คำสาบช่วงหน้าหนาวของ “อาร์เซน่อล”

สำหรับเดือนพฤศจิกายนนี้ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษถือว่ากำลังเข้าช่วงที่สำคัญในฤดูกาลของบรรดาทีมที่จะลุ้นแชมป์ เพราะจากสถิติหรือภาพที่เห็นหลายๆปีที่ผ่านมา ทีมที่สามารถรักษาอันดับหรือเป็นจ่าฝูงได้จนถึงเดือนมีนาคมปีต่อไป ก็มักจะไม่พลาดตำแหน่ง “แชมป์”

ต้องยอมรับว่าการลุ้นแชมป์ลีกกำลังสนุกเลย เพราะมีคะแนนไล่กันถึง 6 ทีมด้วยกัน ตั้งแต่จ่าฝูง “แมนฯซิตี้” “อาร์เซน่อล” และ “ลิเวอร์พูล” ที่คะแนนก่อนเกมสุดสัปดาห์นี้เท่ากันที่ 23 คะแนน ตามมาด้วย “เชลซี” ที่ 22 คะแนน กับ “สเปอร์” ที่ 20 คะแนน เพราะฟอร์มการเล่นของแต่ละทีมไม่ต่างกัน ไม่มีทีมไหนสมบูรณ์แบบในฤดูกาลนี้

ทีมที่ห่างความสำเร็จในลีกไปนานอย่างปืนใหญ่ “อาร์เซน่อล” ของ “อาร์แซน เวงเกอร์” คว้าแชมป์ลีกล่าสุดต้องย้อนกลับไปปี 2003-2004 แน่นอนว่าหวังจะประสบความสำเร็จให้ได้ เพราะเป็นอีกทีมที่มีศักยภาพพร้อมในเรื่องของกำลังทรัพย์และนักเตะ แต่ก็มักไปไม่ถึงดวงดาวจากการที่ฟอร์มสะดุดในช่วงกลางฤดูกาลหรือช่วงนี้เป็นประจำ

 ถ้าไปดูสถิติของทีมตั้งแต่ “เวงเกอร์” คุมทีมมาตลอด 20 ปี จะเห็นได้ว่าฟอร์มการเล่นในลีก “เดือนพฤศจิกายน” เป็นสิ่งที่สร้างความวิบัติให้กับทีมเป็นประจำ โดยค่าเฉลี่ยคะแนนที่ได้ต่อเกม “น้อยที่สุด” คือ 1.59 คะแนนจากการเล่น 1 นัด ถ้าเทียบกับเดือนอื่นๆอย่าง “เดือนสิงหาคม” หรือ “เดือนมกราคม” ที่ว่าได้คะแนนต่อนัด “น้อย” แล้ว ประมาณ 1.88-1.89 ก็ยังเทียบเดือนก่อนสุดท้ายของปีไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาใหญ่ของทีมที่เห็นเป็นประจำทุกฤดูกาล คือ “นักเตะกระดูกยุง” เหลือเกิน เอาแค่ฤดูกาลนี้ช่วงเวลานี้ก็มีตัวผู้เล่นเจ็บหรือไม่สมบูรณ์อยู่หลายคน ไม่ว่าจะที่เจ็บอยู่อย่าง “แพร์ แมร์เตซัคเคอร์” “แดนนี่ เวลเบ็ค” หรือพวกที่เจ็บบ่อยหรือไม่ฟิตอย่าง “เฮคตอร์ เบเญริน” “ซานติ การ์ซอร่า” “นาโช่ มอนเรอัล” “คีแรน กิบบส์” หรือ “ธีโอ วัลคอตต์” ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมช่วงฤดูกาลทีมเกาะกลุ่มนำมอยู่ดีๆและจะมาถูกทิ้งห่างในช่วงกลางฤดูกาล

เรื่องนี้ส่งผลให้ “เวงเกอร์” ต้องซื้อนักเตะใหม่เข้ามาร่วมทีมทุกฤดูกาล อย่างฤดูกาลก่อนมี “โธมัส โรซิสกี้” “แจ็ค วิลเชียร์” หรือ “มิเกล อาร์เตต้า” ก็มักจะอยู่โรงหมอมากกว่าในสนามฟุตบอล จนตอนนี้นักเตะในทีมชุดใหญ่เชื่อว่ามีไม่น้อยกว่าทีมอื่นแน่ ประมาณ 35 คนเลยทีเดียว

ในยุคนี้ต้องยอมรับว่า ขุนพลปืนใหญ่เป็นทีมที่มีความพร้อมไม่แพ้ สองทีมใหญ่จากเมืองแมนเชสเตอร์ หรือ “เชลซี” ในเรื่องของขุมกำลัง บางทีอาจจะดีกว่าทั้งหมดด้วยซ้ำ แต่ก็เข้าข่าย “ท่าดีทีเหลว” เป็นประจำ โดยเฉพาะเวลาที่ต้องลงเล่นฟุตบอลหลายๆรายการพร้อมกันในช่วงเดียวกัน

ถ้ายิ่งไปดูสถิติการได้คะแนนต่อนัดในเดือนต่างๆ จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ช่วง “เดือนพฤศจิกายน” จนถึง “เดือนกุมภาพันธ์” ตลอด 20 ปีของยุคเวงเกอร์ นัดนึงทีมได้ไม่ถึง 2 คะแนน (“พฤศจิกายน” 1.59 คะแนน “ธันวาคม” 1.99 คะแนน “มกราคม” 1.89 คะแนน และ “กุมภาพันธ์” 1.97 คะแนน)

แต่ก่อนช่วงนี้อย่าง “กันยายน” 2.14 คะแนน “ตุลาคม” 2.15 คะแนน หรือผ่านช่วงนี้ตั้งแต่ “มีนาคม” 2.18 คะแนน “เมษายน” 2.09 คะแนน และ พฤษภาคมที่ 1.95 คะแนน เรียกว่าเดือนสุดท้ายของฤดูกาลคะแนนต่ำลงมาเพราะไม่มีแรงจูงใจแล้ว รู้ว่าหมดลุ้นความสำเร็จจนต้องส่งเด็กลงเล่นเลยไม่แคร์ผลสักเท่าไหร่

สุดท้ายฤดูกาลนี้ฟอร์มของทีมจะเข้าสูตรเดิมเหมือนตลอด 10 ปีที่ผ่านมาหรือเปล่า แฟนบอลคงต้องลุ้นดูพร้อมขออย่าให้ “อเล็กซิส ซานเชส” กับ “เมซุต โอซิล” สองตัวรุกที่ตอนนี้กำลังเล่น “แบกเกมรุกของทีม” ครับ

แบงค์ พิพัช