โหมโรง! ไทย VS ออสซี่ 5 ปีเต็ม...ที่ไม่ได้เจอกัน

โหมโรง! ไทย VS ออสซี่ 5 ปีเต็ม...ที่ไม่ได้เจอกัน

โหมโรง! ไทย VS ออสซี่ 5 ปีเต็ม...ที่ไม่ได้เจอกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พรุ่งนี้แล้ว (15 พ.ย.) นักเตะ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย จะลงสนามพบกับขุนพลแดน “จิงโจ้” ทีมชาติออสเตรเลีย ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 1 ทุ่มตรง

วันนี้ เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย จึงมีสถิติต่างๆ ที่น่าสนใจของ ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติออสเตรเลีย มาให้แฟนบอลที่อาจจะยังไม่รู้หรือลืม ได้ทราบกันอีกครั้ง

เริ่มที่สถิติในฟุตบอลโลก ทีมชาติไทย ยังไม่เคยผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้เลย นับตั้งแต่เข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้ครั้งแรกในปี 1974 ภายใต้การคุมทัพของ กุนเทอร์ กลอมบ์ จนกระทั่งมาถึงฟุตบอลโลก 2002 ภายใต้การคุมทีมของ ปีเตอร์ วิธ กุนซือชาวอังกฤษ ทีมชาติไทยสามารถผ่านเข้ามาถึงรอบ 12 ทีมสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยขุนพลอย่าง “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ธชตวัน (ตะวัน) ศรีปาน, เศกสรรค์ ปิตุรัตน์ หรือว่า เทิดศักดิ์ ใจมั่น แต่ก็ต้องตกรอบไปแบบที่ไม่สามารถเอาชนะใครได้เลย

ส่วน ทีมชาติออสเตรเลีย สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายได้ทั้งหมด 4 ครั้ง ในปี 1974, 2006, 2010 และ 2014 โดยขุนพลแดน “จิงโจ้” ไปได้ไกลสุดแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกปี 2006 และอีก 3 ครั้งที่เหลือ ต้องกลับบ้านแค่รอบแรกเท่านั้น


สำหรับผลงานในรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2018 โซนเอเชีย รอบสาม (12 ทีมสุดท้าย) กลุ่มบี ของทั้งคู่ 4 นัดที่ผ่านมา ปรากฏว่า ทีมชาติไทย ยังไม่มีแต้ม จากการแพ้ 4 นัดรวด (แพ้ ซาอุดีอาระเบีย 0-1 (เยือน), แพ้ ญี่ปุ่น 0-2 (เหย้า), แพ้ ยูเออี 1-3 (เยือน), แพ้ อิรัก 0-4 (เยือน)) โดยยิงได้ 1 เสีย 10 รั้งอันดับสุดท้ายของกลุ่ม

ส่วน ออสเตรเลีย ยังไม่แพ้ใคร ชนะ 2 เสมอ 2 (ชนะ อิรัก 2-0 (เหย้า), ชนะ ยูเออี 1-0 (เยือน), เสมอ ซาอุดีอาระเบีย 2-2 (เยือน), เสมอ ญี่ปุ่น 1-1 (เหย้า)) มี 8 คะแนน ยิงได้ 6 เสีย 3 รั้งรองจ่าฝูง

ทางด้านผลงานการเจอกันของ ทีมชาติไทย กับ ออสเตรเลีย ในแมตช์อย่างเป็นทางการทั้งหมด 5 ครั้ง ปรากฏว่า ไทย ไม่เคยเอาชนะหรือเสมอได้เลย และยิงได้แค่ 1 ประตู แต่เสียให้ ออสซี่ ไปถึง 13 ประตู

โดยในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ทีมชาติไทย เคยพบกับ ออสเตรเลีย 2 ครั้ง ในรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2014 โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มดี ซึ่งครั้งนั้น ทีมชาติไทย มี วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมนี คุมทัพ

นัดแรก เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2011 ทีมชาติไทย บุกไปเยือน ออสเตรเลีย ก่อน ที่ซันคอร์ป สเตเดี้ยม เมืองบริสเบน โดย เชเฟอร์ จัดขุนพล 11 คนแรก ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, แนวรับ นิเวส ศิริวงศ์, ชลทิตย์ จันทคาม, จักรพันธ์ แก้มพรหม, ศุภชัย คมศิลป์, แดนกลาง สุรัตน์ สุขะ, อดุล หละโสะ, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, สมปอง สอเหลบ, ดัสกร ทองเหลา และหน้าเป้า “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา


ส่วนขุนพลแดน “จิงโจ้” ของกุนซือ โฮลเกอร์ โอเซี้ยค นำโดย มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลูคัส นีลล์, ลุค วิลเชียร์, เบรตต์ เอเมอร์ตัน, เบรตต์ โฮลแมน, โจชัว เคนเนดี้ และ ทิม เคฮิลล์

ผลการแข่งขันครั้งนั้น ขุนพล “ช้างศึก” สู้สุดฤทธิ์วิ่งสู้ฟัดประทับใจแฟนบอล ก่อนที่ “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา จะยิงประตูสุดสวยทำเซอร์ไพรส์ให้ทีมชาติไทยออกนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 15 ชนิดที่ช็อกแฟนบอล “ซอคเกอร์รูส์” ทั้งสนาม แต่ครึ่งหลังขุนพลออสซี่บุกกระหน่ำก่อนทำ 2 ประตูรวดจาก โจชัว เคนเนดี้ นาทีที่ 58 และ อเล็กซ์ บรอสเก้ ตัวสำรองลงมายิงประตูชัยก่อนหมดเวลาเพียง 2 นาทีให้ ออสเตรเลีย แซงชนะไปแบบเฉียดฉิว 2-1

นัดสอง เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2011 ทีมชาติไทย เปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน โดย “วินนี่” มีการปรับทัพ 11 คนแรกบางตำแหน่ง ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, แนวรับ นิเวส ศิริวงศ์, ชลทิตย์ จันทคาม, ณัฐพร พันฤทธิ์, ศุภชัย คมศิลป์, แดนกลาง สุรีย์ สุขะ, ดัสกร ทองเหลา, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, จักรพันธ์ แก้มพรม และหน้าเป้า กีรติ เขียวสมบัติ

ส่วน 11 ขุนพลออสซี่ชุดนั้น ยังนำโดย มาร์ค ชวาร์เซอร์, ลูคัส นีลล์, ลุค วิลเชียร์, เบรตต์ เอเมอร์ตัน, เบรตต์ โฮลแมน, โจชัว เคเนดี้ แต่ไม่มี ทิม เคฮิลล์ ที่มีอาการบาดเจ็บ

ผลการแข่งขันในครั้งนั้น ทีมชาติไทย ยังสวมหัวใจสู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี แต่สุดท้ายก็พ่ายไปหวุดหวิด 0-1 จากลูกโหม่งของ เบรตต์ โฮลแมน นาทีที่ 76 ที่ช่วยให้ขุนพล ออสซี่ ตีตั๋วเข้าสู่รอบสุดท้ายโซนเอเชียต่อไป ส่วนทัพ “ช้างศึก” ต้องยุติเส้นทางสู่ฝัน

จากวันนั้นถึงวันนี้ 5 ปีเต็มพอดิบพอดีที่ ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติออสเตรเลีย ชุดใหญ่จะได้โคจรมาเจอกันอีกครั้ง

โดยในครั้งนี้ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย มี “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คุมทัพ พร้อมขุนพลรู้ใจอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน, ธนบูรณ์ เกศารัตน์, ทริสตอง โด, ปกเกล้า อนันต์, สารัช อยู่เย็น, ชนาธิป สรงกระสินธ์, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, มงคล ทศไกร และ ธีรศิลป์ แดงดา  


ส่วนขุนพล “ซอคเกอร์รูส์” ชุดนี้มี อันเก้ ปอสเตโคกลู เป็นกุนซือ โดยได้ตัดชื่อของ ทิม เคฮิลล์ กองหน้าจอมเก๋าวัย 36 ปี จาก  เมลเบิร์น ซิตี้ เนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บ  นอกจากนี้ ดาวดังอย่าง อาปอสโตลอส จิอันนู, คริส อิโคโนมิดิส และ ไรอัน แม็คโกแวน ก็หลุดโผเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ยังมีตัวหลักอย่าง ไมล์ เยดินัก กองกลางจากแอสตัส วิลล่า, ทอมมี่ โรจิช จอมทัพจากเซลติก, ร็อบบี้ ครูส หัวหอกจากเลเวอร์คูเซ่น และ แม็ทธิว เลกกี้ กองหน้าจากอิงโกลสตัดต์

แน่นอนว่าด้วยศักยภาพ และจากสถิติต่างๆ ที่กล่าวมา ทีมชาติไทย เป็นรอง ทีมชาติออสเตรเลีย อย่างชัดเจน

แต่ด้วยหัวจิตหัวใจที่ไม่เคยยอมแพ้ บวกกับ “เสียงเชียร์” จากแฟนบอลชาวไทย รวมไปถึง “พระบารมี” จาก “พ่อหลวง” ของแผ่นดินบนสรวงสวรรค์ จะเป็น “พลังอันยิ่งใหญ่” ช่วยให้ “ช้างศึก” สร้างเซอร์ไพรส์ขึ้นมาก็เป็นได้
ไทยแลนด์ สู้สู้

คอลัมน์จัดหนัก / เอ็ม

อัลบั้มภาพ 25 ภาพ

อัลบั้มภาพ 25 ภาพ ของ โหมโรง! ไทย VS ออสซี่ 5 ปีเต็ม...ที่ไม่ได้เจอกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook