‘ประสบความสำเร็จ’ ทาง ‘ความรู้สึก’

‘ประสบความสำเร็จ’ ทาง ‘ความรู้สึก’

‘ประสบความสำเร็จ’ ทาง ‘ความรู้สึก’
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากจะเอื้อนเอ่ยกันด้วยเหตุและผลตามความเป็นจริง คงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า เป็นเรื่องที่ “น่าเสียดาย” สำหรับขุนพล “ดิ อัซกาลส์”  หรือทีมชาติฟิลิปปินส์  ไม่น้อย



ที่เกมการแข่งขันฟุตบอล “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” รอบรองชนะเลิศนัดแรกเมื่อหัวค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งพวกเขาได้เป็น “เจ้าบ้าน” เปิดสนาม ริซาล เมโมเรี่ยล สเตเดี้ยม พบกับผู้มาเยือน “เต็งแชมป์” ของรายการอย่างขุนพล “ช้างศึก” ทีมชาติไทย นั้นจบลงด้วยผลเสมอแบบโนสกอร์

ทั้งที่ 2 ปัจจัย ซึ่ง แดน พาลามี่ ผู้จัดการทีมชาติฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ต่อกรกับขุนพล “ช้างศึก” นั้นทำงานได้ผลเป็นอย่างดีจนสามารถหยุดยั้งความน่ากลัวของทีมจากสยามประเทศไว้ได้

ไม่ว่าจะเป็นทั้ง “เสียงเชียร์”  หรือ “หญ้าเทียม” ก็ตาม

โดยแฟนฟุตบอลชาวฟิลิปิโน ที่แม้จะเข้ามาไม่เต็มความจุของสนาม แต่ก็สามารถส่ง “เสียงเชียร์” สร้างความกดดันให้ผู้มาเยือนอย่างขุนพล “ช้างศึก” ได้ตลอดทั้งเกม

ส่วน “หญ้าเทียม” ที่เป็นพื้นของสนามนั้นส่งผลต่อจังหวะการเคลื่อนที่ของลูกฟุตบอลอย่างมาก ซึ่งสามารถเล่นงานทีมชาติไทย จนอาคันตุกะจากสยามประเทศไม่สามารถเปิดเกมรุกบนภาคพื้นดินที่มีความน่ากลัวได้อย่างถนัดดังใจหวัง



และที่สำคัญขุนพล “ดิ อัซกาลส์”  ไม่เพียงหยุดยั้งความน่ากลัวของขุนพล “ช้างศึก” ได้เท่านั้น แต่พวกเขายังมี “โอกาสทอง” อีกกว่า 20 นาที ของครึ่งเวลาหลัง เมื่อ อดิศักดิ์ ไกรษร ผู้เล่นของไทยถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม

อย่างไรก็ตาม ฟิลิปปินส์ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง “โอกาสทอง” ให้เป็น “ชัยชนะ” เพื่อสร้าง “ความได้เปรียบ” ให้แก่พวกเขาได้ และยังคงต้องเผชิญกับ “สถานการณ์” ที่ยากลำบากและ “ข้อแม้” ที่สาหัสต่อไปในการมาเยือนดินแดนขวานทองในเลก 2 ของรอบรองชนะเลิศ “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ” วันพุธนี้

เพราะครั้งนี้ขุนพล “ช้างศึก” จะได้ลงเล่นบน “หญ้าจริง” อันนุ่มนวลที่ถนัดและมีแฟนบอลกว่า 50,000 คน คอยส่ง “เสียงเชียร์” อื้ออึงกึกก้อง ให้กำลังใจในสนามราชมังคลากีฬาสถาน

ซึ่งพวกเขาจะต้องมาบุกใส่ขุนพล “ดิ อัซกาลส์” อย่างแน่นอน ซึ่งมันก็มี “โอกาส” อย่างมากที่ขุนพลสยามประเทศจะฉกฉวย “ความได้เปรียบ” ที่มีเปลี่ยนแปลงเป็น “ชัยชนะ” พร้อมกับเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปได้

มิหนำซ้ำผลการแข่งขันล่าสุดที่เพิ่งพบกันมาหยกๆ นานเกินขวบเดือนเล็กน้อยที่ประเทศไทย ขุนพล “ช้างศึก” ก็เพิ่งจะเอาชนะทีมชาติฟิลิปปินส์ ไปได้ 3-0 รวมถึงเกมนี้ขุนพล “ดิ อัซกาลส์” จะแพ้ไม่ได้และถ้าจะเสมอก็ต้องมีประตูจากทีมชาติไทย

เช่นนั้นมองเหลี่ยมไหนทีมชาติ ฟิลิปปินส์ ก็ “เสียเปรียบ” จากผลการแข่งขันที่ออกมาอยู่ดี



ทว่าแม้ในความเป็นจริงผลเสมอ 0-0 ที่ มะนิลา จะทำทีมชาติ ฟิลิปปินส์ นั้นตกเป็นฝ่าย “เสียเปรียบ” เรียบร้อย แต่สำหรับขุนพล “ดิ อัซกาลส์” ดูเหมือนพวกเขากลับรู้สึกว่าผลเสมอที่ได้รับนั้น “ประสบความสำเร็จ” แล้ว

โดยเฉพาะ ร็อบ เกียร์ กัปตันทีมชาติ ฟิลิปปินส์ ที่รู้สึกว่าแม้จะได้แค่ผลเสมอแต่ทีมของเขานั้น “ประสบความสำเร็จ” แล้ว

 “เราทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมากๆ สำหรับวันนี้ ความมุ่งมั่นของเราทำให้ได้ในสิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้ เรามีสมาธิกับเกม บางทีเราน่าจะทำได้ดีกว่านี้เล็กน้อย” ปราการหลังวัย 33 ปี กล่าวถึงผลเสมอที่ได้รับ

นอกจากนั้นไม่เพียงแค่ฟอร์มการเล่น แต่ด้วยสถิติที่ทีมชาติฟิลิปปินส์ พบกับทีมชาติไทย มาทั้งหมด 17 ครั้ง และพวกเขาพ่ายแพ้ไปถึง 15 ครั้ง

โดยเฉพาะ 14 ครั้งหลังสุดนั้นแพ้รวด จนทำให้สื่อหลายสำนักคิดว่าคงเป็นเรื่อง “ยาก” ที่พวกเขาจะต้านทานทัพ “ช้างศึก” ได้ ประกอบกับเกมอุ่นเครื่องที่ผ่านมาเมื่อต้นเดือนที่แล้วขุนพล “ดิ อัซกาลส์” เพิ่งจะถูกทีมจากสยามประเทศสอนเชิงถล่มเอาชนะไปได้ 3-0  

ด้วยเหตุนี้ เกียร์ จึงรู้สึกว่าพวกเขา “ประสบความสำเร็จ” แล้วที่เสมอกับทีมชาติไทยได้พร้อมกับหยุดยั้งสถิติอันย่ำแย่ของพวกเขาในการพ่ายแพ้ต่อขุนพล “ช้างศึก” มาติดต่อกันลงเสียที และที่สำคัญคือขุนพล “ดิ อัซกาลส์” พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าคนที่ดูถูกปรามาสพวกเขานั้นคิดผิด

“สื่อมวลชนมากมายที่ไม่ได้อยู่ในฟิลิปปินส์ ต่างคิดว่าเราจะไม่สามารถสู้กับทีมชาติไทยได้ พวกเขาคิดว่าเราเป็นรองทีมไทยอยู่มาก แต่เราก็ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขาคิดผิดในวันนี้”

โดยสิ่งสำคัญที่ เกียร์ เชื่อว่าเป็นแรงจูงใจให้กับพวกเขาทำผลงานได้เป็นอย่างดีในนัดนี้ก็คือแฟนฟุตบอลชาวฟิลิปปินส์นั่นเอง

“ที่นี่คือบ้านของเรา เสียงเชียร์ของแฟนฟุตบอลเป็นพลังงานที่ยอดเยี่ยมมาก พวกเขาปลุกเร้าเราได้เป็นอย่างดี”



คำสารภาพของกัปตันทีมชาติฟิลิปปินส์ แสดงให้เห็นว่าขุนพล “ดิ อัซกาลส์” นั้นรู้สึก “ประสบความสำเร็จ” กับผลเสมอในนัดนี้มากเพียงใด  

เป็นการ “ประสบความสำเร็จ” ทาง “ความรู้สึก” ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งแม้มันจะไม่ได้ช่วยให้ขุนพล “ดิ อัซกาลส์” ช่วงชิงความได้เปรียบเหนือทัพ “ช้างศึก” ได้ แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยสร้างความสุขให้กับแฟนฟุตบอลชาวฟิลิปปินส์

รวมถึงสร้างมั่นใจให้กับบรรดานักเตะของทีมก่อนที่พวกเขาจะลงสนามพบกับทีมชาติไทยในเลกที่ 2 วันพุธนี้ได้เป็นอย่างดี


เรื่องโดย : ไข่มุกดำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook