"ช้างศึก" ตกรอบ! แต่ทำไมไม่เสียใจ?!!! (เรื่องโดย UNHIGH)

ผ่านพ้นค่ำคืนแห่งความสุขไปแล้ว สำหรับแฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศ ที่ไม่ได้เสียใจการตกรอบของทีม "ช้างศึก" ทีมชาติไทย U23 เลยซักนิด เพราะอะไรหน่ะหรอ?

ก็เพราะว่า "ขุนพลช้างศึก" เล่นได้ประทับใจแฟนบอลซะเหลือเกิน นั่งลุ้น นั่งเชียร์ นั่งเสียว จนลุกขยับไปไหนไม่ได้เลย ต้องเกาะติดอยู่หน้าจอ ตลอดทั้ง 3 เกม ที่ผ่านมา

ยิ่งรู้สึกภูมิใจกับ "ช้างศึก" ชุดนี้มาก ที่ช่วยกันเล่นทำให้คนไทยทั้งประเทศได้ดูบอลดีๆ ตื่นเต้นตลอดทั้งเกม สามารถต่อกรกับทีมบิ๊กเนมระดับเอเชียได้สนุกเร้าใจแฟนบอล

มาที่ "ซิโก้" โค้ชมากความสามรถ ทำทีม "ช้างศึก" เล่นได้ถึงระดับนี้ แม้ว่าจะมีเวลาเตรียมตัวน้อย แต่ก็ทำผลงานได้ดีเกินคาด ส่วนคนต่อมาต้องยกให้ "เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ทัวร์นาเม้นท์นี้

เล่นได้นิ่งเหลือเกิน เหมาะสมกับตำแหน่งกัปตันที่โค้ชมอบให้ และคนสุดท้ายที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย สมพร ยศ ที่โชว์มือปลาหมึกเซฟอุตลุด เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมมีถึง 2 คะแนน

สำหรับสามคนนี้ ผมถือว่าเป็นตัวคีย์แมนสำคัญ สำหรับ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย ชุดลุยโอลิมปิก ที่ทำให้ทีมมีลุ้นเข้ารอบถึงนัดสุดท้าย และวินาทีสุดท้ายจริงๆ

และทำไมถึงไม่รู้สึกเสียใจกับการตกรอบในครั้งนี้เลยนั้นก็คือ ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย U 23 กลุ่มบี ถือว่าเป็น กรุ๊ป ออฟเดธ ของรายการนี้เลยก็ว่าได้ เพราะแต่ละทีมแข็งๆทั้งนั้น

แต่ทว่าทีมชาติไทย ก็ยังสามารถเก็บได้ถึง 2 แต้ม จากนี้ โดยเสมอ "ทีมเศรษฐีน้ำมัน" นัดแรกมา 1-1, เกมต่อมาโดย "ซามูไร" ฟันซะไม่เหลือซาก "ช้างศึก" เลยทีเดียว 4-0

และนัดสุดท้าย "ขุนพลนักเตะไทย" เกือบสร้างเซอร์ไพรส์ ให้กับ แฟนบอลทั้งสยามประเทศได้ชื่นใจ แต่ก็ไปไม่ถึงฝัน เสมอกับ เกาหลีเหนือ ไปแบบสุดมันส์ 2-2

กลุ่มนี้ต้องลุ้นกันถึงนัดสุดท้ายเพื่อหาทีมที่เข้ารอบตาม ญี่ปุ่น ที่ชนะสามเกมรวด (ดูแล้วแชมป์แน่ๆ) ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม

ส่วนสามทีมที่เหลือ เสมอ 2 แพ้ 1 เหมือนกันทั้งสามทีม และเป็นทางด้าน "โสมแดง" ที่วิ่งตาม "ซามูไร" เข้าป้ายสู่รอบต่อไป

เพราะ เกาหลีเหนือ ได้ผ่านเข้ารอบต่อไปจากกฎมินิลีกที่ดีกว่า เพราะ ยิงได้ 5 เสีย 5 ขณะที่ ซาอุดิอาระเบีย ยิงได้แค่ 4 เสีย 4 ส่วน "ช้างศึก" ของเรายิงได้น้อยสุด 3 เสีย 3

ตอนนี้ "แข้งช้างศึก" คงรู้แล้วว่า การได้ออกมาเผชิญท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ พร้อมทั้งเจอสัตว์ป่าโหดร้ายมากมาย มันน่ากลัวขนาดไหน (ระดับเอเชีย)

ผิดกับทุ่งนาเล็กๆ ในบ้านเรา (ระดับอาเซียน) ที่เราดูยิ่งใหญ่ และน่าเกรงขาม จนไม่มีใครต่อกรได้ คงเริ่มรู้แล้วว่าโลกแห่งความจริงมันเป็นอย่างไร

สิ่งที่ทีม "ช้างศึกไทย" และทีมงาน สต๊าฟโค้ช ยังขาดในทีมชุดนี้ ที่ยังต้องไปเพิ่ม ปรับปรุง แก้ไข นั้นก็คือ

1.ความเข้าใจในเกม การเคลื่อนที่ของตัวผู้เล่นในเวลาที่ไม่มีบอล ระบบทีมเคลื่อนที่ทั้งทีมจังหวะรุก และรับ การวางบอลไปข้างหน้า ทีมชาติไทยยังขาดจุดนี้ ส่งบอลเสียเยอะ ได้บอล แล้วไม่รู้จะส่งไปทางไหน ทำให้เสียเวลา จนคู่ต่อสู้ลงมาแพ็คเกมรับจนไม่สามารถพังประตูคู่แข่งได้

2.เทคนิคการเพรสซิ่ง จับบอล การบังบอล และการพลิกบอล เพื่อหาจังหวะเล่นต่อเนื่องให้ลื่นไหล 3 เกมที่ผ่านมา การจับบอลแรก  "ช้างศึก" ยังทำได้ไม่ดีนัก ยิ่งโดนเกมเพรสซิ่งหนักๆ ยิ่งพลาดง่ายเสียเปรียบให้คู่แข่ง ส่งผลให้การเคลื่อนที่ของบอลช้ายิ่งช้าลง จนต้องเสียบอลในที่สุด

3.ความแข็งแกร่งของร่างกาย สรีระ และลูกกลางอากาศ ที่ผ่านมาเราไม่สามารถได้ผลประโยชน์ในการเล่นลูกกลางอากาศ ลูกเซตพีซ หรือลูกตั้งเตะเลย เพราะด้วยสรีระที่เป็นรองเยอะ แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ลูกทางอากาศ เราไม่สามารถป้องกันเอาไว้ได้เลย เพราะ 3 เกมที่เห็น เสียจากลูกกลางอากาศเยอะ

4.ความแข็งแกร่งของร่างกาย เพราะนอกจากความฟิตแล้ว ร่างกายจะต้องมีความแข็งแกร่ง เพื่อการปะทะที่หนักหน่วงด้วย แม้ว่าเราจะมีการพัฒนาความฟิตขึ้นมามาก เพราะเมื่อก่อนวิ่งได้แค่ 60 นาทีก็หมดแรง แต่เดี๋ยวนี้เรากลับวิ่งไล่ได้ตลอด 90 นาที แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับการเจอบิ๊กเนมในเอเชีย

โดยรวมถือว่าทำผลงานได้เข้าตาแฟนบอลชาวไทยทีเดียว เพราะหากลองมองดูทีมจากโถ 4 มีทีมชาติไทยทีมเดียวที่มีถึง 2 แต้ม นอกนั้นจีน และ เยเมน ก็แพ้สามนัดรวด เหลือรอลุ้นเชียร์ เวียดนาม อีกทีมว่าคืนนี้จะเก็บแต้มจาก ยูเออี ได้หรือไม่

แต่ดูแล้วคงรอดยากเพราะ ยูเออี ต้องชนะสถานเดียวจะการันตีการผ่านเข้าไปสู่รอบ

เชื่อว่า "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนามเมือง นำพาทีมชาติไทยมาถูกทางแล้ว เพพียงแค่ตอนนี้ต้องใช้เวลาบ่ม สะสมประสบการณ์ ในเวทีระดับเอเชียให้มากขึ้นกว่านี้

สำหรับ ทีมชาติไทย มีศึกใหญ่อีกรายการที่สำคัญมากรออยู่ นั้นคือศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย เพื่อหาทีมเข้รอบ 12 ทีมสุดท้ายของเอเชีย ต่อไป

โดยนัดสุดท้ายของกลุ่มเอฟ "ช้างศึกชุดใหญ่" ต้องยกพลไปเยือน อิรัก เกมนี้ ทีมชาติไทย ขอแค่ผลเสมอ เราจะผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มทันที ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เจอกัน....

เรื่องโดย UNHIGH
เครดิตภาพ : Thailand National Team Gallery