ทีมยอดเยี่ยม 2016
เป็นไปตามทำเนียบเมื่อ 1 ปีเวียนมาบรรจบ ก่อนที่จะศักราชการจัดทีมยอดเยี่ยมคือหนึ่งในไฮไลต์ที่แฟนบอลอยากรู้ว่าแต่ละสื่อนั้นมีความคิดอย่างไร และจะตรงใจพวกเขาแค่ไหน
อย่างในปี 2016 ที่ผ่านมาต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งปีของฟุตบอลเกมรุก เพราะมีบรรดาแข้งดังทั้งหน้าเก่าและใหม่ ต่างโชว์เพลงแข้งระเบิดตาข่าย แข่งกันทำลายสถิติชนิดเป็นว่าเล่น
งานนี้บอกตามตรงว่ารู้สึกรักพี่เสียดายน้องมากๆ อารมณ์เหมือนตัวเองเป็นนางเอกละครที่คนนั้นก็ดี คนดีก็ใช่ ที่จะให้เลือกตัดใครออกก็รู้สึกลำบากใจ
งานนี้จึงขอแหวกม่านประเพณี ปรับเปลี่ยนระบบมาเป็น 3-1-4-2 เพื่อซัพพอร์ตเหล่าตัวรุกให้ได้มากที่สุด ซึ่งหน้าตาของทีมจะเป็นอย่างไร จะถูกใจคุณผู้อ่านบ้างมั้ย คงต้องให้ท่านเป็นคนพิจารณาเอาเอง
ผู้รักษาประตู
จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน (ยูเวนตุส)
จริงๆ แล้วปี 2016 ที่ผ่านมามีผู้รักษาประตูหลายคนที่ทำผลงานได้ดี ไม่ว่าจะเป็น แยน โอบลัค จาก แอตเลติโก มาดรดิ หรือ เคย์เลอร์ นาบาส ของเรอัล มาดริด ทว่าหากดูจากสถิติจริงๆ ต้องบอกว่า บุฟฟ่อน นั้นมาแบบเหนือเมฆและเด่นกว่าใครทั้งนั้น
นายทวารจอมเก๋าวัย 38 ปีลงสนามตลอดปีทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติทั้งหมด 45 นัดทว่ากลับเสียไปเพียง 24 ประตู และเก็บคลีนชีตได้มากถึง 26 นัด ผลงานตรงนี้มันฟ้องกันเห็นๆ อยู่แล้ว
กองหลัง
โจซัว คิมมิช (บาร์เยิร์น)
หากจะหาดาวรุ่งสักคนที่ฉายแววเด่นและมีผลงานที่จับต้องได้มากที่สุดในปีที่ผ่านมา เชื่อเหลือเกินว่าชื่อของ คิมมิช แนวรับสารพัดประโยชน์จาก บาเยิร์น มิวนิค จะเป็นหนึ่งในนักเตะที่ถูกกล่าวถึงเป็นอันดับต้นๆ
พัฒนาการของกองหลังวัย 21 ปีถือว่าก้าวกระโดดมากๆ ไม่ใช่แค่ทีมชุดใหญ่ของ บาเยิร์น ที่ได้เป็นตัวจริง คิมมิช ใช้เวลาไม่ถึงปีกลายเป็นเแบ็กขวาตัวหลักของทีมชาติเยอรมัน ด้วยผลงานที่เด่นทั้งรับและรุกไม่แปลกใจเลยที่เขาจะถูกยกให้เป็น "นิวฟิลิปป์ ลาห์ม"
เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ (ยูเวนตุส)
ที่ผ่านมาผลงานของ โบนุชชี่ มักถูกประเมินค่าต่้ำกว่าความเป็นจริงอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่เป็นแกนหลักของ ยูเวนตุส พาทีมคว้าแชมป์เซรี่ อา ได้อย่างมากมาย ขณะที่ทีมชาติอิตาลี ก็เป็นเสาหลักที่ขาดไม่ได้
อย่างไรก็ตาม "เพชร" ก็ยังเป็น "เพชร" อยู่วันยังค่ำ ฟอร์มอันยอดเยี่ยมในยูโร 2016 แม้ "อัซซูรี่" จะไปไม่ไกลอย่างที่หวัง ทว่า โบนุชชี่ กลับเป็นที่พูดถึงอย่างมาก ชนิดที่้เกือบจะเป็นกองหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลกด้วย หากเจ้าตัวยอมย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก
เซร์คิโอ รามอส (เรอัล มาดริด)
แม้จะล้มเหลวไม่เป็นท่ากับทีมชาติสเปน ในยูโร 2016 ทว่ามาตรฐานของ รามอส ก็ยังคงยอดเยี่ยมและเป็นหนึ่งในเซนเตอร์ฮาล์ฟที่ดีที่สุดของโลกในเวลานี้ได้แบบไม่ต้องสงสัย
เพราะในระดับสโมสรเจ้าตัวคือเสาหลักของ เรอัล มาดริด ไม่ใช่แค่เกมรับที่แข็งแกร่ง ทว่าเกมรุกก็จัดว่ามีทีเด็ดชนิดไม่แพ้กองหน้า ซึ่งเจ้าตัวคือกองหลังคนแรกของโลกที่ยิงประตูในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ลีกได้ 2 ครั้งติดต่อกัน
กองกลาง
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (เชลซี)
ไม่มีมิดฟิลด์ตัวตัดเกมคนใดที่จะเด่นไปกว่า ก็องเต้ อีกแล้วในปี 2016 มิดฟิลด์เจ้าของฉายา "นิวมาเกเลเล่" มีฤดูกาลที่น่าจนจำด้วยการพา เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรกได้อย่างยิ่งใหญ่
นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติฝรั่งเศส ที่ทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศยูโร 2016 และเป็นคีย์แมนสำคัญที่ทำให้ เชลซี คว้าชัยในพรีเมียร์ลีก 11 นัดติดต่อกันจนนำเป็นจ่าฝูงของพรีเมียร์ลีก อยู่ในเวลานี้
อองตวน กรีซมันน์ (แอต.มาดริด)
การสถาปนาตัวเองขึ้นไปเป็นคู่แข่งของ ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ในการช่วงชิงบัลลง ดอร์ ย่อมการันตีได้ดีว่า กรีซมันน์ มีผลงานที่ดีและเป็นที่ยอมรับของแฟนบอลมากแค่ไหนในปีที่ผ่านมา
นับเฉพาะปี 2016 หัวหอกยิงไปถึง 33 ประตู แถมยังมีดีกรีดาวซัลโวยูโร 2016 ที่ 6 ประตู น่าเสียดายที่มันยังไม่ใช่ปีที่ดีที่สุดของเขา หรือเรียกง่ายๆ ว่าเป็นได้แค่พระรองทั้งใน แชมเปี้ยนส์ลีก และศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
ดิมิทรี ปาเยต (เวสต์แฮม)
แม้จะอยู่สโมสรที่ไม่ได้ใหญ่มาก ไม่ได้เล่นในศึกใหญ่อย่างแชมเปี้ยนส์ลีก ทว่าผลงานของ ปาเยต เรียกได้เต็มปากเลยว่าเขาคือ "เพลย์เมกเกอร์" ที่ดีที่สุดในปี 2016 เหนือกว่าดาวดังอย่าง เมซุต โอซิล หรือ เควิน เดอ บรอยน์
ผลงาน 14 ประตู 19 แอสซิสต์ ตลอดปี 2016 เป็นตัวเลขที่ไม่ธรรมดาเลยสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ และหากเจ้าตัวไม่ดีจริง คงไม่ถูกโหวตให้ติดทีมยอดเยี่ยมของทั้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และยูโร 2016 อย่างแน่นอน
ลิโอเนล เมสซี่ (บาร์เซโลน่า)
แม้จะไม่สมหวังกับการคว้าโทรฟี่ย์แรกให้กับทีมชาติอาร์เจนติน่า ทว่าภาพรวม เมสซี่ ก็ยังคงเป็น เมสซี่ ที่ระดับฝีเท้า ความมหัศจรรย์ยังเป็นมาตรฐานชั้นสูงที่ยุคนี้คงมีเพียง โรนัลโด้ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เทียบเคียงได้
52 ประตูที่ เมสซี่ ยิงได้ คือจำนวนประตูที่มากที่สุดในรอบปี 2016 นอกจากนี้เจ้าตัวยังเดินหน้าทำสถิติอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการยิงครบ 300 ประตูในลา ลีกา 500 ประตูในอาชีพ และแฮตทริกมากที่สุดในแชมเปี้ยนส์ลีก ที่ 7 ครั้ง
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (เรอัล มาดริด)
นี่้คือปีทองของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะไม่สามารถพา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ลา ลีกา ได้ ทว่ารางวัลที่เหลือ "ซีอาร์7" เดินหน้ากวาดเรียบชนิดที่ใครๆ ต่างต้องพากันอิจฉา
ไล่เรียงตั้งแต่แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูโร 2016, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ และบัลลงดอร์ นอกจากนี้เจ้าตัวยังทำสถิติยิงให้กับ "ราชันชุดขาว" เกิน 50 ประตูเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน รวมถึงขึ้นไปทาบ มิเชล พลาตินี่ ในการเป็นดาวซัลโวรอบสุดท้ายของยูโร ที่ 9 ประตู
กองหน้า
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (บาเยิร์น)
ผมค่อนข้างเห็นด้วยที่ เลวานดอฟสกี้ ต้องหัวเราะทั้งน้ำตาเมื่อผลโหวตบัลลง ดอร์ เขาเป็นได้แค่อันดับ 16 เพราะเอาจริงๆ ผลงานที่กองหน้าจาก บาเยิร์น มิวนิค ผลิตออกมามันควรค่าที่จะอยู่กว่านั้น
เลวาน เป็นนักเตะคนแรกในรอบ 39 ปีที่ยิงได้ถึง 30 ประตูในบุนเดสลีกา นอกจากนี้เจ้าตัวยังมีดีกรีเป็นถึงดาวซัลโวรอบคัดเลือกของยูโร 2016 ที่ 13 ประตู นับรวมตลอดทั้งปี 2016 ก็ซัดปาไปถึง 41 ลูก น้อยกว่า เมสซี่ กับ โรนัลโด้ แค่ไม่กี่ตุงเอง
หลุยส์ ซัวเรซ (บาร์เซโลน่า)
ผลงานของ ซัวเรซ ไม่ต้องวัดอะไรให้มากความ เพราะจำนวนประตูที่เขาตะบันได้มันยืนยันได้ดีว่าเขานั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน เอาแค่ฤดูกาลแรกที่ได้เล่นให้ บาร์เซโลน่า เต็มตัวก็ซัดไปถึง 59 ประตูจาก 53 นัดในทุกรายการ
นอกจากนี้ ซัวเรซ ยังมีรางวัล ปิปิชี่ หรือดาวซัลโวลา ลีกา รวมถึงรางวัลรองเท้าทองคำ หรือ "อีเอสเอ็ม โกลเด้น ชู" เป็นเครื่องการันตี หลังยิงได้ถึง 40 ประตูในฤดูกาลก่อน
และในปีที่ผ่านมา ซัวเรซ ยังสร้างปรากฏการณ์ด้วยการเป็นนักเตะคนแรกในลา ลีกา ที่ยิง 4 ประตูได้ 2 นัดติดต่อกันอีกตั้งหาก