สกู๊ป : "เรือใบ" ของเป็ปกลับมาแล้ว

สกู๊ป : "เรือใบ" ของเป็ปกลับมาแล้ว

สกู๊ป : "เรือใบ" ของเป็ปกลับมาแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีสำหรับเดือนใหม่ของ “เป็ป กวาดิโอร่า” และลูกทีม “แมนฯซิตี้” ที่เปิดบ้านเอาชนะทีมจากต่างดาวอย่าง “บาร์เซโลน่า” 3-1 ในฟุตบอล “แชมเปี้ยนลีก” เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ต่อจากเกมลีกที่เพิ่งบุกไปถล่ม “เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน” 4-0 เพราะก่อนหน้านี้ไม่น่าเชื่อว่าทีมไม่สะกดว่าชนะมา 6 นัดติด

โดยเสมอ 4 นัด แพ้ 2 นัด แน่นอนว่าสิ่งที่เปลี่ยนไป 2 นัดล่าสุดกับ 6 นัดที่ไม่ชนะใคร คือ “เกมรับ” ที่ “เป็ป” ตัดสินใจยอมเปลี่ยนระบบจากการเล่นกองหลัง 3 ตัว มาเล่นกองหลัง 4 ตัวอีกครั้ง ซึ่งเป็นรูปแบบเกมรับที่นักเตะที่มีอยู่ภายในทีมคุ้นเคยมากกว่า ถึงแม้ว่าดูจากรายชื่อกองหลังภายในทีมอาจจะเป็นรองทีมใหญ่ทีมอื่นก็ตาม


 สำหรับเกมที่ชนะ “บาร์เซโลน่า” ในบ้านถือว่าเป็นการเอาคืนเสียงวิพากย์วิจารณ์ เกมก่อนหน้านี้ที่บุกไปเยือนแล้วแพ้ 0-4 ซึ่งเคยเขียนไปก่อนหน้านี้ว่าจุดอ่อนของเรือใบชุดนี้คือ “เกมรับ” การเล่นกองหลัง 3 คน ถ้าไม่ใช่ทีมที่เล่นด้วยระบบนี้มาก่อนหน้านี้โดยเฉพาะบรรดาทีมในอิตาลี ไม่มีทางที่นักเตะจะเข้าใจและเล่นได้แบบเต็มศักยภาพ เพราะหน้าที่ของ “เซนเตอร์ 3 คน” ในเรื่องของรายละเอียดแตกต่างจากการเล่นแบบ “คู่เซนเตอร์”

 ต่อจากนี้เชื่อว่า “เป็ป” คงไม่เปลี่ยนเปลี่ยนระบบการเล่นเกมรับของทีม เพราะน่าจะได้จุดลงตัวเรียบร้อยแล้ว ช่วงนี้คงใช้ “นิโกล่าห์ โฮตาเมนดี้” กับ “จอห์น สโตน” เป็นหลักไปก่อน แต่เชื่อว่าเร็วๆนี้หรืออาจจะเป็นเกมหน้าก็จะได้ “แว็งซอง กอมปานี” กลับมา เพราะเกมกับบาร์ซ่าก็มีชื่อเป็นตัวสำรอง และให้ “เฟร์นานโด” กับ “อเล็กซานเดอร์ โคราลอฟ” เป็นแบ็ก

 ส่วนเกมแดนกลาง ใช้มิดฟิลด์ตัวรับ 2 คน อย่าง “อิลคาย กุยโดกัน” กับ “แฟร์นันดิญโญ่” กลับลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อซึ่งตรงนี้ต้องชมเป็ปที่ยอมเข้าใช้ธรรมชาติของนักเตะที่ทีมมีอยู่ก่อนหน้าที่ตัวเองมา แล้วปรับได้สูตรที่ดีที่สุด ถ้าจะให้เล่นเหมือนบาเยิร์น หรือบาร์ซ่าที่ตัวเองเคยคุมทีมมาคงจะไม่เหมาะกับทีมเรือใบ


 เกมรุกต้องยอมรับว่า “แมนฯซิตี้” ไม่น้อยหน้าทีมไหน ตั้งแต่มิดฟิลด์ตัวรุกอย่าง “เควิน เดอ บรอนด์” “ดาวิด ซิลบา” “ราฮีม สเตอร์ริ่ง” พร้อม “เซร์คิโอ กุน อาเกวโร่” ที่รับบทเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ถือว่าเป็นระดับเวิร์ดคลาส

ภาพรวมในเกมที่เจอกับ “บาร์ซ่า” ต้องบอกว่า “เป็ป” ทำได้ดีมากๆ โดยเฉพาะการที่ไม่พยายามครองบอล หรือต่อบอลสู้ แต่เลือกที่จะโจมตีจุดอ่อนของคู่แข่งที่ยึดติดกับการเล่นบอลแบบเท้าสู้เท้ามากเกินไป อย่างลูกแรกที่ทีมตีเสมอก็มาจากการบีบกองหลังของคู่แข่งที่ไม่ยอมโยนบอลแต่เลือกติ๊กชึ่งจนเสียบอล รวมทั้งลูกที่ 3 ที่ตัดบอลแล้วสวนกลับมาจนได้ประตู

 แน่นอนว่าสถิติหลังเกม การครองบอลไม่แปลกใจว่า ทำไมแมนฯซิตี้ครองบอลเพียง 35 เปอร์เซนต์ แต่ถ้ามาดูโฮกาสในการยิงประตู ทีมมีโอกาสยิงมากกว่า 13 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง ถ้าเทียบกับบาร์ซ่าที่ยิง 8 ครั้ง เข้ากรอบ 2 ครั้ง เชื่อเถอะว่ามีไม่กี่ทีมที่แข่งกับบาร์ซ่าแล้วโอกาสยิงมากกว่า


ในแง่เกมรุก “เป็ป” ไม่ได้โปรแกรมให้ลูกทีมต้องต่อบอล ติ๊กชึ่ง หรือ Tikki-takka เข้าไปยิงประตูให้ได้เหมือนสมัยคุมบาร์ซ่า แต่คงสั่งลูกทีมว่า ถ้ามีโอกาส มีช่องยิงและมั่นใจ “ก็ยิงเข้าไปเลย”

มาถึงตรงนี้เชื่อว่า “แมนฯซิตี้” นอกจากได้ระบบทีมที่ลงตัวอีกครั้ง นักเตะภายในทีมก็กลับมามีความมั่นใจ ฮึกเฮิม อย่างแน่นอน พร้อมที่จะล่าความสำเร็จต่อในฤดูกาลนี้

สุดท้ายคงต้องซูฮกว่า “เป็ป” เก่งจริงๆ ไม่ใช่กุนซือที่ยึดติดกลับรูปแบบความสำเร็จในอดีต มิเช่นนั้นเรือใบลำนี้คงไม่กลับมาได้แบบนี้หรอกครับ     


เรื่องโดย : แบงค์ พิพัช

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook