บทพิสูจน์ความเป็นกัปตัน

บทพิสูจน์ความเป็นกัปตัน

บทพิสูจน์ความเป็นกัปตัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผลงานตุรกีสองนัดแรกในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หนนี้ ถือว่าล้มเหลวไม่เป็นท่า จนต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านก่อนใครเพื่อน

เพราะถึงอย่างไร สามแต้มในนัดสุดท้าย จะไปเทียบกับกลุ่มอื่นๆ ที่ส่วนใหญ่น่าจะมีถึง 4 แต้ม หรือบางกลุ่มที่มี 3 แต้มก็ไม่น่าจะเทียบไหว เพราะติดลบจากสองเกมแรกถึง 4 ประตู โดยยังยิงคืนไม่ได้เลย

ตุรกีปีนี้แฟนคาดหวังไว้กว่าตอนยูโร 2008 ที่เข้ารอบรองชนะเลิศได้เสียอีก เพราะตอนนั้น มีนิฮัต คาห์เวซี่ กับ อาร์ด้า ตูราน ซึ่งฝ่ายหลัง ยังอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น

มาคราวนี้ สตาร์ถือว่าดูน่าสนใจกว่า 8 ปีที่แล้ว เพราะมี โวลคาน เซน, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู และ เอ็มเร่ มอร์ คอยช่วยเหลือ ส่วนตูราน ที่อายุบวกมาอีก 8 ปี เป็น 29 นั้น

พ่วงตำแหน่งกัปตันทีม นำลูกน้องลุยทัวร์นาเมนต์

แฟนๆ ถือหางเขาไว้มาก เนื่องจากมาจากสโมสรระดับโคตรทีมของโลกอย่าง บาร์เซโลน่า จะนำประสบการณ์ มาช่วยน้องๆ ให้ไปโลดที่แผ่นดินเมืองน้ำหอม

แต่แล้วทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง และคนที่โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังที่สุดกลับเป็นคนที่แฟนบอล เชื่อมั่นในทีแรกว่าจะทำอะไรให้ทีมได้มากกว่านี้

เกมแรกกับ โครเอเชีย เขาอยู่ในสนามเพียง 1 ชั่วโมง ก็ถูกเปลียนตัวออก เพราะฟาห์ติ เตริม กุนซือใหญ่ ไม่อาจทนเห็นฟอร์มการเล่นได้

ขณะที่เกมที่สอง เขาได้อยู่ในสนามตลอดทั้งแมตข์ อาจจะเพราะว่านักเตะฝั่งตรงข้าม ตูราน รู้จักความสามารถเป็นอย่างดี และน่าจะรับมือไหว เพราะเขาเองก็เล่นอยู่ในลาลีกา ล๊กสูงสุดของสเปน

ทำไปทำมาทุกอย่างดูแย่ไปหมด ตลอด 90 นาที ตูราน มีโอกาสยิงครั้งเดียว จ่ายบอลให้เพื่อนคิดเป็นเปอร์เซนต์สำเร็จเพียง 70 เท่านั้น น้อยกว่า 11 ผู้เล่นของสเปนเสียอีก

พอสองเกมแรกตุรกี ไม่สามารถเก็บแต้มได้ สื่อมวลชนในแดนไก่งวงก็โจมตีอย่างหนัก พร้อมทั้งตั้งคำถามขึ้นมามากมาย โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับ อาร์ด้า ตูราน คนนี้ ถึงขั้นกล่าวว่า “ไม่สมควรติดทีมชาติตุรกี”

ทั้งที่ 8 ปีที่แล้ว ตลอด 6 นัดในทัวร์นาเมนต์ เขายิงได้ถึง 2 ประตูด้วยกัน

โดยเจ้าตัวได้ให้สัมภาษณ์ กับผู้สื่อคราวไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้ “ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว ผมรับใช้ชาติมามากกว่า 90 นัด และมันสามารถใช้นิ้วในมือหนึ่งข้างนับได้เลยว่ามีเกมไหนบ้าง ที่ผมเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานบ้าง”

ซึ่งหากจะกล่าวว่าเขาคนเดียว ที่เป็นสาเหตุของความล้มเหลวทั้งหมด ของตุรกี ในรายการนี้ ก็ดูจะไม่ให้เกียรติ ธงชาติบนหน้าอกเกือบ 100 นัดที่เขาเคยผ่านมา

นักเตะแนวรับ อย่าง ฮาคาน บัลต้า, คาเนอร์ เออร์กิ้น และ เมห์เหม็ด โทปัล ก็น่าจะถูกตำหนิด้วยเช่นกัน เพราะพวกนี้ ถือว่ารับใช้สโมสรนั้นอยู่กับทีมใหญ่ๆ และทำได้ดีมาตลอด

ฟาติห์ เตริม เองก็คงจะหนีไม่พ้นเช่นกัน เพราะเขาเลือกนักเตะหลายราย ให้สื่อมวลชนสนใจอย่างเช่น เชงค์ โทซุน, เซมิห์ คาย่า และ ดาวรุ่ม เอ็มเร มอร์ มาติดทีม

แต่กับไม่ให้โอกาสเท่าที่ควร ทั้งๆที่ ไลน์อัพแรกเล่นกันไม่ดี มาตั้งแต่เกมกับ โครเอเชีย แล้ว แต่ก็ยังเข็นลงสนามสองเกมติด ซึ่งมันไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ของทีมดีขึ้น

เป็นที่แน่นอนว่า เตริม ในวัย 62 ปีน่าจะทำทีมเป็นหนสุดท้าย หลังจากเขาเคยเข้าออกเป็นนายใหญ่ทีมชาติตุรกี มาแล้วก่อนหน้านี้ถึงสองหน

บางที อาจถึงคราวต้องสละตำแหน่งให้กับสายเลือดใหม่ มาถ่ายทอดแท็คติกฟุตบอล ที่พัฒนาการไปไกล เกินกว่ายุคเขา เข้ามาทำทีม

เกมกับสาธารณรัฐเช็ก ในนัดสุดท้ายจะเป็นการชิงอันดับทีมสามอย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับผู้ที่ยังไม่ชนะใครในสองเกมแรก

แต่เช็ก สถานการณ์ดูดีกว่านิดนึงต่อที่ หากเสมอ ถึงจะไม่มีลุ้นเข้ารอบ แต่ก็ยังได้ที่สามซึ่งก็คงไม่น่าเกลียดเท่ากับอันดับบ๊วยของกลุ่ม

ตุรกีต่างหาก ที่ต้องชนะให้ได้สถานเดียว เพื่อหลุดจากคำครหาขอสื่อในประเทศ ว่าเป็น “ชุดที่แย่ที่สุดในประวัติศ่าสตร์” ของวงการฟุตบอลตุรกี

และสำหรับกัปตันทีม ที่สวมปลอกแขนเป็นทัวร์นาเมนต์แรกของชีวิต คงไม่อยากจะทำให้ตัวเองต้องอับอายไปมากกว่านี้

เกมที่กำลังจะลงสนาม มันก็เปรียบเสมือนนัดชิงชนะเลิศดีๆ นี่เอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook