เชื่อใครดี?! FIVB โบ้ย "ข่าวไทยขาดวินัย" สื่อญี่ปุ่นเป็นคนเขียน

ยังไม่จบสำหรับกรณีขัดแย้งใน "แมตช์อัปยศ" ทีมชาติไทย vs ทีมชาติญี่ปุ่น ในศึกวอลเลย์บอล โอลิมปิก รอบคัดเลือก ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แม้ทัวร์นาเม้นต์จะจบมาหลายวันแล้วก็ตาม

เมื่อล่าสุด วันอังคารที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา จากเฟซบุ๊กส่วนตัวของ ปรีชาชาญ วิริยานุภาพพงศ์ บรรณาธิการข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์ เดอะ เนชั่น ที่ได้เดินทางไปเกาะติดการแข่งขันทัวร์นาเม้นต์นี้ได้ระบุว่า

--------------------------------------------------------

"นายริชาร์ด เบเกอร์ ผู้อำนวยการฝ่าย Communications ของ FIVB โทรทางไกลมาจากสวิตเซอร์แลนด์ ถามผมเรื่องการตัดสินสินใจลาออกจากทุกตำแหน่งใน FIVB ของท่านอาจารย์ชาญฤทธิ์ วงษ์ประเสริฐ คีย์แมนวอลเลย์บอลคนสำคัญของไทย

เขาบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่าทำไมอาจารย์ตัดสินใจออก และอ้างว่าเนื้อหาที่พูดถึงความขาดวินัยของทีมไทยที่เป็นต้นเหตุของความพ่ายแพ้ ในแม็ทช์อัปยศระหว่างทีมนักตบลูกยางสาวไทยกับญี่ปุ่นนั้น จริงๆแล้วไม่ได้เป็นบทความหรือเนื้อหาออกจากทาง FIVB โดยตรง

แต่เป็นข่าวที่ทางญี่ปุ่นซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะเป็นนักข่าวที่ได้รับการแต่งตั้งให้ไปทำงานในตำแหน่งผู้สื่อข่าวของ FIVB ในช่วงนั้นที่เรียกกันว่า Press Delegate อาจจะเป็นคนเขียนข่าวนี้ขึ้นมาเอง แล้วส่งไปขึ้นเว็บ

แต่อย่างไรก็ตามทาง FIVB ยอมรับว่าการตัดสินใจลาออกของท่านอาจารย์ชาญฤทธิ์ในครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและความร่วมมือระหว่าง FIVB กับทางสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยได้ และไม่อยากให้อาจารย์ชาญฤทธิ์ตัดสินใจลาออก

อยากให้มาพูดคุยกันถึงปัญหาดังกล่าวก่อนนายริชาร์ดกล่าวว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตนในฐานะหัวหน้าฝ่ายติดตามข่าวสารในองค์กร FIVB ก็คงทำอะไรไม่ได้ ต้องรอการประชุมปรึกษาของ FIVB ก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ตนเองจะพยายามเกาะติดเรื่องนี้ต่อไป

นายริชาร์ดได้ย้อนถามผมว่าอาจารย์ชาญฤทธิ์ ได้ไปอยู่ที่ญี่ปุ่นในช่วงการแข่งขันดังกล่าวหรือไม่ ผมเลยตอบกลับไปว่าไม่ได้ไป แต่ท่านอาจารย์ ตลอดจนคนไทยทั้งประเทศและแฟนวอลเลย์บอลทั่วโลกต่างก็ดูการถ่ายทอดสดแม็ทช์ดังกล่าว

และเห็นถึงความผิดปกติในการตัดสินในเกมของผู้ตัดสินชาวเม็กซิโกด้วย นายริชาร์ด ขอให้ผมช่วยเกาะติดสถานการณ์และกระแสความเคลื่อนไหวของข่าวนี้ ตลอดจน feedback จากแฟนวอลเลย์บอลชาวไทยด้วย..."

--------------------------------------------------------

เครดิต Facebook ปรีชาชาญ วิริยานุภาพพงศ์