บิ๊กแมตช์กินกันไม่ลงบีจีเจ๊ากิเลน0-0,ชลรอดตาย2-2

บิ๊กแมตช์กินกันไม่ลงบีจีเจ๊ากิเลน0-0,ชลรอดตาย2-2

บิ๊กแมตช์กินกันไม่ลงบีจีเจ๊ากิเลน0-0,ชลรอดตาย2-2
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook


ฟุตบอลสปอนเซอร์ไทยพรีเมียร์ลีก
บางกอกกล๊าส เอฟซี 0-0 เมืองทองฯ ยูไนเต็ด


บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ที่สนาม ลีโอ สเตเดี้ยม "กล๊าสแร็บบิท" บางกอกกล๊าส เอฟซี เปิดบ้าน ต้อนรับการมาเยือนของ "กิเลนผยอง" เมืองทอง ยูไนเต็ด

ก่อนเริ่มซีซั่นถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งทีมที่มีลุ้นแชมป์ ต้องลงเล่นภายใต้ความกดดันหลังจากพ่าย พัทยา ยูไนเต็ด 1-2 ในเกมแรก ขณะที่ "กิเลนผยอง"ต้องการเรียกความมั่นใจของพวกเขากลับมาจากการพลาดรายการสำคัญอย่าง ถ้วยก. และ เอเอฟซี แชมป์เปี้ยนลีก ไปแล้ว

ศุภสิน ลีลาฤทธิ์ จำเป็นต้องคว่า 3 คะแนนในเกมนี้เพื่อต่ออายุการเป็นหัวเรือใหญ่บีจี ในขณะที่พวกเขามีสถิติในบ้านยอดเยี่ยมเมื่อฤดูกาล 2010 จากการแพ้แค่นัดเดียว เกมนี้ส่ง ไมเคิล เบิร์น ลงมาคุมแดนกลางแทน พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ ขณะที่ ซิลแวงค์ อินดองก้า ไม่มีชื่อกระทั่งสำรอง 

ส่วน โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ เทรนเนอร์ขัดตาทัพของ กิเลน เพิ่งเข้ามารับงานต่อจาก คาร์ลอส คาร์วัลโญ่ ที่โดนเด้งไปอย่างรวดเร็วหวังจะลบฝันร้ายในการลงเล่นบนหญ้าเทียมแห่งนี้ซึ่งพวกเขาแพ้มาตลอด 3 นัดใน 2 ปี จับ อานนท์ สังสระน้อย ยืนกองหน้าคู่กับ ธีรศิลป์ แดงดา เป็นครั้งแรก โดย ไม่มี โทนี่ คาลลิโอ้ และ เซช เรห์มาน ตามคาด

เริ่มเกมมา 4 นาที โอกาสครั้งแรกเป็นของเจ้าถิ่น เบิร์น เปิดฟรีคิกจากริมเส้นมากลางประตู ณัฐพร โหม่งสกัดเข้าทาง ทากิซาว่า ตวัดอีกทีติดบล็อก น.10 บีจี เกือบได้ประตูอีกครั้ง เบิร์น เปิดลูกตั้งเตะเหมือนเดิม ณัฐพร โหม่งออกมาเข้าทางปืน ทากิซาว่า หน้ากรอบ ตะบันเต้มข้อ ไปติดหัว ณัฐพร เช็ดออกหลังหวุดหวิด

 น.12 กิเลน สวนกลับมา อาทิตย์ ดาวสว่าง แทงทะลุให้ อานนท์ หลุดไปซัด ติดขา กฤษกร น.23 โอกาสครั้งแรกของ ศรายุทธ ชัยคำดี ได้กลับตัววอลเลย์หน้ากรอบเขตโทษบอลหลุดเสาสองแบบได้ลุ้น

น.26 บีจี ที่เสียฟาวล์เป็นว่าเล่นในระยะ 30 หลาเกือบโดนลงโทษ แต่ลูกยิงของ ดัสกร ทองเหลา ยังถูกปฏิเสธโดย กฤษกร ผ่านครึ่งชั่วโมงพอดี เมืองทอง พลาดโอกาสทองอย่างน่าเสียดาย จักรพันธ์ พรใส หลุดไปจนสุดเส้นก่อนจะผ่านมาหน้าประตู อานนท์ เข้าไม่ถึง บอลเลยมาถึง ทอธ ได้ซัดเหน่งๆข้ามคานอย่างเหลือเชื่อ

น.37 บีจี ต้องเสีย ทากิซาว่า ที่ฟอร์มดีมาตลอดหลังได้รับบาดเจ็บจากการปะทะจนเล่นต่อไม่ไหวต้องส่ง สุธี สุขสมกิจ ลงมาเล่นแทน จากนั้นทั้งสองทีมยังทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้หมดครึ่งแรกเสมอ 0-0

เริ่มครึ่งหลัง กิเลน เป็นฝ่ายกดดันเข้าใส่อยู่ข้างเดียว น.53 ทอธ วางให้ อานนท์ เทคตัวโหม่งตรงบริเวณจุดโทษก็ยังไม่เข้าเป้า น.66 โรเบิร์ต เปลี่ยนคนแรกส่ง คริสเตียน เคาคู ลงมาแทน จักรพันธ์ พรใส ขณะที่ บีจี เปลี่ยนอีกคนให้ พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ แทน ไมเคิล เบิร์น

น.61 ดัสกร หลอกจะเปิดฟรีคิกแต่ไหลมาใหเ ธีรศิลป์ ซัดจากนอกกรอบบอลโด่งไปอีก ทีมเยือนยังกดดันต่อเนื่อง ดัสกร ได้ตั้งเตะระยะ 30 หลาอีกครั้งคราวนี้กึ่งยิงกึ่งผ่านเข้ามา ดักโน่ โฉบตัดหน้า กฤากร ก่อนจะตวัดยิงหลุดเสาแรกไปนิดเดียว

น.71 ศุภสิน ต้องการ 3 แต้มเต็มที่ถอดเซนเตอร์ ธฤติ ออกและส่ง ศรัณย์ พรมแก้ว ลงมาเติมแดนกลาง ส่วนเมืองทอง ให้ นฤพล อารมณ์สวะ ลงมาแทน ทอธ 

น.82 ทั้งสองทีมต้องมาเหลือผุ้เล่น 10 คนจากจังหวะที่ ซิลล่า ไปอัดกับ ภานุพงศ์ ก่อนที่ ดัสกร จะเข้าไปเอาเรื่องกับ ซิลล่า อดีตเพื่อนร่วมทีมจนผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเข้ามาห้ามทัพ ผุ้ตัดสิน อภิสิทธิ อ้นรักษ์ ตัดสินใจควักใบแดงไล่ทั้ง ซิลล่า และ ดัสกร ออกทันที  

น.90 กิเลนมีเสียว สุธี ปั่นฟรีคิกไปแฉลบข้ามคานนิดเดียว เจ้าถิ่นกดดันได้เตะมุมถึง 2 ครั้งแต่แนวรับเมืองทองช่วยกันสกัดไปได้ ช่วงทดเวลาสาวกกระต่ายแก้วเกือบได้เฮเมื่อ ศรายุทธ ส่งบอลเข้าซุกก้นตาข่ายแต่ผู้ตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้า ก่อนจะหมดเวลาทำให้เมืองทอง สามารถบุกเก็บแต้มจากลีโอ สเตเดี้ยม ได้เป็นครั้งแรกจากการเสมอ 0-0

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บางกอกกล๊าส เอฟซี: กฤษกร เกิดผล - ศุภชัย คมศิลป์, ธฤติ โนนศรีชัย, อำนาจ แก้วเขียว, ทนงศักดิ์ ประจักกะตา - อนาวิน จูจีน, มุสซ่า ซิลล่า, ไมเคิ่ล เบิร์น, คุนิฮิโกะ ทากิซาว่า - ศรายุทธ ชัยคำดี, ชาตรี ฉิมทะเล
เมืองทอง ยูไนเต็ด: กวิน ธรรมสัจจานันท์ - วีระวุฒิ กาเหย็ม, ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์, ภานุพงศ์ วงศ์ษา, อาทิตย์ ดาวสว่าง - ดักโน่ เซียก้า, ดัสกร ทองเหลา, จักรพันธ์ พรใส - อานนท์ สังสระน้อย, ธีรศิลป์ แดงดา


โอสถสภา เอ็ม 150 สระบุรี  2-2  ชลบุรี เอฟซี


ที่สนามอบจ. สระบุรี เป็นการพบกันของ "พลังเอ็ม" โอสถสภา เอ็ม 150 สระบุรี ต้อนรับการมาเยือนของ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ก่อนเกมจะเริ่มขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมงมีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีปัญหาสามารถลงทำการแข่งขันได้ตามปกติ

โดย เจ้าบ้าน นั้นเกมนี้คือเกมแรกในฤดูกาล 2011 วันนี้ส่งชุดใหญ่ลงสนามทั้ง เจษฏา พั่วนะคุณมี, สุรเดช ธงชัย และ เคลตัน ซิลวา ส่วนทีมเยือนลงสนามมาแล้ว 1 เกม ด้วยการเปิดบ้านปราบทีมแกร่งอย่าง การท่าเรือ 2 - 0 ซึ่งเกมในเกมนี้จัดทัพใหญ่เช่นเดียวกันทั้ง สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, เทิดศักดิ์ ใจมั่น และ พิภพ อ่อนโม้

เริ่มเกมในครึ่งเวลาแรกเวลายังเดินมาไม่ถึง 2 นาที ทีมเยือนได้ทักทายก่อนทันทีจากจังหวะการยิงไกลระยะเกือบ 30 หลาของ "เชอร์รี่" เอกพันธ์ อินทเสน บอลพุ่งเข้ากรอบแต่ยังดีที่นายทวารเจ้าบ้านไม่เผลอพุ่งตะปบไว้ได้อย่างสวยงามเช่นกัน
 
แต่แล้ว น.6 เจ้าบ้านก็มาพลาดการได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดายเมื่อ พิพัฒน์ ต้นกันยา กองหน้าตัวใหม่ของทีมหลุดเข้าไปยิงส่งบอลไปกองก้นตาข่ายได้สำเร็จแต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน
 
แต่แล้ว น.11 ประตูแรกของเกมก็เกิดขึ้นจนได้จากความผิดพลาดของเจ้าบ้านเมื่อ คาตาโน ฮิโรมิชิ จ่ายบอลคืนหลังสั้นเกินไป ประกอบกับ ฉัตรชัย บุตรพรม นายทวารพยายามจะวิ่งมาเล่นบอลแต่โดน พิภพ อ่อนโม้ ปั้มบอลไปได้ก่อนที่จังหวะสุดท้ายจะไหลไปเข้าทาง "น้าเทิด" เทิดศักดิ์ ใจมั่น กระดกบอลข้ามผู้เล่นของทีมเยือนที่ไปบังประตูเข้าไปอย่างใจเย็น พร้อมส่งให้ ฉลามชล บุกมานำ พลังเอ็ม ไปแล้ว 1-0 
 
แต่แล้ว น.17 เจ้าบ้านก็มาตีเสมอได้ทันควันจากความผิดพลาดของกองหลังทีมเยือนเช่นกันที่สกัดบอลไม่ดีมาเข้าทางปืนของ พิพัฒน์ ต้นกันยา ที่คราวนี้ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุด เมือซัดเต็มแรงผ่านนายทวารทีมเยือนเข้าไปอย่างเด็ดขาด ทำให้สกอร์ในตอนนี้กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 1-1
 
ผ่านครึ่งชั่วโมงแรกมาแล้วเกมยังคงสูสี แม้ว่าทั้งสองทีมจะพยายามบุกใส่กันอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยสภาพพื้นสนามที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าที่ควรทำให้การต่อบอลของทั้งคู่ยังคงสะเปะสะปะพอสมควร ส่งผลให้จังหวะจบสกอร์เกิดขึ้นน้อย เนื่องจากเกมส่วนใหญ่จะมาบู๊กันบริเวณกลางสนามเป็นหลัก น.45 เจ้าบ้านได้โอกาสลุ้นประตูเมื่อ สุรเดช ธงชัย ได้ลองซัดหน้ากรอบเขตโทษเต็มแรงแต่ยังโดนนายทวารทีมเยือนปัดออกมาได้ หลังจากนั้นไม่นานผู้ตัดสินก็เป่านกหวีดจบ 45 นาที พลังเอ็ม ยังเสมออยู่กับ ฉลามชล 1-1

ในครึ่งเวลาหลัง ทั้งสองทีมไม่มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นยังคงใช้ชุดเดิมลงบู๊ต่อไป และเพียง 2 นาทีของครึ่งหลังเป็นเจ้าบ้านที่ได้บุ้นประตูทันทีจากจังหวะลักไกยิงมุมแคบของ ลาซาลุส คุมเบ้ แต่ยังไม่ผ่านมือนายทวารทีมเยือนที่ยังปัดออกมาได้ ต่อมา น.55 ทีมเยือนพลาดการได้ประตูที่ 2 อย่างเหลือเชื่อเมื่อได้จังหวะโต้กลับขึ้นมาทางฝั่งขวาแลเะเป็น เนย์ ฟาเบียโน่ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาซัดจ่อๆ แต่จังหวะสุดท้ายโดน คาตาโน ฮิโรมิชิ สกัดออกมาจากเส้นประตูอย่างหวุดหวิด
 
ผ่าน 1 ชั่วโมงของเกมมาแล้วทั้งสองทีมเริ่มทยอยเปลี่ยนผู้เล่นสำรองลงสนามมาเปลี่ยนเกม โดยเฉพาะเจ้าบ้านที่ต้องเสีย เคลตัน ซิลวา ที่มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่งเพื่อนร่วมชาติอย่าง อันโตนิโอ พีนาร์ ลงมาเล่นแทน ถัดมา น.75 โอกาสของทีมเยือนบ้างเมื่อ เนย์ ฟาเบียโน่ ได้ลองซัดในกรอบเขตโทษแต่เบาเกินไปนายเจ้าบ้านล้มตัวรับเอาไว้ได้สบาย
 
น.78 แฟนบอลเจ้าบ้านก็ได้เฮกันลั่นสนามเมื่อ พลังเอ็ม มาได้ประตูหนีห่างไปเป็น 2-1 จากจังหวะที่ตัวสำรองอย่าง อนิรุตน์ สืบยิ้ม ได้ส้มหล่นในกรอบเขตโทษก่อนจะหลอกกองหลังทีมเยือนหนึ่งจังหวะและยิงด้วยเท้าขวาแบบบดๆ เข้าผ่านตัวนายทวารเข้าไปอย่างงาสยดาย พร้องส่งให้ โอสถฯ ได้ประตูขึ้นนำเป็นครั้งแรกของเกมนี้
 
เข้าสู่ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน ชลบุรี เอฟซี พยายามเร่งเกมบุกอีกครั้งหวังทำประตูตีเสมอให้ได้ และก็มาประสบผลสำเร็จในนาทีที่ 88 จากจังหวะเตะมุมเข้ามาและเป็น พิภพ อ่อนโม้ จับบอลในกรอบเขตโทษก่อนจะตวัดเข้ามากลางประตูให้กับ ไดกิ ฮิงูชิ ตัวสำรองที่เพิ่งลงมาซัดจ่อๆ เข้าไป ส่งผลให้ ฉลามชล กลับมาตีเสมอ พลังเอ็ม เป็น 2-2 จนได้ ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดพังประตูเพิ่มกันได้ ทำให้จบเกมการแข่งขันเสมอกันไปอย่างสุดมันส์ 2-2  แบ่งกันไปทีมละหนึ่งคะแนน 
 
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โอสถฯ สระบุรี: ฉัตรชัย บุตรพรม, บุญมี บุญรอด, คาเล็จ ฟารีด, เคลตัน ซิลวา, เจษฏา พั่วนะคุณมี, ลาซาลุส คุมเบ้, สุรเดช ธงชัย, พิพัฒน์ ต้นกันยา, เกรียงศักดิ์ ชุมพรผ่อง, คาตาโน ฮิโรมิชิ, มาซิโอ ดาซิลวา
ชลบุรี เอฟซี: สินทวีชัย หทัยรัตนกุล, สุรีย์ สุขะ, อาทิตย์ สุนทรพิธ, เอกพันธ์ อินทเสน , พิภพ อ่อนโม้, อนุชา กิจพงษ์ศรี, เทิดศักดิ์ ใจมั่น, ดาร์โก ราโคเซวิค, อดุลย์ หละโสะ, คาซูโตะ คูชิดะ, ชลทิตย์ จันทคาม

 

ผลการแข่งขันคู่อื่นๆ มีดังนี้

- บางกอกกล๊าส เอฟซี   เสมอ   เมืองทองฯ ยูไนเต็ด  0-0

- โอสถสภา เอ็ม–150- สระบุรี  เสมอ   ชลบุรี เอฟซี  2-2

- ราชนาวี-ระยอง  แพ้   เชียงราย ยูไนเต็ด  1-3

- เอสซีจี สมุทรสงคราม เอฟซี   ชนะ  ศรีสะเกษ - เมืองไทย เอฟซี  2-1

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook