ได้เวลา "จิ้งจอก" ยุคใหม่

ได้เวลา "จิ้งจอก" ยุคใหม่

ได้เวลา "จิ้งจอก" ยุคใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังผ่านข่าวคราวสุดช็อกวงการมาพร้อมกับการปิดตำนานเทพนิยาย "จิ้งจอกสยาม" อย่างสมบูรณ์ คืนวันนี้คือวันแรกครับที่ เลสเตอร์ ซิตี้ จะได้เข้าสู่ยุคใหม่อย่างเป็นทางการ

การเด้งออกของ รานิเอรี่ ในครั้งนี้แม้จะเป็นเรื่องชวนช็อกแต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมาย วีรกรรมคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรคือสิ่งที่ทุกคนจะไม่ลืมเลือน

แต่ชีวิตล้วนต้องเดินต่อ เพราะ ฟุตบอลไม่ใช่มวยปล้ำที่จะกำหนดบทบาทให้เทพไปเรื่อยๆ.. เมื่อปัจจุบันมันไม่ใช่ก็ต้องถึงคราวที่เรา "ต้องจากลา"

ได้แต่เห็นกระแสที่ออกมาต่อต้าน คิง พาวเวอร์ ล้นหลามก็ล้วนทำให้ผมประหลาดใจ ผมไม่ได้อินหรือเอนเอียงไปกับความเป็นไทยด้วยกันแต่ส่วนตัวผมเข้าใจดีกับการตัดสินใจดังกล่าว

ก็เหมือนที่ อัยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา บอกครับว่านี่คือการตัดสินใจที่ยากที่สุดตั้งแต่เทคโอเวอร์สโมสรเป็นต้นมาแต่เมื่อถึงคราวจำเป็น "มันก็ต้องทำ"

leieiei33
"นี่เป็นการตัดสินใจยากที่สุดในรอบ 7 ปีที่คิง พาวเวอร์ เป็นเจ้าของ เลสเตอร์ แต่เรามีหน้าที่ที่ต้องตัดสินใจโดยเอาผลประโยชน์ระยะยาวของทีมเป็นหลักมากกว่าความรู้สึกส่วนตัว"

หากใครได้ดู เลสเตอร์ เล่นในซีซั่นนี้รอยรั่วของทีมมันมีมากกว่าแค่การขาด เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เรียกได้ว่าทุกส่วนปวกเปียกไปหมดทั้งเกมรุกและรับที่พร้อมใจกันออกทะเลไปไกล

เจมี่ วาร์ดี้ กับสภาวะปืนฝืดที่ไม่รู้ตกลงของจริงหรือเก๊, ริยาด มาห์เรซ กับสถานภาพปัจจุบันที่จิตใจดูจะล่องลอยไปยังบิ๊กทีม, การกลับคืนร่างมารที่นำพามาสู่หายนะของทีมหลายครั้ง(รวมถึงเกมล่าสุด)ของ เวส มอร์แกน
เหล่านี้ล้วนควร "รับผิดชอบ" ต่อผลงาน

มันอาจไม่ใช่ความผิดของ รานิเอรี่ ทั้งหมดและควรเป็นนักเตะมากกว่าที่สมควรโดนเบิร์ดกะโหลกแต่ในเมื่อสุดท้ายแล้ว "ทิงเกอร์แมน" ไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่อนักเตะตามที่มีข่าววงในออกมาว่าหมดความไว้เนื้อเชื่อใจ และ นำพาสถานการณ์ทีมเข้าขั้นวิกฤติห่างโซนตกชั้นแค่แต้มเดียว

เมื่อนั้นบอร์ดบริหารก็ไร้ทางเลือกนอกจาก "เพลย์เซฟ" และ "เปลี่ยนแปลง" ดีกว่ารอวันตายที่ดูทรงแล้วหายนะเกิดแน่นอนหากยังคงชักช้า

กับคืนวันนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่พวกเขาไร้ รานิเอรี่ อยู่บนสังเวียน นี่คือศึกสำคัญครับที่ "จิ้งจอกสยาม" จะพลาดไม่ได้อีกแล้วเพราะชัยชนะของ คริสตัล พาเลซ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาทำให้พวกเขาหล่นไปอยู่โซนท้ายตาราง

leieiei22
ว่ากันตามตรงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับกับการเปิดบ้านรับมือ ลิเวอร์พูล ถึง "หงส์แดง" จะเป๋ไปพักใหญ่ตั้งแต่เข้าสู่ปีใหม่เป็นต้นมาแต่หลังจากเกมที่แล้วที่ ซาดิโอ มาเน่ กลับมายิงเปิดซิงชัยชนะให้กับทีมดังจากเมอร์ซี่ย์ไซด๊อีกครั้ง...

เครื่องจักร "เร้ด แมชีน" ก็แลดูสดชื่นและเริ่มกลับมาทำงาน

สำคัญ คือ ลิเวอร์พูล นั้นได้เปรียบไปเต็มๆ เพราะ สัปดาห์ที่แล้วเป็น เอฟเอ คัพ จากการที่ตกรอบไปแล้วทำให้ "หงส์แดง" ไม่ต้องเล่นให้เมื่อยตุ้มและได้พักเต็มๆ 2 สัปดาห์

ช่างแตกต่างกับ เลสเตอร์ ที่โปรแกรมชุกยิ่งกว่าดาราเดินสาย หลังลงหวด เอฟเอ คัพ มาพร้อมตกรอบทีม "เดอะ ฟ็อกซ์" ก็เจองานช้างอย่าง ชปล. ต่ออีกเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว...

แม้จะได้ลงเล่นเกมนี้ในวันจันทร์แต่วัดสภาพความฟิตกับ ลิเวอร์พูล แล้ว...ทุกอย่างมันแทบ "คนละเรื่อง"

leieiei44
น่าห่วงที่สุดก็คือตัวของพวกเขาเองนั่นแหละที่ก่อปัญหา ในตอนนี้ทรงบอลการเล่นแทบไม่มี, นักเตะมีข่าวฉาวว่าก่อคลื่นใต้น้ำยังไม่รวมถึงทีมสต๊าฟฟ์ที่ขัดแย้งกันเอง

เรียกได้ว่าเจอทั้งศึกใน-ศึกนอกรอบด้านจริงๆ

อย่างไรก็ตามเกมคืนวันนี้มันก็ไม่แน่ครับที่ เลสเตอร์ จะกู้วิกฤติคืนกลับมาได้ เพราะ ขึ้นชื่อว่าบอลเปลี่ยนโค้ชย่อม "ไว้ใจไม่ได้" เสมอ

ถึงจะยังไร้โค้ชแต่บางทีการไร้ รานิเอรี่ อาจทำให้นักเตะบางคนที่มีข่าวว่าพักหลังเริ่มไม่ลงรอยเทรนเนอร์ชาวอิตาเลี่ยนมีแรงจูงใจและฮึดพิสูจน์ข้อครหาตนเองได้

โค้ชโดนเด้ง, ไร้กุนซือบงการข้างสนาม สถานการณ์ลงไปอยู่โซนตกชั้นแถมเปิดรังดวล ลิเวอร์พูล อีก...

"จิ้งจอก" ตัวนี้จะเอาตัวรอดได้หรือไม่ !? ฟ้าหลังฝนของพวกเขาจะสดใสหรือเปล่า!?

คืนวันนี้เรามาร่วมรับชมเป็น "สักขีพยาน" ไปพร้อมๆกัน!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook