ชาญวิทย์ ชูนโยบาย "รวมกันเป็นหนึ่งสู่ ครอบครัวฟุตบอลไทย"

ชาญวิทย์ ชูนโยบาย "รวมกันเป็นหนึ่งสู่ ครอบครัวฟุตบอลไทย"

ชาญวิทย์ ชูนโยบาย "รวมกันเป็นหนึ่งสู่ ครอบครัวฟุตบอลไทย"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"อ.หรั่ง" ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.), อดีตรองอธิบดีกรมพลศึกษา และอดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ หมายเลข 4 เปิดเผย ถึงนโยบายในการบริหารงาน และพัฒนาวงการฟุตบอลไทย ว่า ตลอดระยะเวลา 30-40 ปี ที่อยู่ในวงการฟุตบอล ตนมีความจริงใจที่ต้องการจะพัฒนาวงการฟุตบอล อยากใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์มาบริหารงานในตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ

ปัจจุบันฟุตบอลไทยกำลังไปได้ดีทั้งในระดับทีมชาติ และระดับสโมสร แต่เริ่มมีความขัดแย้ง ซึ่งจะทำให้ฟุตบอลไทยไม่เดินไปข้างหน้า ครั้งนี้จึงขอยืนยันยุทธศาสตร์ด้วยการใช้นโยบายสร้างความปรองดอง ลดความขัดแย้ง ทำงานด้วยความโปร่งใส สร้างความรัก ความสามัคคี มาร่วมจับมือกันสร้างครอบครัวของเราให้เป็นหนึ่งเดียว นั่นคือ "ครอบครัวฟุตบอลไทย"

โดยนโยบายหลักในการนำเสนอ เพื่อบริหารงาน คือ ลดความขัดแย้ง พัฒนาก้าวไกล โปร่งใสไปบอลโลก  คือสิ่งแรกที่ต้องทำหากได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมฯ ตามยุทธศาสตร์ของท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่นคือการทำประชารัฐ เพื่อให้เกิดความปรองดอง

 "พัฒนาก้าวไกล" คือ การพัฒนาฟุตบอลไทยให้ก้าวไปข้างหน้า ต้องมาจากการสร้างรากฐานให้มีความ แข็งแกร่ง และยั่งยืนทั้งนี้ในส่วนของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก และฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 ที่มีบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด หากได้เป็นผู้บริหารงาน ก็จะเปิดโอกาสให้ทุกทีมสโมสรในลีก ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นคณะกรรมการ และผู้ถือหุ้น เพื่อร่วมกันเสนอแนะแนวทางในการพัฒนา

ด้านสิทธิประโยชน์จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดจะให้กับทุกๆ ทีมสโมสรในลีกต่างๆ เพื่อเป็นเงินทุนในการสนับสนุนทีม  โดยในปี 2559 นี้ทีมในไทยพรีเมียร์ลีกจะได้รับทีมละ 20 ล้านบาท, ลีกดิวิชั่น 1 ได้รับทีมละ 3 ล้านบาท และลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ได้รับทีมละ 2 ล้านบาท ในปี 2560-2563 ทุกๆ ทีมสโมสรในลีกอาชีพ จะได้รับเงินตอบแทนจากการขายลิขสิทธิ์ที่เพิ่มสูงขึ้น

ดังนี้- ไทยพรีเมียร์ลีก ปี 2560 จะได้รับเงินสนับสนุนทีมทีมละ 25 ล้านบาท, ปี 2561 ได้รับทีมละ 25 ล้านบาท, ปี 2562 ได้รับทีมละ 27.5 ล้านบาท และปี 2563 ได้รับทีมละ 30 ล้านบาท และ ฟุตบอลลีกดิวิชั่น 1 ในปี 2560-2563 จะได้รับเงินสนับสนุนทีมทีมละ 5 ล้านบาท/ต่อปี ส่วน ฟุตบอลลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2 ในปี 2560-2563 จะได้รับเงินสนับสนุนทีมทีมละ 3 ล้านบาท/ต่อปี

ขณะที่ การพัฒนาบุคลากรก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ให้ความสำคัญ  ตั้งแต่การพัฒนาโค้ช และผู้ตัดสิน นอกจากนี้ก็จะมี โครงการก่อตั้ง "ธนาคารฟุตบอล"เพื่อตอบสนองความต้องการของเยาวชนที่มีใจรักในกีฬาฟุตบอล แต่ยังขาดแคลนอุปกรณ์ ในทุกๆ จังหวัดทั่วประเทศ

และโครงการก่อตั้ง "กองทุนสวัสดิการนักฟุตบอลทีมชาติไทย" เพื่อช่วยเหลือคนในวงการฟุตบอลที่เดือดร้อนทั้งการใช้ชีวิตและด้านสุขภาพ

"โปร่งใสไปบอลโลก" หัวใจของการพัฒนาฟุตบอลในระดับประเทศ คือการสร้างฟุตบอลลีกอาชีพ ในระดับเยาวชน เราต้องดำเนินการเป็นอย่างแรก และพัฒนาต่อเนื่องสู่ลีกเยาวชนในรุ่นต่างๆ ต่อยอดสู่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ และมีโอกาสไปแข่งชิงแชมป์โลกในอนาคต      

 ในแผนงานที่จะผลักดันทีมชาติไทยสู่ฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 นั้น ในเบื้องต้นโอกาสของทีมไทยเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายของเอเชียนั้นมีสูง ตนพร้อมที่จะสนับสนุน "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ ในการเตรียมทีมให้มีความพร้อมอย่างเต็มที่  รวมถึงการพัฒนาฟุตบอลหญิงและฟุตซอลลีกก็เป็นอีกหนึ่งแผนงานที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน

 "รวมเป็นหนึ่ง สู่ ครอบครัวฟุตบอลไทย"  ในวันนี้ฟุตบอลไทยจะเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนได้ พวกเราคนในวงการฟุตบอลทุกคนต้องจับมือกัน ร่วมใจกัน รวมกันเป็นหนึ่ง ขับเคลื่อนฟุตบอลไทยไปด้วยกันสู่จุดหมายเดียวกัน
"ผมและคณะทำงานมีความตั้งใจจริง พร้อมนำความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ในวงการฟุตบอลมาพัฒนาวงการฟุตบอลไทย เน้นการทำงานที่โปร่งใส มีความชัดเจน ถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้ สร้างความเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตใหม่ของวงการฟุตบอล " อ.หรั่ง กล่าวทิ้งท้าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook