คนไม่มีวาสนา...อาบู ดียาบี้

คนไม่มีวาสนา...อาบู ดียาบี้

คนไม่มีวาสนา...อาบู ดียาบี้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากเด็กหนุ่มผู้มีอนาคตแห่งศูนย์ฝึกฟุตบอลแกลร์กฟงแตนอันเลืองชื่อ สู่การเซ็นสัญญาครั้งสำคัญกับอาร์เซนอล ความจริง อาบู ดียาบี้ สมควรได้รับการยกย่องมากกว่านี้ หากโชคชะตาช่วยเมตตาเทใจให้เขาสักหน่อย

หลัง อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซืออาร์เซนอล เบียดเอาชนะ โจเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมเชลซีในเวลานั้น จ่ายเงิน 2 ล้านปอนด์ กระชาก ดียาบี้ มาจากโอแซร์ เด็กหนุ่มจากปารีส ได้รับการยกย่องทันทีในฐานะตัวตายตัวแทนของ ปาทริค วิเอร่า

อย่างไรก็ตาม คล้อยหลังการเซ็นสัญญาเพียงแค่ 2 เดือน ดียาบี้ กลับได้รับบาดเจ็บข้อเท้าหักจากการเข้าสกัดของ แดน สมิธ ปราการหลังซันเดอร์แลนด์ ซึ่งนั่นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเส้นทางการค้าแข้งของเจ้าตัวไปโดยปริยาย

นับจากวันที่ 1 พฤษภาคม 2006 ดียาบี้ ใช้เวลา 9 ปีหลังจากนั้นในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม หมดไปกับการรักษาตัวบนเตียงพยาบาล ด้วยอาการบาดเจ็บรวมแล้วกว่า 42 ครั้ง หรือเฉลี่ย 1 ครั้ง ต่อ 79.5 วัน

เรียกได้ว่าเจ้าตัวแทบไม่เคยได้เล่นฟุตบอลอย่างมีความสุขเหมือนเพื่อนร่วมอาชีพคนอื่นเลย !!!

สุดท้าย เวนเกอร์ จำต้องลอยแพ ดียาบี้ ออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์ 2015 เนื่องจากไม่อาจเยียวยาอาการบาดเจ็บถี่ยิบของนักเตะได้ แม้จะเสียดายพรสวรรค์มากเพียงใดก็ตาม


แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนทางจิตใจต่อ ดียาบี้ เมื่อต้องอำลาสโมสรที่รักโดยยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองมากนัก แถมอาการบาดเจ็บที่ยาวเป็นหางว่าว มันคงยากที่ใครจะยื่นโอกาสลงสู่ฟลอร์หญ้าให้อีกครั้ง

หากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นกับผมหรือท่านผู้อ่าน เชื่อว่าอาจถอดใจหรือกลัวความเจ็บปวดจนเลิกเล่นไปแล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับชายที่ชื่อ..ดียาบี้ เมื่อเจ้าตัวยืนยันเสียงแข็งว่าพร้อมกลับคืนสนามทุกวินาทีที่มีโอกาส

ดียาบี้ เคยกล่าวไว้ว่า “ผมได้เรียนรู้มากมายจากอาการบาดเจ็บที่เผชิญ แต่ผมไม่เคยเปลี่ยนความคิดหรือทัศนคติที่มีเลย ผมจะยังคงทำงานหนักต่อไป เพราะเชื่อว่าอย่างไรก็จะได้กลับมาลงสนามอีกครั้ง”

“ผมเชื่อว่าตัวเองยังสามารถลงเล่นในเกมระดับสูงได้ ผมไม่ยอมแพ้ และไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ เมื่อคุณมองไปยังผู้เล่นอีกหลายรายที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนต้องเลิกเล่น คุณจะรู้ได้ทันทีว่าโชคดีมากแค่ไหน”

ด้วยทัศนคติอันยอดเยี่ยมของ ดียาบี้ ทำให้ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เจ้าตัวจะมองหาสังกัดใหม่ ก่อนจะโยกกลับบ้านเกิดไปร่วมทัพยักษ์หลับอย่าง โอลิมปิก มาร์กเซย โดยเลือกปฏิเสธ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน อีกหนึ่งสโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ดียาบี้ ให้เหตุผลถึงการตัดสินใจย้ายกลับไปยังลีก เอิง ฝรั่งเศส ว่า “สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการมองหาสโมสรที่สามารถช่วยดูแลผมได้อย่างเต็มที่ และพบว่ามาร์กเซย เป็นสถานที่ที่ดีกว่าเวสต์บรอมวิช”

“ผมไม่ได้เล่นฟุตบอลมา 2 ปี นั่นเป็นช่วงเวลาที่นานมาก ผมจึงต้องเร่งฟื้นฟูสภาพร่างกายเป็นอันดับแรก เพื่อให้กลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกครั้ง แต่แน่นอนว่ามันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายเลย”


อย่างไรก็ตาม แม้ได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรที่ใช่อย่างมาร์กเซย แต่ ดียาบี้ ยังต้องใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับอาการบาดเจ็บที่ได้รับในสนามฝึกซ้อม ทำเอาปิดฉากครึ่งซีซั่นแรกไปโดยไม่มีส่วนร่วมกับทีม

ครั้นเมื่อกลับมาลงสนามได้ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็มีอันโดนหามออกไปรักษาตัว ทั้งที่เพิ่งก้าวลงสัมผัสยอดหญ้าเพียงแค่ 12 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าการลงสนามแต่ละวินาที ชีวิตของดียาบี้ล้วนแขวนอยู่บนเส้นด้าย

กระทั่งวันที่ 3 เมษายน 2559 สิ่งที่ ดียาบี้ เฝ้ารอคอยมาอย่างยาวนานก็สิ้นสุดลง เมื่อได้รับโอกาสออกสตาร์ตเป็นตัวจริงให้มาร์กเซย ซึ่งเป็นเกมแรกที่เจ้ากลับมามีชื่ออยู่บนทีมชีตในรอบ 3 ปี !!!

ทว่าดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ปล่อยให้ ดียาบี้ มีความสุขได้นาน เมื่อจัดการส่งอาการบาดเจ็บมาตามรบกวน ดียาบี้ อยู่เป็นระยะ แม้ไม่หนักหนาสาหัสเหมือนที่แล้วมา แต่ก็สร้างบาดแผลบนตัวห้องเครื่องร่างโย่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เวลาล่วงเลยผ่านเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ 2016/17 สถิติการลงสนามรวมทุกรายการของ ดียาบี้ หยุดนิ่งอยู่ที่ 6 นัด จนผู้คนเริ่มตั้งคำถามถึงอนาคตในถิ่นสต๊าด เวโลโดรม ว่าเหลือเพียงแค่รอฉากจบเท่านั้นหรือไม่ ???

วันเสาร์ที่ผ่านมาก็เช่นกัน ดียาบี้ ได้รับข่าวร้ายที่สุดในรอบหลายเดือน เมื่อได้รับบาดเจ็บข้อเท้าจนไม่สามารถฝึกซ้อมได้ สุดท้ายทีมแพทย์มาร์กเซย ตัดสินใจส่งเจ้าตัวไปเข้ารับการผ่าตัด และต้องพักยาว 4 เดือน

...แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การร้างสนามที่ยาวนานที่สุดที่ ดียาบี้ ต้องพบเจอ

...แน่นอนว่านี่ไม่ใช่อาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงที่สุดที่ ดียาบี้ เคยพบผ่าน

...และแน่นอนว่าด้วยความมุ่งมั่นของ ดียาบี้ เจ้าตัวจะกลับมาวิ่งปร๋อในไม่ช้า

แต่นี่จะไม่ใช่อาการบาดเจ็บครั้งสุดท้ายที่ ดียาบี้ ต้องพบเจอ และเราไม่ทราบว่าเขาต้องแบกรับความผิดหวังและเจ็บปวดจากเรื่องราวแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เมื่อต้องใช้ชีวิตแบบนี้มาแล้วเกินกว่า 10 ปี

ก็ได้แต่ภาวนาว่าจะมีสักครั้งนับจากอาการบาดเจ็บหนนี้ที่ ดียาบี้ สามารถกลับมาลงสนามได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ให้เหมือนนักเตะผู้ใช้ลำแข้งหาเลี้ยงชีพ มิใช่ใช้พาดเตียงในห้องพยาบาล

จนกว่าวันที่ ดียาบี้ ก้มหน้ายอมรับในโชคชะตา และยอมแพ้ต่อวาสนาที่มีในชาตินี้ ผมขอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แค่สักเกมที่เขาได้ลงสนามเต็ม 90 นาที และสนุกไปกับการเล่นฟุตบอลอันเป็นที่รัก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook