สกู๊ป : บอกตรงๆ "ฝอยทอง" ยังดีไม่พอ!

สกู๊ป : บอกตรงๆ "ฝอยทอง" ยังดีไม่พอ!

สกู๊ป : บอกตรงๆ "ฝอยทอง" ยังดีไม่พอ!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จะว่า “ง่าย” ก็ง่าย หรือจะว่า “ยาก” ก็ยากนะครับหากจะให้วิเคราะห์เส้นทางการได้มาซึ่งพื้นที่ในรอบชิงชนะเลิศ “ยูโร 2016” ของโปรตุเกส หรือความสำเร็จทะลุถึงตัดเชือกของ เวลส์

โปรตุเกส ไม่ได้ชนะใครเลยตั้งแต่รอบแรก 3 นัด หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็ชนะโครเอเชียช่วงต่อเวลาแบบรูปเกม และโอกาสเป็นรอง ตามด้วยยิงจุดโทษชนะโปแลนด์ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย

กระทั่งมาชนะเวลส์ 2-0 ในแมตช์ตัดเชือกในเวลานี่แหละครับที่กล่าวได้ว่า ชนะ “นัดเดียว” จริงๆ ก็เข้าชิงฯ ยูโรได้แล้ว

แบบนี้จะเรียกว่า “มีบุญ” หรือมี “ฝีมือ” สุดท้ายก็ต้องพิสูจน์กันในรอบชิงชนะเลิศต่อไปนะครับ

ทั้งนี้ ในเกมเดียวที่พวกเค้าชนะใน 90 นาทีเหนือเวลส์ก็ต้องกล่าวว่า มีโชคอำนวยอยู่ไม่น้อย เพราะขุนพลมังกรแดงปราศจาก แอรอน แรมซีย์ มิดฟิลด์ตัวรุกอิสระในระบบ 3-5-2 ที่จะคอยเชื่อมระหว่างรับไปสู่รุกที่มี แกเร็ธ เบล

และฮัล ร็อบสัน-คานู เป็นหลักร่วมกับวิงก์แบ็กที่พร้อมเติมอย่าง คริส กันเทอร์ หรือนีล เทย์เลอร์ ทางฝั่งขวา และซ้ายตามลำดับ

การไม่มี แรมซีย์ และใช้ แอนดี้ คิง มิดฟิลด์ตัวสำรองจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ลงมาแทนทำให้อานุภาพของเวลส์ดร็อปลงประมาณ 20% อย่างต่ำๆ ในความรู้สึกของผม

ประกอบกับเกมนี้น่าจะเป็น “ครั้งแรก” ในแง่แท็กติกนะครับที่เวลส์เจอทีมที่วาง “ยุทธศาสตร์” ในการเล่นมาแบบ “รัดกุม” และประณีตเอามากๆ

เรียกได้ว่า เฟอร์นันโด ซานโตส ไม่ได้สั่งลูกทีมบุกผลีผลาม หรือตั้งหน้าตั้งตาบุกแบบเบลเยียมในเกมที่ผ่านมาของเวลส์ หรือรอบแรกกับ อังกฤษ, รัสเซีย หรือแม้กระทั่งสโลวาเกีย

กล่าวคือ โปรตุเกสจะเน้น “เกมรับ” ไว้ก่อนภายใต้ระบบ 4-1-3-2 ที่แม้จะไม่มี เปเป้ ยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟเพราะบาดเจ็บ แต่ก็มี ดานิโล่ ยืนมิดฟิลด์ตัวรับ Holding ball กันความผิดพลาดด้านหน้าคู่เซนเตอร์ฯ บรูโน่ อัลเวส และโจเซ่ ฟอนเต้ ตลอดทั้งเกม

ดังนั้นเกมรับทีมฝอยทองจึงค่อนข้างแน่น ขณะที่เกมรุกนอกจาก นานี่ และโรนัลโด้ เป็น 2 ประสานแล้ว พวกเค้ายังดาวรุ่งวัย 18 ปี เรนาโต้ ซานเชส ที่ยิ่งเล่นยิ่งดีเป็นสีสัน

แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ทีมชุดนี้ใช้ “พื้นฐาน” แท็คติกรัดกุมไว้ก่อน และจะทำให้เล่นได้ดีกับทีมที่เกรดใกล้เคียงกันเช่นรอบน็อคเอ๊าท์ตั้งแต่ โครเอเชีย, โปแลนด์ และล่าสุด เวลส์ แต่จะไม่ดีนักกับทีมรองที่ต้องบุก บุก และบุก

ดังนั้นการจะพูดว่า “โรนัลโด้” เป็นกำลังสำคัญคนเดียวของทีมนั้นต้องบอกเลยว่า ไม่ใช่ เพราะแท้จริงแล้วทีมชุดเข้าชิงฯ ยูโร 2016 ครั้งนี้ใช้พื้นฐานการเล่นเป็นทีม

โดยเฉพาะ “เกมรับ” ที่จะเห็นได้ว่า หลังจากออกนำ 2-0 นาทีที่ 52 โปรตุเกสลงมาตั้งรับทั้ง 11 คนรวมทั้งโรนัลโด้ และนานี่

การจะเจาะเกมรับของทีมที่ “ตั้งใจ” มารับแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายดังที่ผมเขียนมาตลอด

ครึ่งแรกว่า “อึดอัด” แล้วสำหรับการได้เห็นโอกาสทำประตูที่กว่าจะมีช็อตยิงหนแรกประมาณนาทีที่ 18 โดย เจา มาริโอ ตามด้วยลูกสูตรเตะมุมของเวลส์ที่ เบล วิ่งโฉบมาปาดข้ามคานนาทีที่ 20

เรา ๆ ท่าน ๆ แทบไม่ได้เห็น “โอกาส” ที่สร้างสรรค์โดยทั้ง 2 ทีมเลยครับ

ดังนั้น การเสียประตูแรกนาทีที่ 49 จากลูกคอร์เนอร์ที่ โรนัลโด้ “โหนโหม่ง” ลอยตัวได้สูงกว่าใครโดยเฉพาะ เจมส์ คอลลินส์ จึงถือว่า “เสียหาย” ต่อคริส โคลแมน และลูกทีม

ในลักษณะเกมที่ “ประตูแรก” มีความสำคัญมาก

นอกจากนี้ อาการ “ช็อก” ของเวลส์ที่เปิดหัวครึ่งหลังมาได้ “โพสิทีฟ” และบุกได้สวยก่อนเสียประตูยังมาโดน “ดอก 2” ในอีก 3 นาทีถัดมาที่ปล่อยพื้นที่เคลียร์ไม่ขาดให้ โรนัลโด้ ซัดสวยเข้ามาในเขตโทษโดยกัปตันทีม โจ เลดลีย์ ยืนประกบห่าง

เท่านั้นยังไม่พอ บอลผิดเหลี่ยมจากโรนัลโด้ถูกนานี่ “รีแอคชั่น” เร็วคนเดียวในกรอบโทษ ปล่อยให้คอลลินส์ยืนนิ่งยกมือออฟไซด์ เปลี่ยนทางบอลเป็น 2-0

จากนั้น เวลส์ ก็มีชีวิตที่ลำบาก และ “โจทย์” ที่ยากขึ้น เพราะโปรตุเกสตั้งใจรับ และเวลส์ก็ไม่มีความสามารถมากพอ เฉพาะอย่างยิ่งขาดตัวปลดล็อกอย่าง แรมซีย์ มาขโมยประตูคืน

ส่วนหนึ่งแห่งความพ่ายแพ้นอกจากประเด็นแรมซีย์ก็คือ “ความอดทน” ในการเล่นฟุตบอลที่ผมมองว่า โปรตุเกส “แกร่งกว่า” เก๋ากว่า ในเวทีฟุตบอลแบบนี้

เวลส์ เร่งไป และเล่นไปเข้าทางโปรตุเกส แต่ก็ต้องยอมรับว่า “พลาดเอง” เหมือนช็อตไปดื้อ ๆ มากกว่าตอนเสียทั้ง 2 ประตูแบบง่ายๆ

สำหรับผมแล้ว โปรตุเกส “คู่ควร” จะเข้าชิงชนะเลิศ และเวลส์ทำได้ดีที่สุดแล้ว

อย่างไรก็ดี ผม “ฟันธง” ไว้ได้เลยว่า โปรตุเกสยังดีไม่พอกับการเป็นแชมป์รายการนี้หากพิจารณาจากทั้ง 6 นัดที่ผ่านมาที่ชนะในเวลาได้เพียงเกมนี้เกมเดียว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook