที่ความแข็งแกร่ง, การเล่นเกมรับที่เหนียวแน่น แต่ดูจากแนวโน้ม และ ความน่าจะเป็นแล้ว โอกาสเป็นผู้ชนะในเกมนี้ของ ซิตี้ น่าจะมีสูงกว่า 

สถิติที่น่าสนใจก่อนเกม:

โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ ผ่านบอลในเกมคาร์ลิ่ง คัพ กับ เบอร์มิงแฮม ถึง 54 ครั้งในเกมดังกล่าว ซึ่งมากกว่าตลอดเวลา 3 ฤดูกาลหลังสุดของเขาที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถึง 8 หน

ประตูชัยของ ฟิล เนวิลล์ ในเกมคาร์ลิ่ง คัพ กับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ถือเป็นการทำประตูในรายการนี้ได้เป็นหนแรก จากการลงเล่น 29 เกมแบ่งเป็น 17 เกมที่เล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และอีก 12 เกมที่เคยลงเล่นให้กับ เอฟเวอร์ตัน
 
ผลการแข่งขันที่คาด:


แมนฯ ซิตี้ ชนะ เอฟเวอร์ตัน 2-0

จากเกมที่ อิติฮัด สเตเดี้ยม เรากลับมาที่ บริทานเนีย สเตเดี้ยม อีกครั้ง สโต๊ค กำลังทำผลงานได้ดีอยู่ในเวลานี้ โดยเก็บไปแล้ว 8 จากทั้งหมด 15 คะแนนเต็ม แม้ว่าเกมล่าสุดในลีกผลงานจะออกทะเลไปนิดหน่อยจากการบุกไปโดนทีม “แมวดำ” ซันเดอร์แลนด์ อัดมาแบบสกอร์เละเทะ 4-0 ก็ตาม

ขณะที่ในช่วงกลางสัปดาห์ ทีมของ โทนี่ พูลิส ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ของศึกคาร์ลิ่ง คัพ ได้อย่างน่าชื่นชม เมื่อเฉือนเอาชนะทีมแกร่งร่วมลีกอย่าง “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ลงได้ 7-6 จากการชนะการดวลจุดโทษหลังเสมอกัน 0-0 ใน 120 นาทีเต็ม โดย โธมัส โซเรนเซ่น เป็นฮีโร่เซฟจุดโทษของ ลูออนโก้ ที่ยิงไม่เข้า

โดยนับตั้งแต่ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ในพรีเมียร์ลีก 3 ฤดูกาลก่อน พูลิส แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีมาตรฐาน และ สไตล์การเล่นฟุตบอลในแบบฉบับของตัวเอง แม้ระยะหลังๆลูกทุ่มไกลของ รอรี่ ดีแล็ป อาจจะใช้ได้ผลน้อยลง แต่ยังไม่ได้หมดประสิทธิภาพในการสร้างความกดดันให้กับคู่ต่อสู้ไปเสียทีเดียว

ซีซั่นนี้ต้องยอมรับว่าผู้บริหารทีม “ช่างปั้นหม้อ” เอาจริง โดยเทงบให้ พูลิส ลงไปช็อปปิ้งในตลาดซื้อขาย และ เขาก็ได้ตัวนักเตะประสบการณ์สูงในพรีเมียร์ลีกมาสู่ทีมได้สำเร็จ 

ด้านทีม “ปีศาจแดง” นั้น ผลงานในลีกถือว่าเกินคำบรรยาย เพราะเป็นทีมเดียวในเวลานี้ที่สะกดคำว่า เสมอ หรือ แพ้ ไม่เป็น แถมยิงประตูได้อย่างกระจุยกระจาย โดยเฉพาะฟอร์มของหัวหอกทีมชาติอังกฤษอย่าง เวย์น รูนี่ย์ ที่ยิงแล้วยิงอีก และ เล่นได้ดีไม่ว่าจะกับต้นสังกัด หรือ ยามที่ไปเล่นให้กับชาติบ้านเกิด

มองว่าหากไม่เกิดอาการบาดเจ็บขึ้นมาไปเสียก่อน รูนี่ย์ จะเป็นกำลังสำคัญสุดๆของ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้อย่างแน่นอน  โดยสุดสัปดาห์ก่อน พวกเขาเพิ่งจะกำราบ เชลซี แบบราบคาบคา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 3-1 ก่อนจะตามด้วยการบุกไปยัดเยียดความพ่ายแพ้แบบแสบสันต์ให้กับคู่ปรับเก่าแก่ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในถ้วย คาร์ลิ่ง คัพ อีก 3-0

ทั้งๆที่ในเกมกับทีม “ยูงทอง” นั้น เซอร์ อเล็กซ์ จะปรับเปลี่ยนทีมถึง 11 ตำแหน่งก็ตาม แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อฟอร์มของพวกเขาแต่อย่างใด 

ความน่าจะเป็นของเกม:


สโต๊ค มักจะแพ้ทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนกัน ประเภทเล่นดีแต่สุดท้ายมาโดนยิงเฉือนชนะ โดยเฉพาะกับการที่เล่นในบ้าน มักจะทำให้พวกเขาไม่ค่อยตั้งรับลึกเหมือนเวลาออกนอกบ้าน

ตรงจุดนี้อาจจะไปเข้าทางทางด้านแชมป์เก่าที่แนวรุกตอนนี้คมกริบ แถมข่าวล่าสุดเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของ ชิชาริโต้ นั้นไม่ได้หนัก หรือ น่ากลัวอย่างที่เห็นกันในตอนแรก โดยคาดกันว่าภายในเวลา 2 สัปดาห์ เราคงจะได้เห็นหัวหอกร่างเล็กจากเม็กซิโกผู้นี้กลับมาล่าตาข่ายอีกครั้งได้อย่างแน่นอน 

สโต๊ค ล้ามาจากการบดกับ สเปอร์ส ถึง 120 นาที เจอกับของแข็งอย่าง ยูไนเต็ด โอกาสรอดยาก  

สถิติน่าสนใจก่อนเกม:

ไมเคิ่ล โอเว่น เพิ่งจะทำ 2 ประตูใน คาร์ลิ่ง คัพ ทำให้ยอดรวมประตูของเขาในรายการนี้อยู่ที่ 18 ประตูจากการลงเล่น 19 เกม ให้กับ ลิเวอร์พูล, นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ผลการแข่งขันที่คาด:

สโต๊ค ซิตี้ แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook