ผลผลิตจากสงคราม : ทำไม "ดาเกสถาน" ถึงเป็นดินแดนผลิตยอดนักสู้ของโลก

ผลผลิตจากสงคราม : ทำไม "ดาเกสถาน" ถึงเป็นดินแดนผลิตยอดนักสู้ของโลก

ผลผลิตจากสงคราม : ทำไม "ดาเกสถาน" ถึงเป็นดินแดนผลิตยอดนักสู้ของโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ แชมป์โลกไร้พ่ายจากเวที UFC และ อับดุลราชิด ซาดูลาเอฟ เจ้าของเหรียญทองกีฬามวยปล้ำโอลิมปิก คือ สุดยอดนักสู้ที่ถือเป็นความภาคภูมิใจของ รัสเซีย

ทั้งสองเกิดและเติบโตใน "ดาเกสถาน" สาธารณรัฐที่ถูกหลอกหลอนโดยสงคราม และการก่อการร้าย แต่ท่ามกลางวิกฤติความรุนแรง เขตปกครองแห่งนี้กลับผลิตยอดนักสู้จากหลากหลายศาสตร์ ทั้ง MMA, มวยปล้ำสมัครเล่น, มวยสากล, ยูโด, เทควันโด และคิกบอกซิ่ง ออกมาประดับวงการกีฬาต่อสู้ 

ท่ามกลางความสงสัยว่าทำไมบนดินแดงแห่งความรุนแรง ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งของคนหลากหลากชาติพันธุ์อย่าง "ดาเกสถาน" ถึงสร้างยอดนักต่อสู้ของโลกได้มากมาย

เหตุเกิดจากความเชื่อ

ดาเกสถาน หรือ สาธารณรัฐดาเกสถาน คือ หนึ่งในเขตการปกครองของประเทศรัสเซีย ที่อยู่ในรูปแบบสาธารณรัฐ ซึ่งถือเป็นเขตปกครองอิสระภายในเขตสหพันธ์คอเคซัสเหนือ มีกฎหมาย, ภาษา และสภานิติบัญญัติของตัวเอง แต่ถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของประเทศรัสเซีย เนื่องจากอาศัยรัฐบาลกลางในกิจการระหว่างประเทศ

สาเหตุที่ ดาเกสถาน เป็นเขตปกครองแบบสาธารณรัฐ เนื่องจากดินแดนแห่งนี้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติมากที่สุดในรัสเซีย ประชากรมากกว่า 3 ล้านคนของดาเกสถาน ประกอบด้วยผู้คนมากกว่า 30 ชาติพันธุ์ และ 81 สัญชาติ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนในดาเกสถาน จะชอบพูดภาษาคอเคซัสเหนือ และภาษาเตอร์กิก แทนจะเป็นภาษารัสเซีย

ประชาชนส่วนใหญ่ในดาเกสถาน เลือกนับถือศาสนาอิสลาม ไม่ใช่ศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ เหมือนกับชาวรัสเซียส่วนใหญ่ จุดยืนที่แตกต่างทางความเชื่อกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้แผ่นดินดาเกสถานลุกเป็นไฟ 

ในปี 1999 เกิดการเคลื่อนไหวของกลุ่มเรียกร้องเอกราชเชเชน ที่เข้ายึดสาธารณรัฐดาเกสถาน เพื่อปลดปล่อยดินแดนแห่งนี้จากประเทศรัสเซีย เข้าสู่การเป็นส่วนหนึ่งของรัฐอิสลามแห่งคอเคซัส

 

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ก่อให้เกิดสงครามเชชเนียครั้งที่ 2 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 1999 เป็นการต่อสู้ระหว่างรัฐอิสลามแห่งคอเคซัส และประเทศรัสเซีย โดยรัฐบาลกลางได้ยุติความเคลื่อนไหวของฝ่ายเรียกร้องเอกราช ด้วยการส่งทหารประมาณ 90,000 คน เข้าไปในพื้นที่ และใช้เครื่องบินรบโจมตีเมืองหลวงของสหพันธ์คอเคซัสเหนือ จนรัฐบาลเข้ายึดรุงกรอซนี (เมืองหลวงของสาธารณรัฐเชเชน) ได้อย่างรวดเร็ว

แม้รัฐบาลรัสเซียจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ แต่สงครามเชชเนียครั้งที่ 2 ยังคงดำเนินการรบจนถึงปี 2007 โดยกลุ่มเรียกร้องเอกราชเปลี่ยนวิธีการต่อสู้ เป็นวิธีการแบบกองโจร ส่งผลให้ผู้บริสุทธิ์เริ่มตกเป็นเครื่องมือของสงคราม และนำมาสู่การเคลื่อนไหวรูปแบบใหม่ คือ การก่อการร้าย

กีฬาหยุดความรุนแรง

การก่อความไม่สงบในคอเคซัสเหนือ เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2009 ถือเป็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลรัสเซีย กับกลุ่มคอเคซัสเอมิเรตส์ ผู้ก่อความไม่สงบที่มีแนวคิดแบบ Jihadism ถือเป็นแนวคิดเดียวกันกับกลุ่มก่อการร้ายระดับโลกอย่าง ISIS และอัลกออิดะฮ์

 

ดาเกสถานต้องตกอยู่ภายใต้ฝันร้าย นับตั้งแต่ผู้ก่อความไม่สงบเริ่มก่อความเคลื่อนไหวในพื้นที่ โดยปี 2011 ดาเกสถานถูกกล่าวขานโดยสำนักข่าว BBC ว่าเป็น "พื้นที่ซึ่งอันตรายที่สุดในทวีปยุโรป" เนื่องจากเกิดเหตุลอบวางระเบิดขึ้นแทบทุกวัน ภาพของผู้ก่อการร้ายสาดกระสุนใส่ตำรวจถูกเห็นเป็นเรื่องปกติ ผู้คนในเมืองอยู่กันอย่างหวดผวา ท่ามกลางข่าวลือถึงคนที่หายไปตัวไปอย่างลึกลับ หรือถูกลักพาตัว

ท่ามกลางเสียงปืนและควันระเบิด มีกีฬาชนิดหนึ่งที่คอยยึดเหนี่ยวผู้คน โดยเฉพาะ "เยาวชน" ในดาเกสถาน ให้ห่างไกลจากความรุนแรง และความเกลียดชัง ที่อาจพัฒนาพวกเขาสู่การเป็นผู้ก่อการร้าย นั่นคือ "มวยปล้ำ" ศาสตร์การต่อสู้ที่ช่วยให้ผู้คนในดาเกสถานลืมฝันร้ายจากความสูญเสีย และเป็นรากฐานของความสำเร็จในวงการ MMA ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

"ดาเกสถาน มีเรื่องราวยาวนานเกี่ยวกับการก่อการร้าย มันคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ ซึ่งแน่นอนว่า พวกเขาไม่เคยรู้สึกภาคภูมิใจไปกับมัน" อัลโซ สเลด นักข่าวของ VICE กล่าว ขณะลงพื้นที่เพื่อหาต้นกำเนิดของนักต่อสู้ผู้เก่งกาจจากดาเกสถาน

"เมื่อคุณลองพูดคุยกับเด็กในพื้นที่ พวกเขาไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านั้น เพราะพวกเขาสนใจแค่กีฬามวยปล้ำ เด็กเหล่านี้ต้องการจะเป็นหมายเลขหนึ่ง และต้องการจะเป็นแชมป์โลก"

 

"ขณะเดียวกัน กีฬามวยปล้ำก็ช่วยเหลือให้เยาวชนเหล่านี้ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เพราะมันมอบบางสิ่งที่สำคัญให้แก่ชีวิตพวกเขา สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่แตกต่างจากวัยรุ่นอเมริกันที่หลงรักกีฬาบาสเกตบอล และแปะโปสเตอร์ D.A.R.E ไว้ข้างฝา เพื่อบอกตัวเองให้ห่างไกลยาเสพติด"

Photo : Russia Beyond

มวยปล้ำ มีอิทธิพลอย่างมากกับผู้คนในดาเกสถาน หลายคนยกย่องให้มันเป็นกีฬาประจำสาธารณรัฐ เพราะผู้คนทุกเพศทุกวัยในดินแดนแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ผู้ปกครอง หรือ บุตรหลาน ต่างมีความเกี่ยวข้อง และได้รับประโยชน์จากกีฬามวยปล้ำทางใดทางหนึ่ง

เยาวชนจำนวนมากในดาเกสถาน ตัดสินใจเรียนรู้ศาสตร์มวยปล้ำ เพียงเพราะพวกเขา "อยาก" ที่จะเรียนรู้ ไม่ใช่เรื่องของความยากจน หรือ การดิ้นรนแบบปากกัดตีนถีบ อย่างที่คุ้นเคยกันในประเทศไทย แต่เป็นเพราะพวกเขาต้องการที่จะต่อสู้ และใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นเหรียญทองโอลิมปิก หรือ เข็มขัดแชมป์โลก

ดาเกสถาน จึงกลายเป็นแหล่งผลิตยอดนักสู้ออกสู่เวทีโลก เนื่องจากรากฐานของกีฬามวยปล้ำที่ฝังลึกลงไปในหัวใจของผู้คน และสามารถเปลี่ยนชีวิตของเยาวชนที่อาจเติบโตเป็นผู้ก่อการร้าย ให้กลายเป็นแชมป์โลกที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ตัวเอง, ครอบครัว และดาเกสถาน

 

Photo : Russia Beyond

"ผมไม่เคยรู้สึกว่าเด็กเหล่านี้ได้รับแรงกดดันจากครอบครัว หรือแรงกดดันทางตรงอื่น แต่ผมคิดว่า มวยปล้ำ สร้างแรงกดดันทางอ้อมให้แก่เด็กในพื้นที่ เพราะกีฬาชนิดนี้ถูกฝังรากลึกลงไปจนกลายเป็นวัฒนธรรม" อัลโซ สเลด กล่าว

"หากคุณมีร่างกายแข็งแรง คุณจะกลายเป็นนักสู้ นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจนเป็นปกติในดินแดนแห่งนี้"

ความมุ่งมั่นของดาเกสถาน

สถานการณ์ของดาเกสถานเปลี่ยนไปมากในปัจจุบัน การก่อความไม่สงบในพื้นที่จบลงตั้งแต่ปี 2017 ความเจ็บปวดและความหวาดกลัวค่อยเลือนหายไปจากใจผู้คน ทดแทนด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเยาวชน ที่กำลังรวมตัวกันฝึกมวยปล้ำในแคมป์ต่อสู้

 

ทุกวันนี้ ดาเกสถานได้กลายเป็นเมืองหลวงของกีฬามวยปล้ำ และ MMA ในรัสเซีย เพราะแทบทุกหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในสาธารณรัฐแห่งนี้ ล้วนมีแคมป์ฝึกสอนศาตร์การต่อสู้ ซึ่งแต่ละแคมป์ต่างมีเด็กในชั้นเรียนมากถึง 150 คน

เหตุผลที่เด็กรุ่นใหม่สนใจกีฬาต่อสู้มากขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสำเร็จของ คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ อดีตแชมป์โลกรุ่นไลท์เวตของ UFC ที่ครองแชมป์ยาวนานกว่า 1,000 วัน และรีไทร์โดยไม่แพ้ใคร โดย คาบิบ เกิดและเติบโตในดาเกสถาน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะกลายเป็นแรงบันดาลใจแก่นักสู้รุ่นต่อไป

"ผู้คนในดาเกสถานรู้จัก คาบิบ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเอาชนะ คอเนอร์ แม็กเกรเกอร์ เขาเปรียบดั่งเทพเจ้าสำหรับคนที่นี่" อัลโซ สเลด กล่าวถึงนักสู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของดาเกสถาน

ไม่ใช่แค่ คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ ที่เป็นไอดอลของคนในพื้นที่ แต่ยังรวมถึงนักสู้รายอื่นใน เช่น อับดุลราชิด ซาดูลาเอฟ นักมวยปล้ำเหรียญทองโอลิมปิกปี 2016, ซุลตัน อิบรากิมอฟ แชมป์โลก WBO รุ่นเฮฟวีเวต และเหรียญเงินโอลิมปิก ปี 2000

อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ อดีตแชมป์ ONE คิกบ็อกซิง รุ่นแบนตัมเวต คนแรกในประวัติศาสตร์, มานซูร์ อิซาเยฟ นักยูโดเหรียญทองโอลิมปิกปี 2012 และนักสู้รายอื่นอีกมากมายที่กระจ่ายตัวอยู่ในการแข่งขันกีฬาต่อสู้ทั่วโลก

ความสำเร็จของนักสู้รุ่นพี่ คือ แรงผลักดันที่ทำให้นักสู้รุ่นใหม่จากดาเกสถาน ฝึกซ้อมอย่างหนักราวกับหลุดมาจากภาพยนตร์ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นักสู้จากดาเกสถาน ไม่ได้แค่มีจำนวนมาก แต่ยังประสบความสำเร็จในกีฬาต่อสู้หลากหลายประเภท

Photo : Zimbio

"นักสู้ MMA จะอาศัยอยู่บนภูเขา พวกเขาต้องตื่นตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น และทันทีที่ตื่นขึ้น พวกเขาจะวิ่งเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร บนเส้นทางทุรกันดารบนภูเขาที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง" อัลโซ สเลด เล่าถึงการฝึกซ้อมที่หฤโหดของนักสู้จากดาเกสถาน

"ทันทีที่กลับมาถึงแคมป์ พวกเขาจะลงนวมสักชั่วโมง หลังจากนั้นก็กินข้าวเช้าแล้วนอนพัก เมื่อตื่นขึ้นมา พวกเขาจะกลับไปวิ่งบนภูเขาอีกครั้ง และปีนขึ้นไปบนยอดสูงสุด เพื่อปล้ำมวยปล้ำกันบนยอดเขา"

"ผมบอกได้เลยว่า พวกเขาต้องการต่อสู้ตลอดเวลา มันเหมือนกับภาพในหนังเรื่อง Rocky 4"

Photo : Twitter | @TeamKhabib

การฝึกซ้อมอย่างหนักของนักสู้จากดาเกสถาน คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จในกีฬาต่อสู้มากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น MMA, มวยปล้ำสมัครเล่น, มวยสากล, ยูโด, เทควันโด และ คิกบอกซิ่ง 

ดาเกสถาน อาจเคยเป็นที่รู้จักในฐานะพื้นที่ซึ่งอันตรายที่สุดในยุโรป แต่วันนี้ ดาเกสถานกลายเป็นแหล่งกำเนิดนักสู้ฝีมือดี ที่กำลังเขย่าวงการกีฬาต่อสู้ในปัจจุบัน 

ไม่ช้าก็เร็ว ภาพจำที่ผู้คนเคยมีต่อดินแดนแห่งนี้จะเปลี่ยนไป และนี่เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า กีฬาสามารถเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้มากเพียงใด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook