สกู๊ป : "Fanstastic For Barca Four"

สกู๊ป : "Fanstastic For Barca Four"

สกู๊ป : "Fanstastic For Barca Four"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นอีกวันหนึ่งที่ประวัติศาสตร์ลูกหนังเมืองกระทิงต้องบันทึกไว้ว่า เรอัล มาดริด ทีมแชมป์ลาลีกาสูงสุด 32 สมัย ต้องโดนบาร์เซโลน่า บุกมาถลุงจนเสียรูปทรง ถึงสี่ประตู

ถ้ายังจำกันได้ เมื่อซีซั่นที่แล้ว ช่วงเดือนมีนาคม พวกเขาก็เพิ่งโดน ชาลเก้ จากเยอรมัน บุกมายิงได้ถึง 4 ประตู เช่นกัน แต่ยังพอถูไถได้บ้าง เพราะนัดดังกล่าวพวกเขายังยิงไล่มาแบบให้อายน้อยหน่อย 3 ประตู

และนี่คือเกมแห่งศักดิ์ศรี ระดับเอล กลาซิโก้ แค่แพ้ในบ้านก็ยากแล้ว นี่โดนถึงสี่ลูก ทำให้อาจมีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ตามมา หากมีช่วงให้พักเบรก

การจัดทัพลงสนามต้องว่าตรงๆ ว่าเจ้าบ้านมีตัวเลือกมากกว่าชัดเจน ทั้ง กองหน้าและกองกลาง ที่สามารถเรียกชุดที่ดีที่สุด เท่าที่โค้ชจะหามาได้


แต่กระนั้น ราฟาเอล เบนิเตซ ยังทำให้หลายๆ คนผิดหวัง เพราะ เบนเซม่า ที่เขาเรียกมา รวมทั้งนักเตะอย่าง แกเร็ธ เบล ไม่ใช่นักเตะที่มีสภาพร่างกายที่พร้อม กับ เกมที่เล่นกันแบบถึงพริกถึงขิงแบบนี้

ขนาดบาร์เซโลน่า ที่ หลุยส์ เอนริเก้ พยายามหาทางให้ เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์แบบหนึ่งกลับมาไวที่สุด ยังทำได้แค่สำรองเท่านั้น ส่วนไลน์อัพแรก จะเน้นที่เล่นบอลเร็ว เข้าบอลและบีบพื้นที่ได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ของสนามมากกว่า

เห็นได้ชัดว่าตลอด 90 นาที นักเตะบาร์ซ่า เพรสซิ่งกันทุกคน ตั้งแต่แนวรับยันแนวรุก สามารถบีบให้เรอัล มาดริด ต้องส่งคืนหลังกัน จนไปขึ้นที่ ราฟาเอล วาราน หรือไม่ก็ เคย์เลอร์ นาวาส ที่ต้องสาดโด่งมากลางสนาม ไม่สามารถเซตเกมกันได้

ราฟาเอล วาราน มีดีแค่ความเร็วที่ใช้วิ่งไล่กวดบอล กับลูกกลางอากาศแค่นั้นจริงๆ ส่วนเรื่องการเตะบอล การจ่ายบอลให้เพื่อน กองหลังทีมชาติไทยยังทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ

การเลือกใช้ เบนเซม่า ก็เป็นอีกจุดที่ เชื่อว่าโค้ชทำงานไม่ดี เพราะเขาไม่มีความฟิตพอจะไล่บอล หรือชนกองหลังบาร์ซ่าได้เลย หนำซ้ำ แนวรุกของเรอัล เหมือนเล่นกันแค่ สองถึงสามคน คือ เบล, ฮาเมส และ โรนัลโด้

ตรงกันข้ามกับทีมเยือน ที่ใช้กองหน้าสองตัว แต่เหมือนเล่นกันได้เต็มที่กว่า ทั้ง เนย์มาร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ทำงานได้สบายในเมื่อแผงกลางมีถึง 4 ตัว คอยประคอง


บอลที่ออกนำตั้งแต่ช่วง 10 นาทีแรก ทำให้พวกเขายิ่งเล่นง่ายเข้าไปใหญ่ จุดบอดของเจ้าบ้าน ที่วาราน พลาดยืนห่าง ซัวเรซ นิดเดียวเทานั้น ซึ่ง “จอมกัด” ชั้นบอลห่างจากเจ้าเบนซ์เยอะแยะ โชว์ให้เห็นว่าครั้งเดียวก็พอ ที่เขาจะดีดบอลเล่นทางเข้าไปง่ายๆ

อีกจุดหนึ่งที่ เรอัล มาดริด สู้บาร์เซโลน่าไม่ได้ คือการเซตบอลกลางสนาม เพราะวันนี้ ลูก้า โมดริช และ โทนี่ โครส จ่ายบอลเสียมากกว่าคู่ของ อินิเอสต้า และราคิติช หลายช่วงตัวด้วยกัน

โดยเปอร์เซ็นต์การจ่ายบอลของสองมิดฟิลด์เรอัล มาดริด อยู่ที่ 88 และ 89 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับกันของ โมดริช กับ โครส ขณะที่คู่หูจากบาร์ซ่า ที่อายุ 30 บวก นั้น 95 เปอร์เซ็นต์ ทั้งคู่

ทุกอย่างมันเป็นผลมาจากที่ทีมเยือนเข้าบอลได้ไวกว่า สามารถบีบการออกบอลจากสองคนนี้ได้ ในขณะที่ ราคิติช กับ อินิเอสต้า สามารถลงไปล้วงบอลหน้าประตู โดยที่ เบนเซม่า ไม่ยอมเข้ามายิง ส่วนคนที่ไล่บอลอย่าง โรนัลโด้ หรือ เบล ก็ไม่มีกำลังพอที่จะบีบได้ทั้งหมด


ครึ่งหลังรูปเกมก็ไม่ต่างจากครึ่งแรกมากนัก เนื่องจาก เรอัล ทำท่าจะดีขึ้น เริ่มหันมายิงไกลบ้าง ทว่าก็เสียจากความสามารถของอินิเอสต้า ที่ใช้จังหวะการเซตเกมของตัวเอง จ่ายยัดขึ้นหน้า และตามขึ้นไปยิงตามสูตร เหมือนกับรู้จัก เนย์มาร์ มาเป็นสิบๆ ปี

หลังจากโดนสามประตู เรอัล มาดริด ก็จับต้นชนปลายไม่ถูก ลูกแรกยังหาไม่ได้ ไม่รู้จะตีเสมอได้เมื่อไหร่ รูปเกมที่วางมาของราฟา เป็นรองบาร์ซ่าชัดเจน ทั้งทรงบอลและความสามารถนักเตะ

ยิ่งดันขึ้นสูง ก็ยิ่งเข้าทางทีมเยือน ที่ปล่อย เมสซี่ลงมา ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย แล้วก็เป็นที่มาของประตูที่สี่ เพราะทุกคนมัวแต่พะวง ตรงกลาง ไม่มีใคร เช็กซัวเรซ ที่แลบมาจากริมเส้นด้านขวา หลุดไปตัวๆ กับ นาวาส และความยอดเยี่ยมของเขาก็เอาชนะได้สบายๆ

จบเกมเป็นอันว่ายกแรกของกลาซิโก้ ปีนี้ เรอัล มาดริด ภายใต้การทำทีมของราฟาเอล เบนิเตซ ยังห่างชั้นกับ “ทริปเปิลแชมป์ปีกลาย” อยู่หลายขุมด้วยกัน

จากการเทียบกับ ยุคของ อันเชล็อตติ ที่สามารถชนะบาร์ซ่าได้ 3-1 ปีที่แล้วที่สนามแห่งนี้ สามารถบอกได้เลยว่า กุนซือรายนี้ ทั้งการแก้เกมและการดึงความสามารถของนักเตะ ดูเหนือกว่า ราฟา


สิ่งที่ต้องติดตามก็คือ อาการของนักเตะแต่ละคนอย่าง พวก โรนัลโด้ หรือ โทนี่ โครส ที่พวกเขาเคยหนุนหลังกุนซือคนก่อนหน้านี้ จนบางครั้งก็ไม่ยอมรับในฝีมือของราฟา ว่าถึงขั้นจะแตกหักหรือไม่

สามนัดต่อจากนี้ไปของเรอัล ที่ต้องเยือนสามนัดติด ทั้งชัคตาร์, เออิบาร์ และ กาดิซ พวกเขาจะเอาตัวรอดได้ดีขนาดไหน หากทรงบอลไม่เสีย ยังเล่นกันเหมือนก่อนหน้านี้ ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร

แต่หากเสมอบ้างแพ้บ้าง โดยที่นักเตะไม่เล่นเพื่อโค้ชแล้ว โอกาสที่หน้าหนาวปีนี้ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ต้องหาโค้ชมาคุมพวกซูเปอร์สตาร์พันล้านใหม่ มีสูงจริงๆ

รายชื่อและคะแนนนักเตะ
เรอัล มาดริด (4-2-3-1)
เคย์เลอร์ นาวาส 6, ดานิโล่ 5, ราฟาเอล วาราน 4, เซร์คิโอ รามอส 5, มาร์เซโล่ 5, ลูก้า โมดริช 5, โทนี่ โครส 5, แกเร็ธ เบล 5, ฮาเมส โรดริเกซ 5, คริสติอาโน่ โรนัลโด้ 4, คาริม เบนเซม่า 3

บาร์เซโลน่า (4-3-1-2)
เคลาดิโอ บราโว่ 8, ดานี่ อัลเวส 7, เคราร์ด ปิเก้ 7, ฮาเวียร์ มาสเชราโน่ 6 (มาติเยอ 6), ฆอร์ดี อัลบา 7, เซร์กี้ โรเบร์โต้ 8, เซร์กี้ บุสเกตส์ 8,  อิวาน ราคิติช 7 (เมสซี่ 7), อันเดรส อินิเอสต้า 9, เนย์มาร์ 9, หลุยส์ ซัวเรซ 9


แมน ออฟ เดอะ แมตช์
- อันเดรส อินิเอสต้า

แม้จะยิงได้เพียงลูกเดียว แต่ในวัย 31 ปี เขาทำให้ ลูก้า โมดริช หรือไม่ก็ โทนี่ โครส ของเจ้าบ้าน วิ่งหาบอลไม่เจอ ด้วยทางบอลที่ชาญฉลาด ทำให้จังหวะจะโคนการขึ้นบอล การดึงเกมนั้น ทุกอย่างเข้าทางบาร์ซ่าไปหมด

สองแนวรุกอย่าง เนย์มาร์ กับ ซัวเรซ อาจจะเด่นเรื่องเกมรุกและการจบสกอร์ แต่ในเรื่องประสบการณ์ในเกมกลาซิโก้นั้น นี่คือหนที่ 32 ของเจ้าตัวแล้ว เทียบเท่ากับ คาร์เลส ปูโยล ตำนานของทีม หากว่าปลายซีซั่นได้ลงอีก เขาก็พร้อมทำลายสถิติทันที

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook