สกู๊ป : ที่สุดแห่ง “แดงเดือด”

สกู๊ป : ที่สุดแห่ง “แดงเดือด”

สกู๊ป : ที่สุดแห่ง “แดงเดือด”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นับตั้งแต่การโบกมือลาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แล้วความเข้มข้นระหว่างทั้ง “แมนฯ ยูไนเต็ด” และ “ลิเวอร์พูล” ก็หายไป

ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้จะบดบี้กันอย่างเมามันส์ทว่า “แดงเดือด” กลับไม่คุกรุ่นเหมือนแต่ก่อน

อย่างไรก็ตามกับเกมที่เพิ่งผ่านพ้น กับเกมที่เพิ่งจบลงไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาคงไม่ผิดนักครับถ้าจะบอกว่า...

นี่คือ “ที่สุดแห่งแดงเดือด”...ในรอบหลายปี!

D2

มันเป็นเกมที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นและเร้าใจ นี่เป็นบิ๊กแมตช์ที่สัมผัสได้ถึงความชิงชัง ตลอด 90 นาทีทั้งสองต่างทำให้แฟนบอล “หายใจไม่ทั่วท้อง” และ ลุ้นระทึกไปกับสิ่งที่กำลังจะเกิด

นานมาแล้วที่เราไม่ได้เห็นนักเตะของทั้งสองวิ่งสุดชีวิตกันอย่างถวายหัว, แทบจะนับครั้งได้ในระยะหลังที่จะมีลูกตุกติกและการเข้าปะทะอันหนักหน่วงชวนให้เดือดดาล

ไม่ว่าจะเป็นจังหวะแฮนด์บอลของ ป็อกบา ที่ทำท่า “DAB”

D8

จังหวะพังประตูไล่เจ๊าของ ซลาตัน ที่ทำให้สกอร์ในเกมนี้สุดดราม่า

ช็อตดึงเสื้อ ฟิร์มิโน่ ที่ยืดราวกับพิซซ่าขอบชีสรวมถึงนาทีเดือดดาลของ มูรินโญ่ ที่ปะทะคารมครั้งใหญ่ต่อ คล็อปป์

ทั้งหมดนี้ล้วนเต็มไปด้วยอรรถรสและทำให้ “แดงเดือด” หนล่าสุดออกมา ชนิดที่เรียกได้ว่า “โคตรคลาสสิก”

D4

เกมนี้ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจอันแข็งแกร่งแม้จะบุกมาเยือนแต่ เยอร์เก้น คล็อปป์ สั่งทัพ “เร้ด แมชีนส์” เปิดหน้าแลกเต็มที่และก็เป็นพวกเขาด้วยซ้ำในครึ่งเวลาแรกที่เล่นกันได้เหนือกว่า

ถึงเกมนี้ประตูที่ได้จะมาจากจุดโทษ ทว่าก็ต้องให้เครดิตกับ เจมส์ มิลเนอร์ ด้วยเช่นกันที่บรรจงอย่างเยือกเย็นและนิ่งพอแม้จะต้องดวลกับโคตรนายทวารอย่าง ดาบิด เด เคอา ซึ่งจะว่าไปทุกอย่างล้วนมาจากความพยายามและไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เพราะ มีสถิติหลังเกมออกมาครับว่า ใน 10 ครั้งหลังสุดที่เจ้าตัวรับหน้าที่สังหารนั้น ‘เจมส์ มิลเนอร์’ ไม่เคยพลาดแม้แต่ลูกเดียว!

D3

กระนั้นในความวิ่งสู้ฟัดได้ใจแฟนๆ ใช่ว่า “หงส์แดง” จะเล่นอย่างไร้ที่ติ บนความทุ่มเท และ กดดันเกมรับ “ผีแดง” จนปั่นป่วน ก็เป็นอีกครั้งที่ “ลูกกลางอากาศ” กลายมาเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องเสียแต้มอีกครา  

ภายหลังจากที่ มูรินโญ่ แก้เกมด้วยการส่ง เฟลไลนี่ ลงมา แนวรับของ “เร้ด แมชีนส์” ก็มีอาการปั่นป่วนและลนลานให้เห็น

ซึ่งก็น่าสนใจเหมือนกันครับว่าหากเกมนี้ มิโญเล่ต์ ไม่เข้าฝักและผีเข้าเซฟเป็นพัลวันขึ้นมา

D7

บางที “หงส์แดง” อาจต้องลงเอยด้วยความเศร้าก็เป็นได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่คืออีกหนึ่ง “บิ๊กแมตช์” ที่สุดประจำใจ  ผลเสมอ 1-1 ที่ออกมาจะว่าไปก็ยุติธรรมแล้ว ขณะเดียวกันอุณหภูมิของเกมนี้ก็สุดร้อนรุ่ม และน่าจะเป็นศึก “แดงเดือด” ที่ถูกพูดถึงไปอีกนาน

เดือดแค่ไหนก็ดูได้ครับบนโลกโซเชี่ยลหลังเกมสิ้นสุดลง

ขนาดสงครามยุติแล้วต่างฝ่ายต่างยัง “เปิดวอร์” ใส่กันเมามันส์!

D5

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook