สกู๊ป : ศึกสายเลือดแห่งยูเค

โปรแกรมฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนยุโรป สุดสัปดาห์นี้ มีคู่ที่น่าสนใจ ที่เรียกเสียงฮือฮาให้กับคอบอลทั่วโลก เลยทีเดียว

นั่นคือการแข่งขันของ 2 ชาติ เพื่อนบ้านร่วมสหราชอาณาจักร อังกฤษ VS สกอตแลนด์ ครั้งที่ 113 รวมทุกรายการ

และเป็นการพบกันในการแข่งขันอย่างเป็นทางการของทั้ง 2 ชาติเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 1999

ประวัติศาสตร์ลูกหนังที่ทั้งสองชาติ เคยพบกันนั้น ในระหว่างปี 1870-1872 มีการแข่งขันกันทั้งหมด 5 นัด

แต่ทว่า ฝั่งสกอตแลนด์นั้น ไม่ยอมรับผลการแข่งขัน เนื่องจาก มีนักเตะสกอตแท้ๆ ลงสนามเพียงแค่คนเดียว

จนกระทั่งวันที่ 30 พฤศจิกายน 1872 ทั้งสองทีมจึงได้นัดแข่งขันกันอย่างเป็นทางการ โดยใช้วันเซนต์แอนดรูว์ ซึ่งเป็นวันชาติของสกอตแลนด์ และเลือกใช้สนามแฮมิลตัน เครสเซน ซึ่งเป็นสนามคริกเก็ตในเมืองกลาสโกว์ เป็นสังเวียนในการแข่งขัน

โดยนักเตะทีมสกอตแลนด์นั้น ทั้งหมดมาจากสโมสรควีนส์ปาร์ค ซึ่งเป็นทีมชั้นนำของลีกแดนวิสกี้ในเวลานั้น โดยเจมส์ และโรเบิร์ต สมิธ ก็ถูกบันทึกไว้ด้วยว่าเป็นคู่พี่น้องคู่แรกที่ได้ลงเตะในฟุตบอลทีมชาติ

ขณะที่ฝั่งสิงโตคำราม นักเตะมาจากหลายหลากทีมถึง 9 สโมสร ก่อนที่ผลการแข่งขันจะเสมอกันไป 0-0 โดยมีแฟนบอลเข้าชมเกม 4,000 คน

แต่ถ้าจะนับเฉพาะที่ทั้งคู่พบกัน ในรายการอย่างเป็นทางการของฟีฟ่าและยูฟ่า ปรากฏว่า พบกันเพียงแค่ 7 ครั้งเท่านั้น

ในรายการของฟีฟ่า เคยพบกัน 2 ครั้ง ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ปี 1950 และ 1954 เป็นสิงโตคำราม ที่บุกไปเก็บชัยถึงแดนวิสกี้ทั้ง 2 ครั้ง ด้วยสกอร์ 1-0 และ 4-2 ตามลำดับ

ที่เหลืออีก 5 ครั้ง พบกันในรายการของยูฟ่า ทั้งในยูโร 1968 รอบคัดเลือก, ยูโร 1996 รอบสุดท้าย และ ยูโร 2000 รอบเพลย์ออฟ และมีเรื่องราวเด็ดๆ ให้ผู้คนได้เก็บไว้ในความทรงจำ

ในรอบคัดเลือกของยูโร 1968 นัดที่ทีมชาติสกอตแลนด์ บุกไปชนะอังกฤษ ถึงสนามเวมบลีย์ ด้วยสกอร์ 3-2 ซึ่งผลการแข่งขันในนัดนั้น ทำเอาพวกวิสกี้ตั้งตัวเองเป็น “แชมป์โลกอย่างไม่เป็นทางการ”

ต่อมาในยูโร 1996 รอบสุดท้าย ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพ ทั้งคู่พบกันในรอบแบ่งกลุ่ม เป็นสิงโตคำราม เอาชนะ 2-0 อลัน เชียเรอร์ ยิงประตูแรก

 อีกลูกเป็นผลงานของ พอล แกสคอยน์ ที่ทำประตูย้ำชัย แบบสุดคลาสสิกประตูหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ ด้วยกระดกบอลข้าม โคลิน เฮนดรี้ และแสดงอาการดีใจด้วยการนอนราบไปกับสนาม และตะโกนโห่ร้องอย่างสะใจ

และอีกครั้งในยูโร 2000 รอบเพลย์ออฟ ชิงตั๋วไปรอบสุดท้าย เลกเรก อังกฤษ ได้ พอล สโคลส์ ยิง 2 ประตู บุกไปเอาชนะสกอตแลนด์ ได้ก่อน 2-0

แต่เลกสอง พวกวิสกี้ บุกไปสร้างความขายหน้าให้พวกผู้ดีถึงเวมบลีย์ ด้วยชัยชนะ 1-0 แต่ผลรวม 2 นัด อังกฤษยังสมหวัง ได้ไปรอบสุดท้าย แต่ไปตกรอบแรกเสียอย่างนั้น

ส่วนในแมตช์อื่นๆ อย่างเช่นเกมอุ่นเครื่องปี 1977 ที่ทัพตาร์ตัน บุกไปเอาชนะทรีไลออนส์ 2-1 ถึงสนามเวมบลีย์อีกครั้ง ซ้ำรอยเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งหลังเกมวันนั้น มีแฟนบอลสกอตจำนวนมาก ลงมาฉลองชัยชนะในสนาม จนมีกลุ่มหนึ่งที่ไปโหนบริเวณคานของประตูจนทำให้คานรับน้ำหนักไม่ไหว และหักลงมากองกับพื้นเลยทีเดียว

ส่วนนัดล่าสุดที่ทั้งคู่พบกัน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2014 ทีมตาร์ตัน พ่ายทีมทรีไลออนส์ คากลาสโกว์ 1-3 จากผลงานการเหมาสองประตูของเวย์น รูนีย์ และอีกประตูจาก อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ทั้งสองชาติคู่อริ ดวลแข้งกันทั้งหมด 112 นัด อังกฤษชนะ 47 นัด สกอตแลนด์ชนะ 41 นัด และเสมอกัน 24 นัด

อัพเดท ผลบอล ผลบอลย้อนหลัง ผลบอลเมื่อคืนนี้ ผลบอลสด ทุกลีกได้เลยที่ http://sport.sanook.com/program/

แต่ก่อนที่ทั้งสองทีมจะลงสนามฟาดแข้งกัน ในคืนวันนี้ ก็เกิดเรื่องนอกสนาม ขึ้นมา ซะแล้ว

เมื่อสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ประกาศชัด ห้ามไม่ให้ทั้งอังกฤษ และสกอตแลนด์ สวมปลอกแขนที่มีดอกป๊อปปี้ประดับอยู่ด้วย เพื่อเป็นการรำลึกถึงวันเฉลิมฉลองการสงบศึกที่ลงนามระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรกับเยอรมนี ที่ตรงกับวันแข่งของคู่นี้พอดี

ทั้งนี้ ฟีฟ่า มีกฎที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่า ชุดแข่งของเกมทีมชาติ จะต้องไม่มีอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการเมือง, ศาสนา หรือข้อความเกี่ยวกับการตลาด

ซึ่งทั้งสองชาติ พยายามขอร้องฟีฟ่า ให้อนุโลมการสวมปลอกแขนที่ว่านี้ แต่ก็ถูกปฏิเสธคำขอร้องดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งของ มาร์ติน เกล็น บิ๊กบอสสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือ เอฟเอ ยังยืนยัน จะให้ทั้งสองทีม สวมปลอกแขนที่มีดอกป๊อปปี้ให้ได้ ถึงแม้ว่าอาจจะเสี่ยงต่อการถูกฟีฟ่าลงโทษ ด้วยการตัดแต้มก็เป็นได้

ขณะที่สจ๊วร์ต เรแกน ประธานสมาคมลูกหนังสกอตแลนด์ หรือ เอสเอเอฟ เผยว่า เข้าใจถึงสาเหตุที่ฟีฟ่าตัดสินใจอย่างนี้ แต่เแค่ต้องการแสดงความเคารพเท่านั้น ไม่ใช่การแสดงออกถึงเรื่องการเมืองเลย

ต้องรอดูว่า ผลแข่งของศึกแห่งศักดิ์ศรีนัดนี้ จะออกมาหน้าไหน และทั้งสองทีมจะติดดอกป๊อปปี้ เพื่อท้าทายฟีฟ่าหรือไม่ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงครับ