สกู๊ป : บิ๊กทีม-บิ๊กดีล "ตลาดนักเตะ ณ ครึ่งเดือนแรก"

สกู๊ป : บิ๊กทีม-บิ๊กดีล "ตลาดนักเตะ ณ ครึ่งเดือนแรก"

สกู๊ป : บิ๊กทีม-บิ๊กดีล "ตลาดนักเตะ ณ ครึ่งเดือนแรก"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นับจากวันเปิด “ตลาดนักเตะ” 1 ก.ค.ที่ผ่านมา บรรดา “ดีลซื้อขาย” แบบเป็นทางการก็ทะยอย “เปิดตัว” กันแบบน่าตื่นเต้นสนุกสนาน และขยี้ต่อม “เผือก” อยากรู้อยากห็นของแฟนบอลได้มากมายทีเดียวครับ

จริง ๆ แล้ว กว่าจะถึงขั้นตอนการเซ็นสัญญาเรียบร้อยอย่างเป็นทางการ และชูเสื้อ หรือผ้าพันคอให้เห็นกัน

การ “เจรจา” ได้ตำเนินการมาพักใหญ่แล้วล่ะครับ ผ่าน “กระบวนการ” สรรหาของสโมสรไม่ว่าจะบอร์ดบริหาร, ผู้จัดการทีม, ทีมงานแมวมอง ฯลฯ

หรือหาก “ย้อนไป” มากกว่านั้นอีก แต่ละทีมต้องมีการ “ประเมินผล” ผู้เล่นเดิม และผลงานของทีม (ซีซั่นที่ผ่านมา) เพื่อวิเคราะห์จุดอ่อน/จุดแข็งอันจะมีผลต่อการเสริมนักเตะใหม่ หรือโละนักเตะเก่าสำหรับฤดูกาลใหม่

คร่าว ๆ เลยครับ หากมี “กระดาษ” สัก 1 แผ่น การเขียนระบบการเล่นพร้อมหยอดนักเตะลงแต่ละตำแหน่ง คือ “เบสิค” ที่ต้องกระทำ

วิธีการอาจแตกต่าง แต่นั่นแหละครับจะทำให้ “เห็นภาพ” ว่า ใน 11 ตำแหน่งตั้งแต่ผู้รักษาประตู ยันกองหน้า แต่ละทีมได้ผู้เล่นครบทุกตำแหน่งแบบพึงพอใจหรือไม่?

เช่น กองหน้าตัวเป้าระดับ “ซีเนียร์” ของลิเวอร์พูลหลัง แดนนี่ อิงค์ส หายเจ็บกลับมาจะมีทั้ง แดเนียล สเตอร์ริดจ์, คริสติยอง เบนเตเก้, ดิว็อค โอริกี้, มาริโอ บาโลเตลลี่

ไม่นับ “หน้าต่ำ” ที่สามารถสอดแทรกไปเป็น “หน้าเป้า” ได้อย่าง โรแบร์โต้ เฟียร์มิโน่ และนักเตะใหม่ ซาดิโอ มาเน่

ซึ่งหากลิเวอร์พูลเล่นระบบ 4-2-3-1 จะมีถึง 5 คนหน้าเป้าแย่งตำแหน่งเดียว

ฉะนั้นหลัง “ประเมินแล้ว” เจอร์เก้น คลอปป์ จึงพูดได้เต็มปากว่า บาโลเตลลี่ ไม่ได้อยู่ในแผนการสร้างทีมอีกต่อไป

ตำแหน่งอื่น ๆ ก็ไม่ต่างกันครับที่ กุนซือ และทีมบริหารทีมจะร่วมกันมอง และพิจารณาเพื่อไม่ให้เกิดกรณี มีนักเตะตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่งมากเกินไป

ไม่ว่า “บิ๊กเนม” หรือ “โนเนม” ก็ไม่สมควร เพราะฟุตบอลจะบริหารจัดการลำบาก และเป็นอย่างไม่ถูกต้อง

นี่ยังไม่นับการ “ลงทะเบียน” รายชื่อนักเตะทั้งหมดที่มี อันหมายถึงตั้งแต่เยาวชน, สำรอง, ตัวจริง และตัวหลัก “บิ๊กเนม” ลงเล่นในบอลถ้วยต่าง ๆ

มันจึงมีที่มาว่า นักเตะรอง ๆ จะถูก “เพิ่มโควต้า” สำหรับบอลถ้วย เช่น แคปิตัล วัน คัพ เพื่อทั้งสร้างโอกาสให้ได้งสนามพร้อม ๆ กับตัวจริงก็จะพักผ่อน

เขียนถึงตรงนี้ หลายท่านคงทราบผลการแข่งขัน “อุ่นเครื่อง” อย่างเป็นทางการนัดแรกของ โจเซ่ มูรินโญ่ และทีมแมนฯยูไนเต็ด ปะทะเรดดิ้ง เรียบร้อยแล้ว

นักเตะอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช คงได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้มาร่วมซ้อมภายหลัง และอื่น ๆ แต่ประเด็น คือ ซลาตัน และเฮนริค มคิห์ทาร์ยาน, เอริค บาญี่ ต่างถูกซื้อรวดเร็ว

อีกทั้งเป็นการซื้อแบบ “เติมเต็ม” จุดอ่อนของทีมปิศาจแดงชัดเจนไม่ว่าจะ แนวรับแบบแข็งแกร่ง (บาญี่), การสร้างสรรค์เกมรุก (มคิห์ทาร์ยาน) และหน้าเป้าที่เต็มไปด้วยคาแร็กเตอร์ (อิบราฮิโมวิช)

มูรินโญ่ เตรียมจะซื้อเพิ่มอีกแน่ ๆ พร้อม ๆ กับต้องปล่อยส่วนเกินออกไป เช่น ฮวน มาตา ที่ทับตำแหน่งกับมคิห์ทาร์ยานแน่ ๆ

หรือแม้แต่ เดลีย์ บลินด์ ที่หาก ลุค ชอว์ กลับมาเป็นแบ็คซ้าย และได้บาญี่มาเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟแล้ว ไม่นับรวมตัวหลักอื่น ๆ บลินด์ อาจกลายเป็นส่วนเกินได้

แมนฯซิตี้ กับการซื้อ อิลคาย กุนโดกัน, โนลิโต้ และอเล็กซานเดอร์ ซินเคนโก้ ก็น่าจะเป็นแค่ “น้ำจิ้ม” เริ่มต้นของ เป๊ป กวาร์ดิโอลาร์ ที่ยังน่าจะรอคอดาวดังอยาง เลโอนาร์โด โบนุชชี่ มาร่วมทัพ

อาร์เซนอล, เชลซี หรือสเปอร์ส ก็ล้วนมี “ของแต่ง” มาอวดแฟน ๆ แล้ว เช่น กรานิต ซาห์ก้า, มิชี่ บัตชูอายี่, วิคเตอร์ วันยาม่า, วินเซนต์ แยนส์เซ่น

ที่น่าสนใจสุด ๆ เห็นจะหนีไม่พ้น แชมป์เก่า เลสเตอร์ ที่เตรียมเสีย เอนโกโล่ กองเต้ ให้เชลซี หรือริยาด มาห์เรซ ก็เตรียมไม่ต่อสัญญา ณ เวลาที่ “โดนจีบ” แทบทั้งทีม แต่ยังดีที่ เจมี่ วาร์ดี้ ตัดสินใจแล้วว่า จะอยู่กับทีมต่อไป

ข้างต้นเป็น “ภาพหลัก” ที่แสดงให้เห็นนะครับว่า แต่ละทีมโดยเฉพาะ “บิ๊กทีม” ซื้อแบบมีหลักการ และได้ประเมินแล้วว่า จะซื้ออะไร? อย่างไร? เท่าไหร่?

โดย “เป้าหมาย” สำคัญ ๆ ล้วนจัดซื้อหมดแล้ว เว้นเสียแต่เป้าหมาย “ราคาแพง” ที่คงต้องเล่น “เกมราคา” กันต่อไป

แต่คงไม่ถึง “เดดไลน์” (30 มิ.ย.) เหมือนตลาดรอบ 2 เดือนมกราคมที่จะเร่งรัดมากกว่าอย่างมากครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook