มองให้ทั่วถึง..ยูโร 2016

ผมว่ายูโรคราวนี้มันดูเงียบและไม่คึกคัดเท่าที่ควรทั้งๆที่ทีมใหญ่ไปกับครบ อาจจะเป็นเพราะความตรึงเครียดที่เกิดจากการแสข่าวการก่อความไม่สงบ รวมไปถึงภาพเก่าๆที่มันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ผมเองไม่อยากจะเจาะลึกลงไป เพราะในใจไม่ต้องการให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใช้การแข่งขันกีฬามาเป็นเครื่องมือเพื่อไปสู่วัตถุประสงค์ที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งผมเองขอเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่รวมไปถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นโดยรอบของสนามต่างๆ, ลานกองเชียร์ที่มีจอยักษ์ หรือ แฟนเฟส และสถานีรถไฟใต้ดิน

จะว่าไปแล้ว ยูโร ครั้งนี้มันมองยากจริงๆว่าทีมใดจะเข้าป้ายเป็นแชมป์ หลังจบเกมการแข่งขันที่ สนาม สต๊าด เดอ ฟรอ้งซ์ วันที่ 10 กรกฏาคม เพราะว่าบรรดาทีมต่างๆ ทำผลงานไม่เอาอ่าว หรือ ไม่ฉายฟอร์มเทพ ออกมาให้ยลโฉมกันเลย ไม่ว่าจะเป็น สเปน แชมป์ 2 สมัย ที่ดูๆแล้วยังไม่ลงตัว แถมเกมอุ่นเครื่องที่ โกลิเซี่ยม อัลฟรองโซ่ เปเรซ ยังขายหน้าด้วยการแพ้ จอร์เจีย ไป 0-1 โดนดับเครื่องสนิท อ่าว บางคนอาจจะตะโกนออกมาพร้อมกับคำอ้างที่ว่า แล้วเกมที่ชนะ เกาหลีใต้ ไปขาดลอย 6-1 ล่ะ ไม่ถือเป็นการโชว์ฟอร์มที่สุดยอดหรืออย่างไร มันก็ใช่ครับแต่เมื่อดูรายละเอียดเกมนั้นจะเห็นว่า เกาหลีใต้ ตั้งใจมาเล่นต่อบอลสู้กับสเปน แถมดันเสียบอลหน้าประตูหลายครั้งจนโดนลงโทษ ถ้าเกาหลีใต้เล่นแบบที่เคยเล่นเป็นประจำสเปน อาจจะไม่เจอเกมที่ง่ายอย่างนั้นก็เป็นได้ ถ้าถามผมสเปน อาจจะไปไม่ถึงฝัน อย่างไกลก็รอบ 8 ทีมสุดท้าย

 

ส่วนแชมป์โลก เยอรมนี ผลงานการอุ่นเครื่องทำเอาแฟนๆอินทรีเหล็กส่ายหน้า เกมอุ่นเครื่อง 4 นัดตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ชนะ 2 แพ้ 2 และเป็นการแพ้ในบ้านทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นเกมกับอังกฤษ ที่เบอร์ลิน หรือ เกมที่แพ้ สโลวาเกีย ที่อัลส์ยวร์กก็ตาม แน่นอนฟอร์มแบบนี้ไม่ส่งผลดีด้านจิตใจต่อนักเตะในทีม แม้หลายฝ่ายจะพยายามชูว่า เยอรมัน ยังไงก็ เยอรมัน วันยังค่ำ แต่ผมว่าทีมของ โยกี้ เลิฟ มันมาถึงจุดที่จะต้องเปลี่ยนถ่ายเลือดกันใหม่ เยอรมันชุดนี้ยังมีดีที่เกมรุกที่เฉียบคม ดังนั้นการไปถึงรอบรองชนะเลิศ ควรจะเป็นเป้าหมายที่พวกเขาต้องทำให้ได้ แต่จะไปถึงรอบชิงหรือไม่อันนี้ต้องลุ้นกันยาวๆ

อังกฤษล่ะ หลายคนมองว่าทีมชุดนี้มีความหวังและดูดีที่สุดในรอบ 20 ปี เพราะเป็นนักเตะหนุ่มไฟแรงกำลังห้าว แถมผลงานในรอบคัดเลือกยังแจ่มแจ๋วไม่แพ้ใคร ขณะที่เกมอุ่นเครื่อง ยังบุกไปตบหน้า เยอรมัน ได้ถึงถิ่น โดยรวมเกมอุ่นเครื่อง 5 นัดตั้งแต่ มีนาคม ชนะ 4 แพ้ 1 ถ้ามองแบบนี้ผมว่า อังกฤษเป็นทีมที่ใครจะประมาทไม่ได้ แต่เรื่องของประสบการณ์มันยังเป็นคำถามอยู่ อีกทั้งการแก้เกมของ รอย ฮ็อจสัน จะทำได้ดีแค่ไหน ในเกมที่ต้องเจอกับ เวลส์, รัสเซีย และ สโลวาเกีย ผมว่ากลุ่มบี ของอังกฤษ ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าผ่านไปได้อังกฤษ น่าจะจบทีรอบ 8 ทีมสุดท้าย

มาถึง อิตาลี กันบ้าง ทีมชุดนี้ไม่มีอะไรเป็นไฮไลท์ที่โดดเด่น แต่กองกลางที่ขนมายูโร ต้องบอกว่า น่าดูไม่แพ้ใคร นำโดย อันโตนีโอ คันเดรว่า, ติอาโก้ ม็อตต้า หรือ อเลสซานโดร เฟอร์เรนซี่ และ สเตฟาน เอล ชาราวี่ ในส่วนตัวผมมองว่า อิตาลี มักจะเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ด้วยฟอร์มตะกุกตะกัก แต่เมื่อเครื่องติดเมื่อไหร่ เอาไม่อยู่เหมือนกัน ดังนั้น จะประมาทอิตาลีไม่ได้ รอบชิงผมว่าอิตาลี ไปถึงได้ ส่วนแชมป์หรือไม่ไปวัดกันเองในเกมนัดสุดท้าย ซึ่งนักเตะอิตาลี อยากจะคว้าแชมป์เป็นการส่งท้ายให้กับ อันโตนีโอ คอนเต้ พร้อมกับตอบรับ จามปิเอโร่ เวนตูร่า โค้ชคนใหม่ด้วย

ขณะที่เจ้าภาพ ฝรั่งเศส ปัญหาภายในทีมทำให้ เดเด้ เดชองส์ ปวดหัวไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่การเลือกตัวผู้เล่น จนนำมาสู่กระแสวิจารณ์ แต่ยังดีที่ฟอร์มการเล่นของทีม เป็นที่เชิดหน้าชูตาไม่น้อยเมื่อชนะรวด ตั้งแต่เดือน มีนาคมที่ผ่านมา ด้วยความที่เป็นเจ้าภาพและความคาดหวังจากคนทั้งประเทศ ฝรั่งเศส น่าจะเป็นอีกทีมที่มีลุ้นถึงรอบชิงชนะเลิศ เพราะดูจากช่องทางตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม ที่มีเพื่อนร่วมสายไม่หนักมากนัก

 

ยูโร ครั้งนี้ มีการเปลี่ยนแปลงจาก 16 ทีม มาเป็น 24 ทีมในทัวร์นาเมนต์รอบสุดท้าย นี่ถือเป็นโปรเจ็คใหญ่ของ มิเชล พลาตินี่ ที่ต้องการเปิดโอกาสให้ทีมจากประเทศเล็กๆได้เข้ามามีส่วนร่วมในรายการใหญ่บ้าง เพื่อเป็นการยกระดับ เรื่องนี้ผมว่าเข้าท่า เพราะประโยชน์จะตกที่แฟนบอลได้ชมฟุตบอลที่หลากหลายมากขึ้น

แต่สำหรับแฟนบอชาวไทย ย้ำไว้ทุกครั้งนะครับ ดูฟุตบอลให้เป็นกีฬา อย่าดูให้เป็นการพนันเดียวจะพากันล่มจม....

เรื่องโดย “ เบลสซิ่ง ”