นอร์ธลอนดอน 3 - แมนเชสเตอร์ 13 / โดย : เบบี้ แบร์

นอร์ธลอนดอน 3 - แมนเชสเตอร์ 13 / โดย : เบบี้ แบร์

นอร์ธลอนดอน 3 - แมนเชสเตอร์ 13 / โดย : เบบี้ แบร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าเหลือบมองดูตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกหลังเกมผ่านไป 3 นัดแรก 4 ทีมอันดับหัวแถวไม่ได้มีอะไรให้แปลกใจ เพราะเป็นทีมจาก “บิ๊กโฟร์” ซะสาม

 อีกหนึ่งก็เป็นทีมในกลุ่ม “ท็อปซิกซ์” ซึ่งมีอีก 2 ทีมที่ถูกยกให้มีลุ้นแชมป์กับเขาด้วยในช่วงหลังๆ เข้ามาแจมเพิ่ม

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้บดบี้กันในตำแหน่งจ่าฝูง ส่วนลิเวอร์พูลและเชลซีก็เร่งเครื่องตามมาเรื่อยๆ แบบไม่ยอมให้โดนทิ้งห่าง

ที่เซอร์ไพรส์กลับไปอยู่ที่ 4 ทีมจากท้ายตาราง เพราะนั่นคือตำแหน่งที่อาร์เซนอลและสเปอร์สหล่นแหมะไปกองอยู่แบบนึกไม่ถึง เพราะปืนใหญ่เพิ่งมีแค่แต้มเดียวจาก 3 นัดแรก ส่วนไก่เดือยทองยังโบ๋อยู่หลังลงเตะไป 2 นัด

ยิ่งกว่านั้นอาร์เซนอลกลายเป็นทีมที่เสียประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีกตอนนี้ไปแล้ว รองลงไปก็ไม่ใช่ใครที่ไหนคือสเปอร์สนั่นแหละ ทำให้ตอนนี้สองทีมดังแห่งนอร์ธลอนดอนอยู่ในอันดับ 17 และ 20 ซะอย่างนั้น

ผลพวงของอันดับในตารางคะแนนขณะนี้ก็มาจากเกมที่ไก่กับปืนต้องเจอกับสองทีมดังแห่งแมนเชสเตอร์นั่นเอง เพราะสกอร์ที่ออกมาคือ นอร์ธลอนดอน 3 – แมนเชสเตอร์ 13 ทำให้ทั้งสองฝ่ายมุ่งหน้าไปคนละทิศละทางของตาราง

แมนฯ ซิตี้ และ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นเพียงสองทีมที่ยังรักษาสถิติชนะรวดร้อยเปอร์เซ็นต์เอาไว้ได้หลังผ่านไป 3 นัด

 โดยเกมล่าสุดเรือใบสีฟ้าบุกไปถอนขนไก่จนโกร๋นคาไวท์ฮาร์ทเลน 5-1 ส่วนผีแดงก็ยิงสลุตปืนโตที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดไป 8-2

ฤดูกาลนี้แมนฯ ซิตี้พิสูจน์ตัวให้หลายคนยอมรับแล้วว่าพวกเขาคือทีมที่มีลุ้นแชมป์ได้อย่างเต็มตัวแน่นอน ไม่ใช่แค่ทีมเศรษฐีที่มีเงินซื้อนักเตะดังๆ มาเล่นดีแบบวูบวาบๆ และยืนระยะไมได้เหมือนที่ผ่านๆมา

เพราะผลงานของเรือใบกระเตื้องขึ้นมาเรื่อยๆ ในปีหลัง และปีนี้พวกเขาจะเป็นเสี้ยนหนามที่สำคัญสำหรับคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนฯ ยูไนเต็ดอย่างแน่นอน

หลังจากคาร์ลอส เตเบซ ดาวยิงประจำทีม ออกลูกงอแงมาตลอดตั้งแต่ปลายฤดูกาลก่อน เพราะต้องการย้ายทีม แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ได้ไปไหน ซ้ำร้ายจะหลุดไปเป็นตัวสำรองแบบให้ลำพองไม่ออกด้วยซ้ำ

เพราะโรแบร์โต้ มันชินี่ได้งบก้อนโตทุ่มซื้อตัวเซร์คิโอ “กุน” อาเกโร่มาเสริมความคมแล้ว และก็ทำผลงานได้ดีซะด้วย

อีกหนึ่งจุดที่ทำให้แมนฯ ซิตี้ดูดีขึ้นมาก็คงเป็นฟอร์มของเอดิน เซโก้ อีกหนึ่งหัวหอกค่าตัวแพงที่ถูกซื้อมาเสริมทีมในครึ่งหลังของซีซั่นก่อน และทำท่าว่าจะเป็นการซื้อตัวที่แป้ก แต่มาฤดูกาลนี้กลับระเบิดฟอร์มออกมาได้ เมื่อได้รับโอกาสให้ลงสนามไปเป็นหัวหอกตัวเป้าแทนทั้งเตเบซและมาริโอ บาโลเตลลี่ที่มัวแต่เกรียนอยู่จนหายหน้าหายตาไป

แมนฯ ซิตี้ยังฉกซาเมียร์ นาสรี่ไปจากอกอาร์เซนอลเป็นรายล่าสุดด้วย และเขาก็ประเดิมสนามนัดแรกได้สวยงามด้วยการจ่ายไปหลายแอสซิทในเกมบุกขยี้สเปอร์ส โดยนัดนี้เซโก้ก็กดไป 4 เม็ด ส่วนอีกเม็ดเป็นผลงานของกุน

สเปอร์สที่ถูกเลื่อนเกมนัดเปิดฤดูกาลกับเอฟเวอร์ตันไปเพราะปัญหาความวุ่นวายในเขตท็อตแนมเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ต้องประเดิมนัดแรกแบบเจอของแข็งโป๊ก

เมื่อต้องไปเยือนรังผีแดง และก็แพ้กลับมา 3-0 แบบที่ฟอร์มไม่ถึงกับขี้เหร่นัก แต่แชมป์เก่าเร่งเครื่องและยิงได้เข้าเป้าในครึ่งหลัง

เกมล่าสุดนี้ไก่เดือยทองหมายมั่นปั้นมือจะกลับมาแก้มือในบ้านกับอีกหนึ่งทีมจากแมนเชสเตอร์ แต่กลับซวยซ้ำซวยซ้อน เพราะคราวนี้โดนถลุงไปแบบอับอายขายขี้หน้าในบ้านตัวเองเพราะสู้ไม่ได้จริงๆ

สเปอร์สไม่ได้มีนักเตะดังๆ ระดับซูเปอร์สตาร์เข้ามาเสริมทีมในซัมเมอร์นี้ แถมยังต้องเอาเวลาส่วนใหญ่ไปใช้ในการพยายามรั้งตัวลูก้า โมดริช เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติโครเอเชีย เอาไว้ ทั้งที่เจ้าตัวไม่มีใจให้ทีมแล้วเพราะอยากย้ายไปเชลซีใจจะขาด

หลังจากเชลซีหันไปคว้าตัวฆวน มาต้าไปเสริมทัพในตำแหน่งที่คาดว่าน่าจะเคยมีไว้รอโมดริชแล้ว แฮร์รี่ เรดแน็ปป์ก็ตัดสินใจส่งสตาร์ของทีมรายนี้ลงสนามนัดแรกในเกมนี้ หลังจากยังรอดูสถานการณ์มาตลอดและไม่ใช่งานเขาในเกมที่ผ่านๆ มาทั้งในลีกและในยุโรป

แต่การตัดสินใจของจ่าแฮร์รี่ก็ดูจะเป็นความผิดพลาด เมื่อโมดริชยังคงยืนกรานว่าไม่พร้อมลงเล่น และเมื่อถูกบังคับให้เล่น ฟอร์มของเขาก็เลยออกมาน่าผิดหวัง แถมยังฉุดให้ทีมเละเทะกันไปหมด และเพื่อนนักเตะบางคนก็เริ่มแสดงความไม่พอใจกับทัศนคติของเขาแล้วด้วย

ก่อนเกมนี้สเปอร์สยืมตัวเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ หัหวอกส่วนเกินของแมนฯ ซิตี้ ไปเสริมทีมแล้ว แต่เขายังลงเตะกับทีมเก่าไม่ได้ และต้องรอดูกันต่อไปว่าจะช่วยกอบกู้สถานการณ์ได้มากน้อยแค่ไหนหลังจากนี้ และเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุดหรือเปล่า

ถ้าสถานการณ์ของสเปอร์ว่าแย่แล้ว สถานการณ์ของอาร์เซนอลต้องเรียกว่าเลวร้ายกว่าเยอะ เพราะห้ามเลือดไม่อยู่เมื่อแข้งซูเปอร์สตาร์ไหลออกจากทีมพร้อมกันทีเดียวหลายคน ทั้ง เชส ฟาเบรกาส ที่โผไปซบอกบาร์เซโลน่าสมใจนึกบางลำพู และล่าสุดก็เป็น นาสรี่ ที่ผวาเข้าสู่อ้อมแขนของเรือใบหุ้มทอง ขณะที่แนวรับก็เสีย กาแอล กลิชี่ ให้ทีมของอภิมหาเศรษฐีแขกเช่นกัน

แล้วลองมองดูนักเตะที่อาร์แซน เวนเกอร์ดึงเข้ามาเสริมทีมบ้าง ยังคงมีแต่ดาวรุ่งที่จะเอามาปั้นให้ดังแล้วรอวันขายเหมือนเดิมอย่าง คาร์ล เจนกินสันและ อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ไม่นับรวมดาวรุ่งรายจิ๊บๆ จ้อยๆ ที่ชื่อยังไม่เป็นที่รู้จักอีกสองสามคน

ผลที่ออกมาคือปืนใหญ่กลายเป็นทีมระดับพื้นๆ ที่พร้อมจะแพ้ทุกทีมได้ไปแล้ว หลังเกมเปิดฤดูกาลทำได้แค่บุกไปยันเจ๊านิวคาสเซิลแบบโนสกอร์ เกมต่อมาก็โดนลิเวอร์พูลบุกมาอัดบ้าน 2-0

ขณะที่เกมในยุโรปก็หืดขึ้นคอกว่าจะผ่านอูดิเนเซ่เข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีกได้ ก่อนที่หายนะปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในเกมล่าสุด เมื่อไปถูกยำเละจนหมดสภาพนักศึกษาที่รังผีแดง

เกมนี้เป็นการพบกันระหว่างสองทีมที่ขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กันมานานนับสิบปี ก่อนที่จะมีเชลซียุคใหม่ขึ้นมาเป็นตัวสอดแทรกลุ้นแชมป์และแซงหน้าอาร์เซนอลไปได้แล้ว ในฐานะคู่ชิงแชมป์ตัวจริงของแมนฯ ยูไนเต็ด เพราะปืนใหญ่แผ่วลงไปเรื่อยๆ จนไปไม่ถึงแชมป์เลยใน 6 ปีหลัง

หลายปีที่ผ่านมาเวนเกอร์เป็นกุนซือที่ปลุกปั้นอาร์เซนอลให้มีสไตล์การเล่นที่สวยงามและมีประสิทธิภาพ แต่ภาพเหล่านั้นก็ดูจะค่อยๆ จางหายไป เมื่อเขายึดปรัชญาเดิมๆ แบบไม่มีการยืดหยุ่นตามสถานการณ์

 เพราะยังคงคิดหาดาวรุ่งมาปั้นเหมือนเดิม ขณะที่ทีมอื่นๆ ก้าวตามมาจนทันจากทางลัดในการซื้อนักเตะมาเสริม หนำซ้ำพอนักเตะถูกปั้นจนโด่งดังก็มักจะโดนขายเอาเงินเข้ากระเป๋าเจ้าของทีมซะด้วย

ขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ดปีนี้มาฟอร์มสดจริงๆ ที่ว่าสดไม่ใช่แค่ฝีเท้า แต่หมายถึงความเอ๊าะของนักเตะหลายคนที่ทำให้อายุเฉลี่ยในทีมลดฮวบฮาบลงเยอะจากปีก่อน เพราะเอ๊ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์กับพอล สโคลส์เลิกเล่นไปแล้ว

ส่วนนักเตะที่มาแทนมีทั้งดาวิด เด เกอา, ฟิล โจนส์, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, แดนนี่ เวลเบ๊ค และ แอชี่ย์ ยังที่อายุยังน้อยๆ เกือบหมด รวมถึงตัวหลักหน้าเดิมอย่าง เวย์น รูนี่ย์, นานี่, ชิชาริโต้ และคริส สมอลลิ่ง ซึ่งอายุยังไม่มากทั้งสิ้น

ดาวรุ่งผีแดงต่างได้รับโอกาสลงโชว์ฝีเท้ากนมาตั้งแต่นัดแรกๆ ด้วยเหตุผลต่างๆ กันไป รวมถึงการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลักๆ อย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วีดิช ด้วย

แต่เด็กผีก็โชว์ผลงานได้ดีเกินคาด สร้างสรรค์เกมที่มีประสิทธิภาพและเร้าใจจนกองเชียร์ต้องซู้ดปาก และแอบฝันไกลไปถึงแชมป์ลีกสมัยที่ 20 บวกกับการโค่นบาร์ซ่าคว้าแชมป์ยุโรปอีกด้วย

ถ้าเปรียบเป็นมวย ระฆังของศึกพรีเมียร์ลีกก็เพิ่งเริ่มต้นแยกแรกๆ เท่านั้น การขับเคี่ยวชิงชัยระหว่างทั้ง 4 หรือ 6 ทีมจะดำเนินต่อไปอีกยาวไกล

แต่ในยกแรกนี้ทีมจากแมนเชสเตอร์เอาชนะทีมจากนอร์ธลอนดอนไปได้อย่างราบคาบ ชนิดที่ขาวสะอาดปราศจากข้อกังขาใดๆ จริงๆ



จากคอลัมน์ "ฟุตบอลผู้ดี" : นสพ. กีฬา "ฮอตสกอร์"
โดย : เบบี้ แบร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook