โหมโรงลอนดอนดาร์บี้แมตช์ "คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2015-16"

โหมโรงลอนดอนดาร์บี้แมตช์ "คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2015-16"

โหมโรงลอนดอนดาร์บี้แมตช์ "คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2015-16"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอลลีกอังกฤษฤดูกาลใหม่กำลังจะรูดม่านเปิดฉากอย่างเป็นทางการ โดยมีเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ระหว่างแชมป์พรีเมียร์ลีกกับแชมป์เอฟเอคัพในวันอาทิตย์นี้ เป็นสัญญาณของการเริ่มต้น ซึ่งปีนี้เป็นสองทีมดังแห่งกรุงลอนดอนอย่างเชลซีและอาร์เซนอล ที่จะมาเป็นคู่ดวลแข้งนัดปฐมฤกษ์กัน

เชลซี จะลงเตะในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีกที่คว้าแชมป์ฤดูกาลก่อนแบบนอนมา ด้วยการนำแบบม้วนเดียวจบ ทำให้ทีมของ โจเซ่ มูรินโญ่ ยังคงถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งในการคว้าแชมป์ฤดูกาลนี้อีกครั้ง

ส่วน อาร์เซนอล มาในฐานะแชมป์เอฟเอ คัพ ที่ได้ครองสองปีติด ทำให้ปืนใหญ่ได้ครองสถิติคว้าแชมป์รายการนี้สูงสุด 12 สมัย และการสลัดฉายา I am Number Four ทิ้งได้ ด้วยการจบในอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว ก็ทำให้ทีมของอาร์แซน เวนเกอร์ ถูกมองว่าน่าจะได้ลุ้นแชมป์สนุกขึ้นในปีนี้ แม้จะเป็นเพียงเต็ง 3 รองจากเชลซีและแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ก็ยังถูกยกให้เหนือกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถูกวางเป็นเต็ง 4

เพราะฉะนั้น เกมนี้จึงเป็นที่จับตามองไม่น้อย เมื่อทั้งสองทีมจะมาประลองกำลังกันเบาๆเพื่อชิมลาง ก่อนที่ของจริงจะเริ่มต้นขึ้นในวันเสาร์หน้า

อาร์เซนอลได้ครองแชมป์รายการนี้ นับตั้งแต่ตอนใช้ชื่อว่าแชริตี้ ชิลด์ ด้วย สูงสุดเป็นอันดับ 3 ที่ 13 ครั้ง รองจากแมนฯ ยูไนเต็ดและลิเวอร์พูล โดยเป็นการครองแชมป์ร่วมหนึ่งครั้ง จากการเข้าชิง 20 ครั้ง โดยแชมป์ครั้งล่าสุดของปืนใหญ่คือเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ที่โชว์ฟอร์มสดถล่มแมนฯ ซิตี้ ไปถึง 3-0

ส่วนเชลซีเข้าชิงน้อยกว่าถึงครึ่งหนึ่งคือ 10 ครั้งและได้แชมป์ไป 4 ครั้ง โดยสิงโตน้ำเงินครามได้แชมป์ครั้งหลังสุดเมื่อปี 2009 ที่ลงเตะในฐานะแชมป์เอฟเอ คัพ และเอาชนะแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด ไปได้ด้วยการดวลจุดโทษหลังเสมอกัน 2-2 หลังจากนั้นเชลซีได้เข้าชิงอีกสองครั้งในปี 2010 และ 2012 แต่ก็แพ้ให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด 1-3 และแพ้แมนฯ ซิตี้ 2-3

ขณะที่สถิติการพบกันของทั้งสองทีมนั้น อาร์เซนอลยังขี่อยู่ เมื่อเป็นฝ่ายชนะ 67 ครั้ง ส่วนเชลซีชนะได้ 48 ครั้ง และเสมอกัน 47 ครั้ง

แต่สถิติของสิงโตน้ำเงินครามขี่อยู่เยอะในการเจอกันช่วงหลังๆ เมื่อไม่แพ้เลยใน 8 เกมหลังสุด โดยชนะ 5 เสมอ 3 และแพ้แค่ 2 จาก 15 นัดหลังสุดเท่านั้น ด้วยสถิติชนะ 10 เสมอ 3 แพ้ 2

ส่วนในการชิงถาดเพื่อชุมชนรายการนี้ ทั้งสองทีมเคยพบกันเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 2005 โดยเชลซีในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีกเอาชนะอาร์เซนอลที่เป็นแชมป์เอฟเอ คัพ ลงได้ด้วยสกอร์ 2-1 ซึ่งตอนนั้นเชส ฟาเบรกาส ยิงประตูได้ด้วยในฐานะนักเตะของปืนใหญ่


ในการพบกันครั้งนี้ ฟาเบรกาส จะลงเล่นในสีเสื้อของสิงโตน้ำเงินครามแทน และเป็นปีเตอร์ เช็ก ที่จะย้ายมาเฝ้าเสาให้กับอาร์เซนอลบ้าง หลังจากเขาทำหน้าที่นี้ให้กับเชลซีเมื่อ 10 ปีที่แล้ว

และจนถึงตอนนี้ อาร์เซนอลก็ยังไม่ได้ดึงนักเตะใหม่คนไหนมาเสริมทีมเพิ่มเติมเลย นอกจากการอ้าแขนรับเช็กที่โบกมือลาสแตมฟอร์ด บริดจ์ มา เพราะเสียตำแหน่งมือหนึ่งไป และทำให้เวนเกอร์ยังคงถูกวิจารณ์ต่อไปว่าไม่พยายามหรือเอาจริงมากพอกับการเสริมทัพเพื่อลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัว

แต่ทางเชลซีเองก็ไม่ได้เสริมทัพแบบอู้ฟู่อะไรมากมายในซัมเมอร์นี้ โดยมีเพียงการดึงตัว อัสเมียร์ เบโกวิช เข้ามาแทนที่ เช็ก และยืมตัว ราดาเมล ฟัลเกา มาวัดดวง หลังจากเขาแป้กไม่เป็นท่ากับแมนฯ ยูไนเต็ดเมื่อปีก่อน

นอกจากนั้นก็ยังเน้นไปที่การซื้อนักเตะดาวรุ่งมาเก็บไว้ก่อน แล้วผ่องถ่ายให้ไปหาประสบารณ์กับทีมอื่นไปพลางๆ

เกมนี้จุดที่หลายคนจับตามองคงอยู่ที่ว่า เช็กจะประเดิมสนามในแมตช์แข่งขันจริงให้อาร์เซนอล ด้วยการเจอกับทีมเก่าได้ดีแค่ไหน และฟัลเกาจะได้โอกาสลงมาพิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังเป็นศูนย์หน้าดาวยิงที่อันตรายอยู่ได้หรือไม่

ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไร แมตช์โหมโรงนัดนี้น่าจะคงความเข้มข้นเหมือนเคย และบอกให้แฟนๆได้รู้ว่า ได้เวลากลับมาลุ้นกันต่อแล้ว นับจากนี้ไปนาน 10 เดือน

Babybear

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook