หงส์เฮทุบหม้อแตก2-1ดาวนิ่งซัดพาทีมเข้ารอบรองฯ

เคนนี่ ดัลกลิช วันนี้ไม่มี เกล็น จอห์นสัน และ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ สองกองหลังที่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้สภาพทีมสมบูรณ์พร้อมโดยจะมาในระบบ 4-4-1 วาง แอนดี้ คาโรลล์ ลงสนามในแดนหน้าจับคู่กับ หลุยส์ ซัวเรซ ขณะที่แดนกลาง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลงคุมเกมตรงกลางคู่กับ เจย์ สเปียร์ริ่ง ส่วนแนวรับวันนี้ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ได้โอกาสลงยืนคู่ มาร์ติน สเคอร์เทล และมี เปเป้ เรน่า ลงเฝ้าเสา

 

"ช่างปั้นหม้อ" วันนี้มาในระบบ 4-4-1-1 โดยตัวหลักๆ นั้นก็ยังอยู่กันครบ จะไม่มีก็เพียง ริคาร์โด้ ฟูลเลอร์ ที่โดนแบน เท่านั้น โดยแนวรุก จะยังนำโดย โจนาธาน วอลเตอร์ส และ ปีเตอร์ เคร้าช์ โดยมี แม็ทธิว เอเธอริงตัน เป็นตัวคอยเปิดป้อนเช่นเคย แนวรับยังมี ไรอัน ชอว์ครอสส์ ยืนคู่กับ โรเบิร์ต ฮูธ และผู้รักษาประตูเป็นหน้าที่ของ โธมัส โซเรนเซ่น

 

เริ่มเกมมาได้เพียง 2 นาที ลิเวอร์พูล ได้โอกาสลุ้นก่อนจากลูกฟรีคิก สตีเว่น เจอร์ราร์ด เปิดมาให้ มักซี่ โรดิเกซ ได้โอกาสโหม่ง แต่บอลก็ย้อยข้ามคานไปนิดเดียว

 

จากนั้นอีกสามนาที มาร์ติน เคลลี่ ก็ต้องมาโดนใบเหลืองไปก่อน หลังจากพุ่งไปเสียบทางด้านหลังใส่ แม็ทธิว เอเธอริงตัน ทำให้เจ้าตัวต้องรับการปฐมพยาบาล แต่สุดท้ายก็สามารถกลับมาลงสนามได้

 

น.12 สโต๊ค มาได้ลุ้นบ้างเมื่อ ไรอัน ช็อตตัน เปิดบอลเข้าไปหน้าประตูให้ ปีเตอร์ เคร้าช์ ได้เทกตัวขึ้นโหม่ง แต่ก็เบาเกินไปเข้ามือของ เปเป้ เรน่า รับสบาย

 

ต่อมา เกล็น วีแลน ก็มาโดนเหลืองบ้าง หลังจากที่เจ้าตัวพุ่งไปเข้าเสียบใส่ขาของ เจย์ สเปียร์ริ่ง

 

น.22 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นจนได้จากจังหวะที่ หลุยส์ ซัวเรซ พักบอลก่อนจะเลี้ยงมาหน้าเขตโทษและลองยิงไกล บอลพุ่งตรงกรอบเข้าประตูไปอย่างสวยงาม หมดสิทธิ์สำหรับ โธมัส โซเรนเซ่น ที่จะป้องกัน เจ้าถิ่นขึ้นนำ 1-0

 

พอโดนขึ้นนำได้ไม่นาน สโต๊ค มาตามตีเสมอได้สำเร็จจากจังหวะที่ เอเธอริงตัน เปิดลูกเตะมุมมา บอลลอยไปถึง เคร้าช์ ที่ลอยตัวขึ้นมาโหม่งเต็มหัวเข้าประตูไป ตีเสมอให้ทีมเป็น 1-1 และจากนั้น เรน่า ก็มาโดนใบเหลือง หลังเข้าโวยวายใส่ผู้ตัดสินในจังหวะเสียประตูว่าตัวเองโดนทำฟาวล์

 

จากนั้น แอนดี้ วิลกินสัน มาโดนใบเหลืองอีกคน หลังจากพุ่งเข้าไปอัดใส่ ซัวเรซ

 

น.32 กลายเป็นว่า สโตีค เกือบได้ประตูที่สองจากจังหวะสวนกลับเริ่มจาก ดีน ไวท์เฮด จ่ายบอลเข้าไปให้ โจนาธาน วอลเตอร์ส วิ่งหลุดเข้าไปยิง แต่เพราะต้องรีบทำให้บอลพุ่งไม่ตรงกรอบออกไป เพียงนาทีเดียว "หงส์แดง" เอาคืนบ้างเมื่อ มักซี่ จ่ายบอลมาให้ ดาวนิ่ง ได้ซัดวอลเล่ย์ แต่บอลก็โด่งข้ามคานออกไป

 

น.43 ลิเวอร์พูล มาได้ลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษจากจังหวะที่ ไรอัน ชอว์ครอสส์ เข้าไปฟาวล์ใส่ ซัวเรซ แต่ เจอร์ราร์ด ยิงข้ามคานไปแบบไม่ได้ลุ้น

 

ช่วงท้ายครึ่งแรกไม่มีจังหวะอะไรเพิ่ม โดยทั้งสองทีมยังเสมอกันอยู่ 1-1