"โอกาสสุดท้ายของโรนัลโด้"

"โอกาสสุดท้ายของโรนัลโด้"

"โอกาสสุดท้ายของโรนัลโด้"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากเทพนิยาย ‘เดนส์92’ สู่มหากาพย์’กรีซ04’ .. ให้หลัง 12 ปีสตอรี่ขายฝันมีสิทธิ์กลับมาบังเกิดขึ้นอีกครั้ง

ก็ใช่ที่ด้วยศักยภาพที่มีคงไม่น่าแปลกใจหากบั้นปลายของโปรตุเกสจะทะลุเข้าชิง แต่คุณเชื่อจริงๆหรือว่า ทีมที่มีเพียงแค่ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เป็นตัวชูโรงจะทำตามฝันสำเร็จ ทีมที่ผลงานกระท่อนกระแท่นเจ๊าในรอบแบ่งกลุ่มมันทุกนัดจะสามารถกรุยทางผ่านเข้ารอบ

ฤาทีมที่โดนโครแอตไล่ถลุงไม่ยั้งทว่าสุดท้ายกลับรอดตายปาฏิหาริย์จะสมควรทะลุเข้าชิง !?

ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรหากคืนวันนี้พวกเขาหักปากกาเซียนคว่ำเจ้าภาพได้ นิยายฉบับฝอยทองนี้ก็จะถูกบรรจุเป็นอีกหนึ่งความทรงจำในฐานะหนึ่งในชาติ “ม้ามืด” สุดเซอร์ไพร์สที่สร้างความประหลาดใจจาก “ไร้ดาว” สู่ “สปอร์ตไลท์” ที่กลายเป็นที่จับตา

“ใครๆก็รู้ว่าผมเฝ้ารอคอยช่วงเวลานี้มานาน” ความในใจของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ที่เผยความรู้สึกให้เราได้ฟังในช่วงก่อนเกม จากเหตุการณ์สุดกร่อยที่ลิสบอนในนัดชิงปี 2004 ถึงวันนี้ 12 ปีแห่งความเจ็บปวดนี้ยังคงไม่จางหาย

ในวันที่ถ้วยยูโรอยู่เพียงแค่เอื้อม ในวันที่พลพรรคฝอยทองจวนเจียนกับการได้ร่วมสรวลเฮฮาไปกับคนในชาติ แล้วงานเลี้ยงก็ถูกทำให้กร่อย ลูกโขกของ อันเจลอส ชาริสเตอัส ในช่วงต้นครึ่งหลังทำให้แฟนบอลฝอยทองต้องหัวใจสลาย

โอกาสที่จะได้เชิดหน้าชูตาชูถ้วยครั้งแรก “ก็ยังต้องรอต่อไป”

“ตอนนั้นผมอายุเพียงแค่ 18 ปีและนั่นเป็นเกมนัดชิงครั้งแรกของผม ผมเสียใจมากนักแต่ในตอนนี้มันผ่านมา 12 ปีแล้วนั่นไม่สำคัญเท่ากับความจริงที่ว่า เราได้เข้าชิงชนะเลิศอีกครั้ง”

ผ่านมาถึงวันนี้ โรนัลโด้ ในวันนั้นที่ยังเป็นแค่เด็กวัยละห้าวยังคงจำฝังใจ กับเกมในวันนี้เจ้าตัวมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะลบล้างความผิดพลาดในอดีตให้ได้ แม้คู่ต่อกรในวันนี้จะแข็งโป๊กยิ่งกว่าครั้งไหนๆเนื่องก็เพราะต้องฟัดกับฝรั่งเศสชาติอันสุดเกรียงไกร อีกทั้งยังเป็นเจ้าภาพด้วยก็ตาม

“ผมเชื่อว่าทุกสิ่งเป็นไปได้ ผมเชื่อมาตลอด และ มันจะเป็นเช่นนั้นเสมอ ในเกมวันอาทิตย์นี้จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่โปรตุเกสคว้าแชมป์ระดับทัวร์นาเมนต์ได้สำเร็จ”

“ผมเฝ้ารอเวลานี้มาตลอด หลังเอาชนะทุกรายการกับสโมสรการคว้าแชมป์กับทีมชาติเป็นบางสิ่งที่ผมใฝ่ฝันเสมอมา”

อย่างไรก็ดีบนเส้นทางแห่งความหวังย่อมเต็มไปด้วยอุปสรรค มีความจริงอยู่อย่างครับที่ “CR7” และเพื่อนร่วมทีมไม่น่าจะต้องการรับฟัง กางสถิติออกดูก็ทำให้เราทั้งหลายต้องทึ่ง เชื่อไหมว่า ตลอด 10 เกมหลังที่พวกเขาพบกับฝรั่งเศส

ขุนพล “ฝอยทอง” ไม่เคยเอาชนะได้แม้แต่ครั้งเดียว!

เปรียบดั่งอาถรรพ์ที่ไม่ต่างกับฝันร้ายพอๆกับทะลุเข้าชิงได้แล้วแต่ไม่ยักจะเคยคว้าแชมป์ กระนั้นถึงตรงนี้ โรนัลโด้ คงได้แต่ยักไหล่พลางไม่สนใจกับอดีตอันไม่น่าจดจำ

พวกเขาอาจเป็นทีมที่ไร้ผู้คนคาดคิดว่าจะเข้าชิง นี่คือชาติที่หลายฝ่ายปรามาสว่าเอาแต่พึ่งพา คริสติอาโน่ โรนัลโด้ มิหนำซ้ำยังมีแต่คนหมั่นไส้กับอีโก้ของเจ้าตัวที่มักแสดงทีท่าสุดเก๊กออกมาหลายครั้งเช่นเดียวกับสไตล์การเล่นที่สุดน่าเบื่อกระทั่งบางคนค่อนขอดหาว่า “ฟลุ๊ก”

ทว่าบนความไม่น่าเป็นไปได้ย่อมไม่มีเรื่องบังเอิญ แม้จะโดนสบประมาทแต่สตาร์เรอัล มาดริด ก็ยืนยันว่า มาถึงจุดนี้ไม่มีคำว่าปาฏิหารย์อีกต่อไปแล้วพร้อมตั้งเป้าทำเอานักวิจารณ์หลายฝ่ายเงิบให้ได้

“พวกเรามาแบบไม่ชนะใครใน90นาทีรวมถึงไม่เคยคว้าแชมป์แต่ตอนนี้เราก็ทะลุเข้าชิงได้ หลายคนไม่เชื่อว่า เราจะมาถึง ณ จุดๆนี้ได้บางคนปรามาสเราด้วยซ้ำตั้งแต่ก่อนทัวร์นาเมนต์เริ่ม แล้วเป็นไงล่ะ!? ตอนนี้เรามาเหยียบสังเวียนนัดชิงแล้วนะ”

“ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรแต่ผมมั่นใจว่า เราทุกคนทั้งผม, เพื่อน, ประเทศ และ แฟนๆ สมควรแล้วกับการมายืนอยู่ตรงนี้”

ท้ายที่สุด โรนัลโด้ ยังยืนยันว่า เกมนัดนี้ไม่ใช่การโฟกัสไปที่ตนเองเหมือนที่สื่อพยายามยัดเยียดอย่างเดียว หากสุดท้ายทีมคว้าแชมป์แรกในบั้นปลายเพื่อนร่วมทีมทุกคนก็สมควรได้รับเครดิตเช่นกัน

“ผมพยายามช่วยทีมอย่างมากไม่ใช่แค่การยิงประตูหากแต่รวมถึงวิ่งพล่านไปทั่วสนาม ผมทุ่มเททุกสิ่งทว่าเพื่อนร่วมทีมของผมก็ทำงานหนักไม่แพ้กัน”

“ในการจะชนะได้มันไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหากแต่เป็นเพราะเพื่อนร่วมทีมทุกคน เรามีผู้เล่น 23 คนที่ร่วมสู้ไปด้วยกัน เช่นเดียวกับแรงสนับสนุนของแฟนบอลที่เป็นคีย์แมนสำคัญพาเรามาถึง ณ จุดๆนี้”

บนวัย 31 ปีนี่คงเป็นการลุ้นแชมป์ยูโรครั้งสุดท้าย จาก 12 ปีก่อนที่พลาดหวังถึงตรงนี้ โรนัลโด้ และ ผองเพื่อนมีโอกาสดีที่จะแก้ไขประวัติศาสตร์..

เมสซี่ทำได้แล้วกับวันนี้ “CR7”  จะลบล้างอาถรรพ์ หรือ เดินตามรอยนักเตะคู่บุญหรือไม่ !?

วันนี้เราคงได้รู้กัน !


เรื่องโดย :  มาสเตอร์ ริท

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook