5 นิยายอมตะ แห่งโลกฟุตบอล

5 นิยายอมตะ แห่งโลกฟุตบอล

5 นิยายอมตะ แห่งโลกฟุตบอล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"เลสเตอร์ กำลังเข้าใกล้การเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีกขึ้นเรื่อยๆ ผมหวังว่าเรื่องราวจะดำเนินไปอย่างที่ทุกๆคนฝันไว้ เพราะนี่จะเป็นสิ่งยืนยันที่เราสามารถเอาไปเล่าต่อชั่วลูกชั่วหลานได้ว่า ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในวงการกีฬา" อเลสซานโดร เดล ปิเอโร ตำนานแห่งกรุงตูรินกล่าวไว้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากคู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง "ไก่เดือยทอง" พลาดท่าเสมอกับทีมที่ไม่ได้ลุ้นอะไรอย่าง เวสต์บรอม ทำให้ช่องว่าถูกขยายไปเป็น 7 คะแนนในช่วง 3 นัดสุดท้าย

หากไม่มีเหตุการณ์ฟ้าถล่ม แผ่นดินทะลายระดับ 10 กะโหลก เชื่อว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2015-2016 จะเป็นทีมที้มีเจ้าของเป็นคนไทย และเรื่องราวของ "จิ้งจอกสยาม" ในฤดูกาลนี้ จะกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานแห่งโลกฟุตบอลอย่างแน่นอน

ว่าแล้ววันนี้ ขอย้อนความหลังไปดูเรื่องราวอมตะในโลกฟุตบอล ที่ทำให้คนทั่งโลกต้องหลงเสน่ห์ ด้วยเรื่องราวชวนตะลึกพรึงพรืด สมกับคำที่ว่า "ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ในโลกของฟุตบอล"


1.เทพนิยายแห่งเดนส์ (เดนมาร์ก – แชมป์ยูโร 1992)
ย้อนไปในยุคปี 1992 ฟุตบอลยูโรรอบสุดท้าย แข่งขันกันเพียง 8 ทีม 1 ในนั้นคือเจ้าภาพ การเข้าสู่รอบสุดท้ายก็ถือเป็นงานยากสุดๆแล้วมิต้องพูดถึงการคว้าแชมป์ ทีมชาติเดนมาร์ก ที่นำโดย "ยักษ์เดนส์" ปีเตอร์ ชไมเคิล ก็ไม่สามารถหักด่านยอดทีมของยุคนั้นอย่าง ยูโกสลาเวียได้ เมื่อจบรอบคัดเลือกด้วยการเป็นที่ 2 ซึ่งไม่เพียงพอต่อการเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย หากแต่นั่นกลับกลายเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของหนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกฟุตบอล

เมื่อทีมอย่าง ยูโกสลาเวีย ไม่สามารถส่งทีมเข้าแข่งขันได้จากการโดนแบนเรื่องสงคราม เดนมาร์ก ในฐานะรองแชมป์กลุ่มจึงได้สิทธิ์เข้าร่วมแทนโดยมีเวลาเตรียมทีมเพียง 11 วัน เท่านั้นหากแต่ทีมจากแดนโคนมกลับโชว์ฟอร์มปราบเซียน เมื่อชไมเคิลเซฟจุดโทษของ มาร์โก วาน บาสเท่น รอบรองชนะเลิศ ก่อนที่จะไปปราบแชมป์เก่าอย่าง "อินทรีเหล็ก" เยอรมันในรอบชิงชนะเลิศ เขียนตำนานเทพนิยายเดนส์ คว้าแชมป์ยุโรปไปอย่างเหลือเชื่อ



2.เทพนิยายแห่งกรีซ (กรีซ – แชมป์ยูโร 2004)
ทีมชาติกรีซ ผ่านเข้าแข่งขันฟุตบอลยุโรปรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี ถูกวางอยู่ในโถสุดท้ายพร้อมกับแปะหัวไว้ว่า "ไม้ประดับ" แต่ขุนพลของ อ๊อดโต้ เรฮาเกล กลับพลิกล็อกชนะเจ้าภาพอย่าง โปรตุเกส ในนัดเปิดสนามไป 2-1 ก่อนที่จะ เสมอสเปน และแพ้รัสเซีย จบรอบแรกด้วย 4 คะแนนเท่ากับรัสเซียแต่ยิงได้เยอะกว่า เข้ารอบ 2 ไปแบบกระท่อนกระแท่น ก่อนที่จะปราบฝรั่งเศสและ เช็คเข้าไปชิงชนะเลิศกับเจ้าภาพอย่าง โปรตุเกส ซึ่งส่วนใหญ่ก็คิดว่าเจ้าภาพคงได้ล้างตา หากแต่กลายเป็นดาวรุ่งอย่าง อันเจลอส ชาริสเทียอัส ทำประตูชัยให้กรีซ เขียนตำนานบทใหม่ ส่งให้เจ้าภาพอย่างโปรตุเกส ต้องร้องเพลง รอ แชมป์ระดับเมเจอร์ต่อไป



3.กำเนิดยอดกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ (ปอร์โต้ – แชมป์ UCL 2004)
โชเซ่ มูรินโญ่ซึ่งขณะนั้นเป็นกุนซือหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรง เริ่มสร้างชื่อกับยอดทีมแดนฝอยทองได้ 3 ปีก่อนที่จะมาสร้างตำนานบทใหม่พาทีมม้ามืดอย่างปอร์โต้ คว้าแชมป์ยุโรปไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยขุนพลหลักอย่าง เดโก้ หรือ ริคาร์โด คาร์วัลโญ่ ก่อนเจ้าตัวจะไปสร้างชื่อต่อที่เชลซี



4.แจ็คผู้ฆ่ายักษ์แห่งสเปน (แอตเลติโก มาดริด – แชมป์ ลาลีกา 2014)
นับตั้งแต่ปี 2004 ถึง 2013 เกือบๆ 10 ปี ทำเนียบแชมป์ลาลีกามีเพียง เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า เป็นสมบัติผลัดกันชม ชนิดที่ว่า หลายๆคนเลิกดูบอลสเปน เพราะน่าเบื่อแย่งแชมป์กันอยู่ 2 ทีม แต่ในฤดูกาล 2013-2014 ลูกทีม "ตราหมี" ของดิเอโก้ ซิมิโอเน่ กุนซือหนุ่มไฟแรงกลับสร้างเรื่องเหลือเชื่อเมื่อปราบ 2 ยักษ์ใหญ่ของสเปน สถาปนาตนเป็น "ขั้วอำนาจที่ 3" แต่แดนกระทิง ด้วยการเล่นที่ดุดัน รัดกุม เกือบได้แชมป์ยุโรปเป็นอีกรางวัลด้วยซ้ำ



5.พลิกดินสู่ดาว (เลสเตอร์ – ว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีก 2015-2016)
จากการพลิกนรกหนีตกชั้นเมื่อปีกลาย เปลี่ยนผ่านตำแหน่งผู้กุมบังเหียน มาเป็นขรัวเฒ่าอย่าง เคลาดิโอ รานิเอรี่ที่อดีตตัวตลก "ทิงเกอร์แมน" ของสื่ออังกฤษ กำลังจะสร้างตำนานลูกหนึงบทใหม่เมื่อทีมที่เคยหนีตกชั้นเมื่อฤดูกาลก่อน กำลังจะคว้าแชมป์ลีกที่ว่ากันว่า "หินที่สุดในโลก" ด้วยความรัดกุม ความละเอียดแบบอิตาเลียน กับฟอร์มอันร้องแรงของ มาห์เรซ เจ้าของตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมของลีก และการจุติของ เจมี่ วาร์ดี้ เลสเตอร์อาจจะไปคว้าแชมป์ถึง โรงละครแห่งความฝันในสุดสัปดาห์นี้เลยก็เป็นได้


By Kobig

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook