อ็องเดร-ปิแอร์ ฌีญัก : กองหน้าที่โดนแฟนฝรั่งเศสผลักไส สู่ชีวิตใหม่ในเม็กซิโก

อ็องเดร-ปิแอร์ ฌีญัก : กองหน้าที่โดนแฟนฝรั่งเศสผลักไส สู่ชีวิตใหม่ในเม็กซิโก

อ็องเดร-ปิแอร์ ฌีญัก : กองหน้าที่โดนแฟนฝรั่งเศสผลักไส สู่ชีวิตใหม่ในเม็กซิโก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

3 ประตูในเกมฟุตบอลชายโอลิมปิก ที่ อ็องเดร-ปิแอร์ ฌีญัก ยิงให้กับ ฝรั่งเศส เอาชนะ แอฟริกาใต้ ทำให้แฟนบอลหลายคนต้องร้องอ๋อในความคุ้น ๆ ชื่อของดาวยิงตัวเก๋ารายนี้

กองหน้าวัย 35 ปี หายหน้าหายตาจากทีมชาติฝรั่งเศสไปตั้งแต่หลังจบยูโร 2016 รายการที่ใครหลายคนบอกว่าเขาเป็นดาวดับ และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ฝรั่งเศสจบได้แค่รองแชมป์ทั้ง ๆ ที่เป็นเต็ง 1 

พวกเขาบอกว่า ฌีญัก หมดสภาพแล้วนับตั้งแต่ย้ายออกจาก โอลิมปิก มาร์กเซย ไปเล่นในลีกฟุตบอลของประเทศเม็กซิโก ... แต่ใครจะรู้ว่าที่บางที่ก็เหมาะกับคนบางคน และคุณไม่มีทางรู้เลยว่า มันดีหรือแย่ขนาดไหนจนกว่าจะไปสัมผัสด้วยตัวเอง

นี่คือเรื่องราวชีวิตในเม็กซิโกของ ฌีญัก ที่สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม จนเขาค้าแข้งที่นี่มาแล้วกว่า 5 ปี และยังมีสัญญาถึงปี 2024 ... เสน่ห์ของฟุตบอลเม็กซิกันคืออะไร ? ติดตามได้ที่ Main Stand

เลิกเล่นได้แล้ว 

อ็องเดร-ปิแอร์ ฌีญัก อาจจะไม่ใช่กองหน้าระดับเวิลด์คลาส แต่สถิติการยิงประตูตลอดช่วงชีวิตที่ค้าแข้งในฝรั่งเศส ที่ซัดไป 132 ประตูจาก 206 เกม ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ยืนยันได้ว่าเขาไม่ใช่กองหน้าที่แย่เลยแม้แต่น้อย 

อย่างไรก็ตามวงการฟุตบอลฝรั่งเศส โดยเฉพาะในฟุตบอลลีกได้เปลี่ยนไปพอสมควร ในช่วงเวลาที่เขายังเล่นอยู่ที่นั่น กองหน้าประเภทสไตรเกอร์ของแท้ ยืนรอสังหารประตูอย่างเดียว กลายเป็นของตกยุค นักเตะกองหน้ากึ่งปีกที่มีความเร็วและมีความสามารถในการดวล 1-1 กลายเป็นที่นิยมขึ้นมา ในช่วงเวลาที่ ฌีญัก เริ่มมีอายุมากขึ้น จนแตะเลข 3 

ประกอบกับสถานการณ์ในทีม มาร์กเซย ฤดูกาล 2014-15 ที่ไม่ค่อยดีนัก โดยมี มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เป็นกุนซือของทีม (ปัจจุบันคุม ลีดส์ ยูไนเต็ด) ผู้เป็นคนที่ ฌีญัก ให้ความเคารพมาก ๆ กลับมีปัญหาขัดแย้งกับผู้บริหารสโมสร โดยสื่ออย่าง Daily Mail อ้างว่า สโมสรมีการเปลี่ยนแปลงสัญญาและไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ จนทำให้ บิเอลซ่า ที่เป็นคนปลุกให้สถิติการยิงประตูของ ฌีญัก กลับมาดีที่สุดในรอบ 6 ปี (23 ประตูจาก 39 นัด) ประกาศขอลาออกจากตำแหน่งหลังจบที่ 4 ในฤดูกาลนั้น และนั่นทำให้ ฌีญัก ที่หมดสัญญา ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับทีม และเลือกไปหาประสบการณ์ใหม่หลังปิดซีซั่นด้วยการเป็นรองดาวซัลโวลีกเอิง 

ด้วยสถิติการยิงประตูระดับนั้น ฌีญัก หาทีมใหม่เล่นในยุโรปได้สบาย ๆ เขาได้ข้อเสนอจาก อินเตอร์ มิลาน และ โอลิมปิก ลียง ขณะที่หากจะเลือกเส้นทางเศรษฐีก็มีทีมจาก ซาอุดีอาระเบีย พร้อมให้ค่าเหนื่อยที่แพงที่สุดในตะวันออกกลางแก่เขา แต่ ฌีญัก ไม่เลือกทางไหนเลย เขาเลือกย้ายไปเล่นให้กับสโมสร ติเกรส ทีมจากลีกสูงสุดของประเทศเม็กซิโก ในแบบที่แฟนคนไหนก็งงว่าเขาคิดอะไรอยู่

"ผมแค่อยากได้ความท้าทายใหม่" ฌีญัก พูดแบบนั้น  ซึ่งในเวลานั้นไม่มีใครอยากจะเชื่อเท่าไหร่นัก เพราะเขายังทำเงินได้อีกมาก แถมฟอร์มก็ยังดี อย่างน้อย ๆ ก็เล่นในระดับสูงได้สบาย ๆ 

เหตุผลที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ ไม่มีใครรู้ แต่ ฌีญัก พิสูจน์มันด้วยการกระทำ เขาจริงจังกับการไปเล่นที่ เม็กซิโก เป็นอย่างมาก เขาไม่ได้ไปตัวคนเดียว แต่พาภรรยาและลูกไปอยู่ที่เมือง ซาน นิโคลัส เดอ ลอส การ์ซา ที่เม็กซิโกด้วยกัน ซึ่งเป็นการยืนยันว่านี่คือการมาอยู่ระยะยาว ไม่ใช่การมาชิมบรรยากาศแล้วก็กลับไปยุโรปอีกครั้ง  

การไปเล่นที่ เม็กซิโก ทำให้ความสนใจของสื่อฝรั่งเศสที่มีต่อเขาน้อยลงไปมาก ตอนนั้น ฌีญัก ในเวลานั้นสำหรับทีมชาติ ฝรั่งเศส ต้องเผชิญกับสิ่งที่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ พบในวันนี้ นั่นคือการโดนวิจารณ์ว่าไม่ดีพอ ไม่เก่งพอเหมือนกับ คาริม เบนเซม่า กองหน้าที่ว่ากันว่าเป็นระดับโลกที่เล่นอยู่กับ เรอัล มาดริด ที่ในเวลานั้นมีคดีเซ็กซ์เทปและมีปัญหากับสหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส จนโดนตัดออกจากทีม

คนฝรั่งเศสอยากได้กองหน้าตัวจริงที่เก่งกว่านี้ แม้ ฌีญัก จะเล่นได้ดี มีมาตรฐานการยิงประตูสูงมาตลอด รวมถึงช่วงปีแรกที่เล่นให้ ติเกรส เขายิงได้ถึง 33 ประตูจาก 50 นัด แต่หลายคนก็ยังไม่ให้ราคากับเขาอยู่ดี เพราะคิดว่าเป็นการไปเล่นในลีกที่คุณภาพไม่สูงมากนัก

กระแสแง่ลบต่อ ฌีญัก ในทีมชาติฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นชัดเจน เมื่อฟุตบอลยูโร 2016 มาถึง ฌีญัก ถูก ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ เรียกติดทีมชุด 23 คนสุดท้าย โดยเขาได้เสื้อหมายเลข 10 ของทีมไปครอง เบอร์ 10 สำหรับแฟนบอลฝรั่งเศสนั้นมีค่ามาก มันผ่านการสวมใส่มาตั้งแต่ มิเชล พลาตินี่ และ ซีเนดีน ซีดาน ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่ากองหน้าจากลีกเม็กซิโก ไม่คู่ควรกับมัน 

ความกดดันนั้นส่งผลอย่างเห็นได้ชัด ฌีญัก เล่นได้ไม่ดีเลยในทัวร์นาเมนต์นั้น เขาเป็นตัวสำรองของ ชิรูด์ แต่เมื่อได้โอกาสลงสนามก็ทำผลงานได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน และความอดทนของแฟนบอลก็มาถึงจุดสิ้นสุด ในเกมนัดชิงชนะเลิศที่ ฝรั่งเศส พบกับ โปรตุเกส

ช่วงนาทีที่ 92 ฌีญัก มีโอกาสยิงแบบเหน่ง ๆ และควรต้องได้ประตู หากจังหวะนั้นเขาทำสำเร็จ เขาจะส่งฝรั่งเศสเป็นแชมป์ยุโรปอีกครั้งในรอบ 16 ปี ทว่าเขาทำไม่ได้ เขายิงไปชนคาน และหลังจากนั้นไม่นานนักก็อย่างที่เราทุกคนรู้กัน เอแดร์ ซัดประตูในช่วงต่อเวลาพิเศษทำให้ โปรตุเกส ชนะไป 1-0 คว้าแชมป์แบบช็อกชาวฝรั่งเศสทั้งประเทศ ... นับแต่นั้นนรกของ ฌีญัก ก็ได้เริ่มขึ้น เพราะการ "ทัวร์ลง" จากแฟน ๆ ที่กำลังโกรธกับชัยชนะที่ทีมควรจะต้องได้รับ 

ฌีญัก เผยว่าเขานอนไม่หลับอยู่หลายสัปดาห์ และมูฟออนจากความผิดพลาดครั้งนั้นได้ยาก โซเชียลมีเดียของเขาต้องปิดระงับคอมเมนต์ทุกช่องทาง เพราะการแสดงความเห็นเชิงลบนั้นมีมากเกินไป 

"สัปดาห์แรกผมหลับตาลงแล้วผมนอนไม่หลับ ผมคิดว่ามันคงจะหลอกหลอนผมไปตลอดชีวิต ... ภาพที่ผมนึกคือการแสดงความดีใจและชูถ้วยแชมป์กับเพื่อน ๆ แต่มันทำไม่ได้ ในฐานะที่เป็นนักฟุตบอล ผมยอมรับว่าผมทำใจได้ยากจริง ๆ กับการพลาดจังหวะนั้น" ฌีญัก กล่าวกับ FourFourTwo 

เลิกเล่นได้แล้ว ... คือสิ่งที่แฟนบอลหลายคนพยายามจะบอกเขา ซึ่งหลังจากทัวร์นาเมนต์จบลงได้สักพัก ความโกรธแค้นของแฟนบอลที่มีก็เริ่มจางหายไปพร้อม ๆ กับตัวตนและความสำคัญของ ฌีญัก ในวงการฟุตบอลฝรั่งเศส ... ไม่มีใครสนใจข่าวสารของเขาอีกแล้ว ไม่มีกระแสเรียกร้องให้เขากลับมาติดทีมชาติ หรือกลับมาเล่นในลีกเอิงอีก มันเหมือนว่าเขาถูกกลืนหายไปกลับเวลา .... ทว่าการเดินทางครั้งใหม่ที่ เม็กซิโก นั้น ได้คืนสิ่งที่เขาทำตกหล่นไปกลับมาอีกครั้ง 

 

สิ่งนั้นคือ "ชีวิต" 

"ตอนกลับไปเล่นให้ทีมชาติ หลายคนถามผมถึงฟุตบอลในเม็กซิโก ผมได้แต่บอกทุกคนกลับไปว่า ไม่ใช่แค่ฟุตบอล แต่ทุกอย่างที่นี่มันสุดยอดจริง ๆ" ฌีญัก พูดถึงการเป็นคนแปลกหน้าจากฝรั่งเศส ที่ย้ายมาค้าแข้งในประเทศเม็กซิโก

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น อาจจะเพราะเขาเจอเมืองที่ตรงกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเขา หลายคนสงสัยในประเทศเม็กซิโกจากภาพจำในภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่ต้องแห้งแล้ง ป่าเถื่อน และเต็มไปด้วยอาชญากร แต่ที่ มอนเตอเรย์ เมืองที่ ฌีญัก อยู่กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น เขามีคนรอบตัวที่มีอัธยาศัยดี แม้แต่โค้ชที่ชื่อ ตูก้า เฟอร์เร็ตติ ก็ยังกลายมาเป็นเพื่อนซี้ที่ช่วยเขาได้มากในการปรับตัวกับชีวิตที่เม็กซิโก 

ฌีญัก อธิบายว่าเขาโตมากับครอบครัวที่มีความคิดแบบพวกยิปซี (รักอิสระ ไม่ยึดติด และโหยหาที่ทางของตัวเอง) เขาไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นดาราหน้า 1 ในประเทศเม็กซิโก แม้ใครหลายคนจะมองเขาแบบนั้น เพราะนักเตะยุโรปเกรดดี ๆ แบบเขานั้นหายาก จะมีก็แต่นักเตะสเปนที่ใช้ภาษาเดียวกันกับชาวเม็กซิโกเท่านั้นที่มาเล่นที่นี่และปรับตัวได้ในระยะยาว 

จริงอยู่ที่เขาทำเงินได้มากที่สุดในบรรดานักเตะทุกคนในลีกนี้ แต่เขายังคงใช้ชีวิตแบบสบาย ๆ เขาเดินตลาดนัดท้องถิ่น พูดภาษาสเปนได้คล่องปร๋อ หลังจากที่วันเปิดตัวเขาพูดได้แค่ 2-3 คำเท่านั้น  ที่สำคัญแฟนบอลที่นี่ไม่ได้มองเขาในฐานะเสือเฒ่าตกยุค แต่แฟน ๆเรียกเขาว่า "ไอ้เสือฝรั่งเศส" (French Tigres) เพราะการเล่นในแบบที่เฉียบขาดเรื่องการยิงประตู และชอบเล่นหนัก ชอบชนกับกองหลังแบบไม่กลัวใคร 

"บ้านของ ฌีญัก ใหญ่โตที่สุดในละแวกนั้นเลย มีสระน้ำ มีเครื่องปรับอากาศทุกห้อง แต่ที่สำคัญคือเขาพร้อมจะชวนทุกคนไปที่บ้านเสมอ แม้ละแวกบ้านของเขาจะมีเสียงดังจอแจจากชุมชน แต่เขาก็ไม่ได้บ่นอะไร เขาบอกว่าเขาชอบอะไรแบบนี้ มันเป็นเม็กซิกันสไตล์" 

"ทุกคนในทีมประหลาดใจในวันที่เขาย้ายมา แต่ที่น่าประทับใจที่สุดก็คือความไม่ถือตัวของเขานี่แหละ เขามาจากลีกที่ดีที่สุดในฝรั่งเศส เป็นดาราของลีกด้วย แต่เมื่อเขามาที่นี่ เขาบอกทุกคนว่าสามารถเข้าหาเขาได้อย่างเต็มที่ เหมือนกับที่เขาเข้าหาเพื่อนคนอื่น ๆ เขาเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อทีมอย่างแท้จริง" กุยโด้ ปิซาร์โร่ เพื่อนร่วมทีมชาว อาร์เจนติน่า กล่าว

การมาเล่นให้กับ ติเกรส เป็นเหมือนการแสดงถึงความเหนือชั้นของเขาให้ทุกคนได้เห็นภาพชัด ๆ ไม่มีฤดูกาลไหนเลยที่ ฌีญัก ยิงได้น้อยกว่า 20 ประตู เขาลงเล่นให้ที่นี่มา 6 ปี จนตอนนี้เขาอายุ 35 ปีแล้ว แต่สถิติการยิงประตูคือ 149 จาก 261 นัด มีค่าเฉลี่ยดีกว่าสมัยที่เขายังหนุ่ม ๆ เสียอีก 

ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน การมาที่ เม็กซิโก ก็ทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน แง่บวกต่าง ๆ ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจ และมาถึงวันนี้ ฌีญัก กล้าพูดว่า เม็กซิโก คือบ้านของเขาแล้ว 

ลูกของเขาเกิดที่เมืองมอนเตอเรย์  ได้สัญชาติฝรั่งเศส และ เม็กซิโก ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ตัวของเขาก็ยืนยันว่าอยากจะได้สัญชาติเม็กซิโกเช่นกัน เพราะทุกอย่างที่นี่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเขาอย่างแท้จริง

"ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนคนเม็กซิกันอีกคนหนึ่ง ลูกชายของผมเกิดที่นี่และได้สัญชาติแล้ว ส่วนตัวผมก็หวังว่าสักวันผมจะได้สัญชาติบ้าง ทุกช่วงเวลาของอาชีพที่นี่ผมกล้าพูดเลยว่าผมเลือกไม่ผิด ผมภูมิใจที่ตัดสินใจแบบนี้ในวันนั้น" 

"ที่นี่เหมือนกับบ้าน ครอบครัวของเรามีความสุขมาก ลูกสาวของผมอายุ 4 ขวบแล้ว พูดสเปนได้เก่งมาก และเธอเริ่มเข้าเรียนอนุบาลที่นี่ ถ้าถามว่าผมจะเลิกเล่นฟุตบอลที่เม็กซิโกเมื่อไหร่ ผมก็คงต้องตอบว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ถ้าถามผมว่าผมจะอยู่ที่ประเทศนี้อีกนานไหม ผมตอบได้คำเดียวเลยว่า ผมจะอยู่ที่นี่ให้นาน ๆ ไปอีกหลายปีเลย" ฌีญัก กล่าว 

 

บุรุษ 2 แผ่นดิน 

หลังจากเหตุการณ์ร้าย ๆ ในยูโร 2016 โดนลบล้างด้วยแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 มุมมองของความโกรธแค้นที่แฟนบอลฝรั่งเศสมีกับ ฌีญัก ก็หมดไป ตอนนี้เรื่องราวของเขาไม่ใช่ประเด็นในการวิเคราะห์การเล่น อายุ สไตล์ หรือแม้แต่น้ำหนักตัวที่เคยถูกมองว่า "ไม่ผ่าน" อีกต่อไปแล้ว ชาวฝรั่งเศสหลายคนได้รับรู้ถึงอาชีพที่สุดยอดของ ฌีญัก ที่เม็กซิโก ที่พาทีมกวาดแชมป์ในประเทศ 4 ครั้ง แชมป์ฟุตบอลถ้วย 3 สมัย และแชมป์ทวีปอีก 1 ครั้ง 

ทุกคนมองเขาใหม่ในฐานะนักเตะฝรั่งเศสที่ใช้ชีวิตแบบนักผจญภัย สำนักข่าวหรือโทรทัศน์ในฝรั่งเศสให้ความสนใจเป็นอย่างมากในเรื่องราวของการเป็นราชาที่เม็กซิโกของเขา มีการถ่ายทำรายการต่าง ๆ มากมาย ซึ่ง ฌีญัก ก็ตอบเหมือนเดิมทุกครั้งว่า "เม็กซิโกจะทำให้คุณตกหลุมรัก" ไม่ว่าจะเรื่องแพชชั่นของแฟนบอล หรือไลฟ์สไตล์ความเป็นอยู่ที่ไม่เหมือนที่ไหน 

ฌีญัก ทำให้คนฝรั่งเศสรู้จักลีกฟุตบอลเม็กซิโก เขาเป็นแรงบันดาลใจให้นักเตะฝรั่งเศสรุ่นหลัง ๆ มาทดลองชีวิตค้าแข้งที่ท้าทายที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะดีกรีทีมชาติฝรั่งเศสอย่าง ฟลอริย็อง โตแว็ง อดีตคู่หูของเขาสมัยเล่นที่ มาร์กเซย ที่กำลังอยู่ในช่วงพีคของอาชีพค้าแข้ง (28 ปี)  

โตแว็ง หมดสัญญากับมาร์กเซย และรู้ถึงคุณภาพจิตใจของตัวเองที่เปลี่ยนไปในวันที่ลูกชายคนแรกลืมตาดูโลก เขาไม่ค่อยมีความสุขนักกับชีวิตที่ฝรั่งเศส ครั้นมีทีมแชมป์ ลา ลีกา อย่าง แอตเลติโก มาดริด ติดต่อเข้ามา เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าได้รับแรงบันดาลใจจาก ฌีญัก ที่เป็นต้นแบบของการตัดสินใจสุดประหลาดของเขา

"ผมได้รับการติดต่อจากหลายทีม จาก มิลาน, แอตฯ มาดริด แล้วก็ ลียง แต่เชื่อเถอะว่าผมรู้สึกไม่ค่อยดีนักกับชีวิต ณ ปัจจุบัน ที่ มาร์กเซย ชีวิตผมเปลี่ยนไปมาก เพราะเมื่อมีลูกชาย ผมคิดว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเองได้แล้ว"

"ผมไม่ชอบพูดเรื่องเงิน ไม่งั้นผมคงไปจีนหรือซาอุดีอาระเบีย แทนที่จะเป็นเม็กซิโกแล้ว ผมเชื่อมั่นว่าที่นี่จะมอบความสุขให้กับผมได้" โตแว็ง กล่าว

ขณะที่ความคิดของคน เม็กซิกัน ที่มีต่อคนฝรั่งเศสก็เปลี่ยนไป คนฝรั่งเศสไม่ได้ชอบชี้นิ้วสั่งเหมือนที่ประวัติศาสตร์บอก เพราะ ฌีญัก เองก็บอกตลอดว่าตัวเขาเองเป็นเหมือนชาวเม็กซิโกคนหนึ่ง บทสัมภาษณ์แต่ละครั้งของเขายกย่องชาวเม็กซิกัน และวงการฟุตบอลเม็กซิโกเสมอ ทุกครั้งที่ เม็กซิโก ไปแข่งในทัวร์นาเมนต์ ฌีญัก ก็ออกหน้าเชียร์เม็กซิโกก่อนฝรั่งเศสด้วยซ้ำ ยกเว้นโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียวครั้งนี้ 

ฌีญัก (รวมถึงโตแว็ง) ถูกกลับมาให้ค่าและเป็นผู้นำในทีมชาติฝรั่งเศสชุดยู-23 ที่ไม่ได้เรียกสตาร์อะไรมากมาย ที่สำคัญ ฝรั่งเศสชุดนี้ต้องลงสนามเจอกับ เม็กซิโก ในเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มที่เพิ่งผ่านไปอีกด้วย 

ฌีญัก ยิงประตูได้จากลูกจุดโทษและไม่ขอแสดงความดีใจ ปกติแล้วมีแต่นักเตะในระดับสโมสรเท่านั้นที่จะทำเพื่อแสดงความเคารพต่อทีมเก่า นั่นแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความเคารพต่อประเทศเม็กซิโกขนาดไหน 

ถึงตอนนี้เขานำเป็นดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์อยู่ ด้วยการยิง 4 ประตูจาก 2 นัด หลังซัดแฮตทริกในเกมสองที่พบกับแอฟริกาใต้ ซึ่งก็พอจะบอกได้ว่าฝีเท้าของเขายังดีอยู่ และลีกเม็กซิโกก็ไม่ได้ทำประตูง่ายแบบที่ใครเข้าใจ  

นี่คือเรื่องราวของนักเตะที่ค้นพบสิ่งที่เพื่อนร่วมอาชีพหลายคนไม่เคยเจอ แม้ตัวจะเป็นฝรั่งเศส แต่ตอนนี้ชาวเม็กซิกันก็ได้ทำให้หัวใจของ ฌีญัก เปลี่ยนไปแล้ว ... และนั่นคือเหตุผลว่า ทำไมเขาถึงพูดว่าการตัดสินใจย้ายมาที่นี่เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook