พิจารณาตัวเอง...ไอ้หนูราฮีม!

พิจารณาตัวเอง...ไอ้หนูราฮีม!

พิจารณาตัวเอง...ไอ้หนูราฮีม!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมเชื่อว่า น้องๆ หรืออาจมีหลานๆคุณผู้อ่านเติบโตไม่ทันการปรับกฎ “ชนะได้ 3 คะแนน” ต่างจากเดิมชนะจะได้ 2 คะแนน นะครับ!!!

ฟุตบอลอังกฤษถูกนำมาใช้ใน ค.ศ.1981 เพื่อเน้นให้ทีมฟุตบอล “เอนเตอร์เทน” และเน้นเล่นเพื่อชนะมากขึ้น ก่อนจะ “แพร่หลาย” ไปสู่ลีกอื่นๆ ในยุโรป หรือฟุตบอลโลก (1994) ได้ปรับใช้ตามกันมา

แน่นอนครับ “เสน่ห์” มันรัญจวนและเร้าใจมาก เช่น หลังชัยชนะที่ต้องชนะอยู่แล้วเหนือนิวคาสเซิล 2-0 ของลิเวอร์พูลตามหลังการแพ้นอกบ้าน 5 เกมติดของ แมนฯซิตี้

สถานการณ์ที่ไม่เคยมีใคร “คาดหวัง” หลังหงส์แดงเปิดบ้านแพ้แมนฯ ยูไนเต็ด 1-2 ตามด้วยบุกโดนอาร์เซนอลกระซวกยับ 4-1 จึงบังเกิดขึ้นครับ ลิเวอร์พูล กลับสู่เส้นทางการ “ไล่ล่า” พื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง และหากชนะติดๆกันอีกสักหน่อยในโปรแกรมที่เหลืออีก 6 นัด และมีเพียงนัดที่ 36 เยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซี เพียงเกมเดียวที่ยากเย็น

แต่ถึงตอนนั้น เชลซี อาจได้ “แชมป์พรีเมียร์ลีก ไปแล้วก็ได้

เราอาจได้เห็น “ปาฏิหาริย์” ลิเวอร์พูล แซงจบอันดับที่ 4 ในเวลาที่ แมนฯ ซิตี้ ยังดูแกว่ง ไร้อนาคตในเกมนอกบ้านเช่นตอนนี้

อย่างไรก็ดี การจะจบ “ท็อปโฟร์” ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องอาศัยพลังในเกมรุกมากกว่าการแก้ไขข้อผิดพลาดในเกมรับ

สำหรับนัดนี้กับประตูแรกในนาทีที่ 9 ซึ่ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง รับบอลยาว 40 หลา จากจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก่อนจะ “เต้นระบำ” ผ่านแผงหลังนิวคาสเซิล และยิงโค้งผ่านมือ ทิม ครูล เข้าไป “ปลดล็อก” ให้ทีม

ฉายให้เห็น “ที่สุด” ของเกมบุก และเอาไปเลย! อย่างต่ำ 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ กับสัญญาฉบับใหม่

แต่เดี๋ยวก่อน...จังหวะหลุดยิงโล่งๆ ออกข้างครึ่งแรก และข้ามคานไปไกลด้วยเท้าซ้ายในครึ่งหลัง ทำให้ลิเวอร์พูล “เกือบซวย” ได้เหมือนกัน

โดยเฉพาะหากกรรมการ ลี เมสัน ไม่ตัดสินพลาด “ไม่ให้” จุดโทษนิวคาสเซิลท้ายครึ่งแรกที่ เดยัน ลอฟเรน ยังแสดงตัวอย่าง “ไม่นิ่ง” ในเกมรับสอย อโยเซ่ เปเรซ ร่วงในกรอบโทษ

อีกทั้ง นอกจาก สเตอร์ลิ่ง จะพลาด “แฮตทริก” แล้ว การพลาดชนิดอย่างน้อยควรยิง “เข้ากรอบ” ยังทำให้นึกถึงเกมแพ้แมนฯ ยูไนเต็ด ในนัดแรกที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ฤดูกาลนี้อีกด้วย

คราวก่อน สเตอร์ลิ่ง ก็พลาดแล้วพลาดอีกให้ ดาวิด เด เกอา ก่อนหงส์แดงจะโดนลงโทษอย่างไร้ปรานี 0-3

แบบนี้จึง “สะท้อนภาพ” การต่อสัญญาที่ยังคาราคาซัง พร้อมๆกับเครื่องหมายเรื่อง “ความคุ้ม” ในการมอบสัญญาใหญ่โต “บิ๊กบึ้ม” และระยะยาวให้นักเตะอายุเพียง 20 ปีหรือไม่?

ยิ่งในช่วงเวลาใกล้กันมีข่าวจาก “เดอะ ซัน” ตีพิมพ์ภาพจังหวะ สเตอร์ลิ่ง กำลังเสพยาในลักษณะ “สูด” เข้าร่างกาย และต่อมาเปิดเผยว่าเป็น “ก๊าซหัวเราะ”

ตามรายงานสื่ออังกฤษทั่วไปแจ้งว่า ไม่ได้ผิดกฎหมายใดๆ หรือจะกระทบกับกฎ “เอฟเอ” ทว่า เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ได้กล่าวแล้วว่า เป็นภาพที่ “ไม่เหมาะ” และไม่เป็นมืออาชีพ

ไม่นับช่วงนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญครบรอบ 26 ปี 15 เม.ย. 2015 “โศกนาฏกรรม ฮิลส์โบโร่” ที่ก่อนเกมกับ เดอะ แม็คพายส์ มีการสงบนิ่งไว้อาลัย และแสดงความเคารพให้ผู้เสียชีวิตทั้ง 96 ราย

พฤติกรรมไม่เหมาะสมของนักเตะ “ตัวจริง” ในทีมชุดใหญ่จึงไม่บังควร

อย่างน้อยๆ หลังเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ไปให้สัมภาษณ์ “บีบีซี” ชนิดที่สโมสรไม่ได้อนุญาต ตามด้วย “ภาพข่าว” ปรากฏต่อสาธารณชนในครั้งนี้

ร็อดเจอร์ส ควรต้อง “พูดคุย” กับสเตอร์ลิ่ง และบรรดาทีมงานส่วนตัวทั้ง “เอเย่นต์” หรือผู้จัดการ หรือพีอาร์ หรือใครก็แล้วแต่ก็ควรให้คำ “แนะนำ” เจ้าหนูรายนี้

หาไม่แล้ว สิ่งที่ควรเป็น “เฮดไลน์” ของทีมจากผลงานชนะ และกลับคืนสู่เส้นทางลุ้นพื้นที่ UCL ตามด้วยเกมนัดสำคัญที่เวมบลีย์ ในรอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ กับแอสตัน วิลล่า

จะไม่ได้อยู่ใน “สารบบ” และมีการเอ่ยถึงเลย เพราะทุกคนพุ่งเป้า “โฟกัส” ไปที่ตัวบุคคล เช่น สเตอร์ลิ่ง ในครั้งนี้กันหมด

ครับ “ภาษาฟุตบอล” นั้นมีคำว่า “ให้ฟุตบอลพูดแทนคำพูด” หรือเขียนหยาบๆ ก็คือ “ให้ใช้ตรีน พูดแทนปาก หรือการกระทำ”

นี่ยังดีครับที่ ราฮีม ไม่ได้ “โดดซ้อม” หรือมีปัญหาโน่น นี่ นั่น ไม่เว้นแต่ละวัน เหมือน มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่โดนตัดหางปล่อยวัดไปแล้ว

อีกทั้งผลงานในสนามโดยเฉพาะในยามที่ได้เล่นเป็น 1 ใน 3 ตัวรุกแดนหน้าหาใช่ “วิงแบ็ก” สเตอร์ลิ่ง ยังทำผลงานได้ดีเยี่ยม

ไม่ว่าจะเป็น “False No.9” ก่อนหน้านี้ หรือนัดนี้ที่เล่นทางฝั่งซ้ายในเกมที่ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ยังโดดเด่นแม้ยิงประตูไม่ได้ในตำแหน่ง “False No.9”

ที่น่ายินดีคือ การคัมแบ็กจากอาการบาดเจ็บของ จอร์ดอน ไอบ์ ที่เติมเกมรุกฝั่งขวาได้เนียนสนิท

ครับ ผมขอทิ้งท้ายไว้ว่า สโมสรระดับ ลิเวอร์พูล ไม่ต้องการเป็น “ข่าวฉาว” หลังชัยชนะสวยๆ ต่อยอดโอกาสดีๆแบบนี้

ดังนั้น นักเตะคนใดก็ตามที่เป็น “ข่าวลบ” ขโมยเฮดไลน์ สมควรพิจารณาตัวเองครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook