"ความปราชัย" ที่ต้องทบทวนตัวเอง!
ความแพ้พ่ายด้วยสกอร์ที่ขาดลอยถึง 2-5 ต่ออุซเบกิสถาน ในศึกฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 43 เมื่อวันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
สร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลไม่น้อย แต่ก็เอาน่า นี่มันคือ "ฟุตบอล" ไอ้ลูกกลมๆมีลมอยู่ข้างใน ใครจะอยากให้มันออกมาเป็นแบบนี้
เวลานี้ ปัญหาตัวใหญ่เท่าฝาบ้าน ที่ "ซิโก้" และทีมงานต้องเร่งทำทันทีคือ การหาทางให้เกมรับของทีมช้างศึกแข็งแกร่งกว่าที่เป็นอยู่
2 นัด โดนเจาะไป 6 ประตู เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคการคุมทีมชาติไทยภายใต้การนำของอดีตหัวหอกจอมตีลังกา
ใครจะมองว่าทัวร์นาเมนต์นี้เป็นการลองทีม แพ้บ้างอะไรบ้าง ก็ไม่เห็นจะแปลก
แต่ส่วนตัวผม มองว่าการแพ้แบบนี้ เรียกว่า "เละ" ครับ
ยิ่งถ้ามองในจุดที่สำคัญยิ่งยวดอย่างเกมรับของทีมชาติไทย 4 แบ็คโฟร์ที่ประกอบ ไปด้วย สุทธินันท์, มิก้า, นฤบดินทร์ และ พีระพัฒน์ ยังไม่การันตีว่านี่คือแผงแนวรับที่ดีที่สุดที่ไทยเรามี
เงื่อนไขของเวลา ประกอบกับนโยบายที่สมาคมฯ สั่งมาว่าให้เน้นใช้นักเตะชุดแชมป์ซูซูกิ คัพ 2014 คือสิ่งที่ซิโก้ต้องทำเท่าที่มี
เห็นได้ชัดว่า แม้ผู้เล่นชุดนี้จะยังคงยืนพื้นที่นักเตะตัวหลักจากชุดแชมป์อาเซียน
แต่การขาดหายไปของ ชาริล ชัปปุยส์ และ อดิศักดิ์ ไกรษร (เจ็บ) ทำให้เกมของทีมชาติไทย ดูจะไม่ไหลลื่น
แม้ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน จะไม่ใช่ของแข็งแบบเขี้ยวลากดิน แต่นักเตะจาก อุซเบฯ, ฮอนดูรัส รวมถึง เกาหลีใต้ ชุดที่เดินมาแข่งขัน ก็ล้วนแล้วแต่เตรียมไว้ลุยศึกฟุตบอลคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์ 2016 ทั้งสิ้น
กลับมาที่เรื่องเกมเมื่อวาน แม้ในความรู้สึกหลายคนอาจจะรู้สึกผิดหวัง นั่นก็เป็นเราวิ่งชนกับความสำเร็จมาตลอด
นักเตะชุดนี้ได้รับเสียงชื่นชม ถึงการเป็นการเป็นผู้ชนะทั้งในและนอกสนาม
บางคนดังเป็นพลุแตก บางคนมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นหลายร้อยหลายพัน การที่ต้องมาเจอความแพ้พ่ายแบบย่อยยับเช่นนี้ มีผลทางจิตใจแน่นอน
แต่ในมุมกลับกัน การเดินออกจากสนามหลังจากความปราชัยครั้งนี้ อาจเป็นผลดี ที่จะทำให้เราได้กลับมามองตัวเองแบบเต็มๆตา
กลับมามองว่าจุดไหนที่เราพลาดไป.. มองว่าจุดไหนที่เราควรทำก่อนไปลุยศึกใหญ่ที่รออยู่อย่างฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก และ ฟุตบอลโอลิมปิกรอบคัดเลือก
ฟุตบอล มันก็คือฟุตบอลครับ ไม่มีทีมไหนในโลกที่แพ้ไม่เป็น!
ผมเชื่อครับ บทเรียนครั้งนี้จะสอนให้พลพรรคช้างศึกเรียนรู้กับมัน และลุกขึ้นมาพัฒนาตัวเอง เพื่อก้าวใหม่ในวันข้างหน้า
เรื่องโดย บ.ส้มซิ่ง