ทำไม "ซลาตัน อิบราฮิโมวิช" จึงเป็นนักฟุตบอลที่เก่งกาจได้จนถึงอายุย่าง 40 ปี?

ทำไม "ซลาตัน อิบราฮิโมวิช" จึงเป็นนักฟุตบอลที่เก่งกาจได้จนถึงอายุย่าง 40 ปี?

ทำไม "ซลาตัน อิบราฮิโมวิช" จึงเป็นนักฟุตบอลที่เก่งกาจได้จนถึงอายุย่าง 40 ปี?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นักฟุตบอลอาชีพที่อายุ 40 ปี นั้นมีอยู่มากมายทั่วโลก แต่นักเตะที่อายุ 40 ปี แต่สามารถเล่นอยู่ในระดับสูงสุด แถมยังเป็นนักเตะหมายเลข 1 ของทีมทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นนักเตะของทีมไหนก็ตาม น่าจะมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นบนโลกนี้..

ชื่อของเขาคือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช.. ในวัยย่าง 40 ปี เขาทำให้ เอซี มิลาน ที่บ้อท่ามาตลอด 10 ปีหลังสุดกลับมาอยู่ในตำแหน่งลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดอีกครั้ง เขายิงประตูเป็นว่าเล่น และเป็นศูนย์รวมใจของเพื่อนๆทั้งทีม 

แก่ยังไงให้คนเคารพ? แก่อย่างไรให้โลกซูฮก? และแก่อย่างไรให้ลงเล่นเกมระดับสูงได้เหมือนกับนักเตะวัยรุ่น?.. นี่คือสิ่งที่ ซลาตัน ทำ

อยู่แต่ทีมเก่ง.. 

จุดหนึ่งที่ต้องยอมรับเกี่ยวกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช คือทุกสโมสรที่เขาได้ลงเล่นด้วย ตั้งแต่ มัลโม่, อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม, ยูเวนตุส, อินเตอร์ มิลาน, บาร์เซโลน่า, เอซี มิลาน, ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือแม้กระทั่ง ลอส แอนเจลิส กาแล็กซี่ นั้นถือว่าเป็นทีมระดับหัวแถวของประเทศนั้นๆทั้งสิ้น แน่นอนว่าการได้เล่นภายใต้ทีมที่ดีที่สุดในประเทศ ย่อมทำให้งานของเขาไม่ยากเกินแรง  

1

เขามีเพื่อนๆที่เก่งกาจ แต่หากจะมองให้ดีๆ คุณจะพบว่า 90% ของทุกสโมสรนั้น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช สามารถก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของทีมที่เพื่อนร่วมทีมไว้ใจและสนิทใจด้วยทุกครั้ง ยกเว้นเพียงแต่ช่วงสั้นๆกับ บาร์เซโลน่า ที่วัฒนธรรมของสโมสรและไอคอนอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ทำให้เขาไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้นาน และเปลี่ยนแปลงเพื่อนร่วมทีมให้เป็นเพื่อนของเขาได้ และยิ่งในช่วงที่เขาอายุแตะเลข 3 นั้น คงต้องใช้คำว่า เพื่อนร่วมทีมทั้งหมด กลายเป็นลูกน้องที่เคารพในตัวตนของเขาก็คงไม่ผิดหนัก

จากปากคำของเหล่าเพื่อนร่วมทีมของเขาแต่ละคนที่พูดถึงซลาตัน พวกเขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ซลาตัน มีคุณสมบัติที่ครบถ้วนสำหรับการเป็นคนที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมเชื่อใจ เขาเก่งกาจและแสดงมันออกมาในการซ้อม เขามีวินัย ไม่มีข่าวเสียหาย มีวาทะศิลป์ที่ยอดเยี่ยม นอกจากจะมีคำพูดปลุกใจ และรู้วิธีเข้าหาเพื่อนแต่ละคนแล้ว ซลาตัน ยังมีเป็นคนที่มักพูดอะไรติดตลก ที่ทำให้บรรยากาศในทีมดีขึ้นทันตาเห็น

"ซลาตัน บ้าไปแล้วจริงๆ ตอนเขาอยู่กับเรา เขาอายุ 35 แต่มันเหลือเชื่อจริงๆ เมื่อได้เห็นฝีเท้าของเขา เขายังคงน่าทึ่งและยิ่งใหญ่เหมือนที่เขาเคยเป็น"

"คนอย่างเขาเนี่ย คือเป็นคนที่เราจะขาดไปไม่ได้เลยในห้องแต่งตัว เขามีเรื่องเล่าตลกๆมากมายในยามผ่อนคลาย เขามีมุมของการเป็นคนทุ่มเทจริงจังในสถานการณ์ที่ซีเรียส เมื่อถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาเหยียบเท้าลงสนามดัง ปึ้ง! เมื่อนั้นทุกคนรู้แล้วว่า ช่วงเวลาเอาจริงกำลังจะมาถึง" ลุค ชอว์ ที่อยู่กับ ซลาตัน ในทีมปีศาจแดงชุดดับเบิ้ลแชมป์ฤดูกาล 2016-17 กล่าว 

2

ขณะที่ตอนเขาอายุ 37 ปี ตอนเล่นให้ แอลเอ กาแล็กซี่ ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในทีมที่เล็กที่สุดในอาชีพค้าแข้งของเขา เรื่องราวที่เพื่อนร่วมทีมพูดถึง ซลาตัน ก็ไม่ต่างกันนัก ณ เวลานั้นสื่อบอกว่านักเตะอย่าง ซลาตัน กำลังจะหมดไฟ นี่คือสถานีสุดท้ายที่เขาจะทำเงินก้อนโตและแขวนสตั๊ด แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น ซลาตัน มาที่เพื่อความสำเร็จ ไม่ใช่เพื่อเงิน.. เรื่องนี้ เจา เปโดร นักเตะคนหนึ่งในทีมชุดนั้น ที่ถือว่าเป็นน้องรักของ ซลาตัน ได้ออกมายืนยันด้วยตัวเอง

"ในห้องแต่งตัว เราเผลอถามเขาว่า ถ้าคุณมาที่ แอลเอ เพื่อจะมาชิลๆ และหาเที่ยวชายหาดสวยๆ ก็บอกเรามาเถอะ เราเข้าใจ" เจา เปโดร ย้อนความสมัยที่นักเตะ แอลเอ กาแล็คซี่ แซว ซลาตัน

"รู้ไหมเขาบอกว่าไง?.. พวกแกฟังให้ดีๆ ฉันมีเงินในบัญชี 300 ล้านดอลลาร์ แล้วก็มีเกาะส่วนตัวด้วย ดังนั้น ไอ้ชายหาดแค่นี้ฉันจะเอามันไปทำไม?.. ใครมาถามเรื่องนี้อีกรอบ ฉันจะฆ่ามันทิ้งซะตรงนั้นเลย".. ผลก็คือเขาซัดไป 53 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 58 นัด แทบไม่มีนัดไหนที่ไม่มีชื่อของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ขึ้นบนสกอร์บอร์ด 

3

"คนอย่าง ซลาตัน จะรักษามาตรฐานได้จนถึงอายุ 40 ปี แน่นอน ไม่มีอะไรต้องสงสัย" แอชลี่ย์ โคล อดีตนักเตะของ อาร์เซน่อล และ เชลซี รวมถึงเพื่อนร่วมทีมของ ซลาตัน เมื่อครั้งเล่นให้ แอลเอ กาแล็กซี่ เคยพูดเมื่อ 3 ปีก่อน 

"ซลาตัน ซ้อมด้วยทัศนคติแบบมืออาชีพ จริงจัง ไม่ทำเป็นเล่น โดยรวมแล้วผมต้องบอกว่า เขาเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีเลย ในบางครั้ง หลายคนอาจจะไม่ชอบเขาที่มักจะพูดอะไรยะโสโอหัง แต่ถ้าคุณได้เป็นเพื่อนร่วมทีมกับเขา คุณก็จะรู้เอง คุณต้องทุ่มเทเหมือนกับที่เขาทำ มีจิตใจที่แข็งแกร่งเข้าไว้ เพราะเบื้องหลังคำพูดของ ซลาตัน คือเขากำลังพยายามผลักดันคุณ รู้ตัวอีกที พวกคุณจะกลายเป็นนักเตะที่ดีกว่าเดิม"

"คนอย่างเขาต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากผมอย่างแน่นอน" โคล กล่าว 

4

หากเปรียบสถานะของ ซลาตัน ในทีมแต่ละทีมให้เห็นภาพ ก็คงต้องเปรียบกับการ์ตูนนักเลงสักเรื่องหนึ่ง เขาจะต้องรับบทเป็นพระเอกของเรื่อง ที่เป็นหัวหน้าแก๊ง มีทั้งความแข็งแกร่ง, ความตลก, ความเป็นผู้นำ และเป็นคนที่ทำให้คนรอบข้างมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทั้งจิตใจและร่างกาย ทุกครั้งที่ต้องออกไปปะทะกับคู่อริ หากมีหัวหน้าแก๊งอย่าง ซลาตัน เดินนำข้างหน้า คนข้างหลังจะรู้สึกมั่นใจ และพร้อมสู้ตายเพื่อให้ได้ชัยชนะกลับมาเป็นของทีม

"ถ้าคนอย่าง ซลาตัน เห็นใครทำเป็นเล่นในสนามซ้อม เขาจะเข้าไปสั่งสอน ไปบอกกล่าว ไปแนะนำ และทำให้ดูเป็นตัวอย่างเสมอ เขาเอาตัวเองเป็นมาตรฐานให้ทุกคนทำตาม เพราะเขาเป็นคนที่ซ้อมดีที่สุดแทบจะทุกๆวัน เขาอยากให้เพื่อนร่วมทีมมีความรับผิดชอบ ทำให้ได้ตามมาตรฐานนั้น เมื่อเราทุกคนนั่งอยู่ในล็อคเกอร์ พลังของ ซลาตัน จะกระตุ้นให้ทุกคนตื่นตัว และเตือนตัวเองว่ามีใครบางคนกำลังจับตาดูอยู่" 

"แต่เมื่อเกมจบลงและประตูห้องแต่งตัวปิด เขาจะกลายเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง พูดล้อเล่น หยอกล้อกันสนุกสนาน เขาไม่เคยถือตัวกับใคร" อัสเมียร์ เบโกวิช ที่เคยเล่นให้ เอซี มิลาน ช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2019-20 กล่าวถึง ซลาตัน อย่างได้ใจความ

แม้การอยู่แต่ทีมเก่งจะทำให้งานของ ซลาตัน ง่ายขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือการเป็นคนที่มีอิทธิพลในห้องแต่งตัวของเขาต่างหาก ที่ไม่ว่าจะไปอยู่ไหนก็จะมีผลงานที่ตอบแทนต้นสังกัดได้ดี เขาตั้งเป้าไว้ที่ความสำเร็จทุกครั้ง ทุ่มเทเต็มที่ และใช้มาตรฐานนั้นเป็นตัวตั้งให้เพื่อนร่วมทีมตามเขาให้ทัน เมื่อทุกคนเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น และมีความไว้เนื่อเชื่อใจ งานของ ซลาตัน ก็ดูเหมือนง่ายในบัดดล.. คาแร็คเตอร์แบบนี้เป็นคาแร็คเตอร์ของนักสู้ที่ไม่ได้มีกันทุกคน และคุณสามารถเห็นผลกระทบของ ซลาตัน ได้ชัดเจน ไม่ว่าเขาจะเล่นให้กับทีมใดก็ตาม

ดูแลร่างกายให้ดี 

ช่วงปลายฤดูกาล 2016-17 สมัยที่ ซลาตัน เล่นให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เกมนั้นเป็นเกม ยูโรปา ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ พบกับ อันเดอร์เลชต์ เขากระโดดลอยกลางอากาศและลงผิดท่าจนเข่าบิด ณ เวลานั้นมีข่าวว่าเขาจะต้องพักยาว และไม่สามารถกลับมาเล่นในระดับสูงได้อีก.. แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้กัน ซลาตัน กลับมาแกร่งกว่าเดิมได้อย่างเหลือเชื่อ

5

ในชีวิตนี้ ซลาตัน ได้รับบาดเจ็บเพียงไม่กี่ครั้ง และสิ่งนั้นมีที่มา คุณคงเคยได้ยินคำว่า "ยืดเหยียด" ก่อนออกกำลังกายเป็นอย่างดี การยืดเส้นที่ถูกต้องจะทำให้นักกีฬาเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บน้อยลง และ ซลาตัน มีความลับเกี่ยวกับเรื่องนี้ 

ซลาตัน นั้นเคยฝึกศิลปะการต่อสู้อย่าง เทควันโด้ มาตั้งแต่เด็ก และตอนที่เขาอายุ 17 ปี เขาสามารถสอบผ่านการเป็นคาราเต้สายดำได้อย่างรวดเร็ว สิ่งนี้เกี่ยวกับร่างกายของเขาอย่างไรน่ะเหรอ?

กีฬาประเภทศิลปะการต่อสู้แทบทุกอย่าง โดยเฉพาะ คาราเต้ หรือ เทควันโด้ เป็นกีฬาที่ต้องใช้การยืดเหยียดแขนขาแบบสุดขีด ดังนั้น ก่อนที่จะเริ่มฝึกซ้อมและหรือลงแข่งขัน ซลาตัน ได้เรียนรู้วิธีการยืดเหยียดแบบถูกวิธี 

ผลจากการออกกำลังกายและยืดเส้นซ้ำๆ และทำมาตั้งแต่เด็กคือ ความเร็วในการหดตัวและผ่อนคลายของกล้ามเนื้อสูงขึ้น กลไกการทำงานของกล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพขึ้น คุณจะเห็นผ่านการกระโดดสูงๆเพื่อเกี่ยวบอล หรือการเล่นท่ายากแบบยกขายกแข้งสูงๆของ ซลาตัน ที่เป็นซิกเนเจอร์ของเขา   

นอกจากนี้ การยืดเหยียดที่ถูกต้องและต่อเนื่องจะทำให้กล้ามเนื้อสามารถเอาออกซิเจนไปใช้ในร่ายกายง่ายขึ้น เมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น กล่าวคือเมื่อร่างกายรู้สึกเหนื่อยจะสามารถช่วยเอาออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกาย และทำให้อึดขึ้นนั่นเอง ทีนี้ก็คงจะพอเข้าใจแล้วว่า กล้ามเนื้อของ ซลาตัน ค่อนข้างแข็งแรง และมันทำให้การฟื้นฟูของเขาดีกว่าคนปกติ 

6

"หัวเข่า กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็น ของเขาแข็งแรงจนหมอตกใจ ทีมแพทย์บอกว่าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เขามีหัวเข่าที่ดีเกินกว่านักฟุตบอลที่เล่นอาชีพมาเป็น 20 ปี ทีมแพทย์ถึงขั้นบอกว่า เมื่อหายดีแล้ว พวกเขาขอร้องให้ซลาตันกลับมาหาหมออีกครั้ง เพื่อวิจัยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับร่างกายของเขา"

"และ ซลาตัน บอกผมเอง เมื่อเขาแขวนสตั๊ดแล้ว เขาจะกลับไปเพื่อให้แพทย์ได้วิจัยกับเส้นเอ็นของเขา" มิโน่ ไรโอล่า เอเย่นต์ของ ซลาตัน ว่าไว้ 

ขณะที่ ซลาตัน ก็ยืนยันเองว่า เห็นเขาเป็นคนบ้าระห่ำแบบนี้ แต่เขาคือคนที่ใกล้ชิดกับหมอตลอดเวลา เมื่อเขามีอาการบาดเจ็บตรงไหนขึ้นมา เขาจะเข้าไปถามแพทย์ของทีมเป็นคนแรก เขาจะปรึกษาเพื่อแน่ใจว่าควรจะพัก ควรจะเล่น หรือควรจะเพิ่มกล้ามเนื้อตรงไหน นั่นคืออีก 1 เคล็ดลับที่ทำให้สุขภาพของเขาแข็งแรงได้อย่างเกินวัย 

7

"สำหรับผมแล้ว หมอคือเพื่อนซี้เลย หมอคือคนที่ทำให้มั่นใจ ผมเชื่อในคำพูดของพวกเขามากที่สุด เพราะพวกเขาไม่ได้มองผมในฐานะนักฟุตบอล แต่มองผมในฐานะคนไข้ มันแตกต่างกับโค้ชนะ ถ้าคุณบอกโค้ชว่าเจ็บ โค้ชบางคนก็จะบอกว่า ช่างมัน แล้วผลักคุณลงไปเล่นต่อ แต่หมอเนี่ยแน่นอนสุด เล่นไม่ไหวคือไม่ไหว พวกเขาจะไม่ปล่อยผมลงสนามแน่นอนถ้าร่างกายผมยังไม่พร้อม 100%" ซลาตัน กล่าวเริ่ม 

"เมื่อผมเจ็บหรือป่วย ผมมีหมออยู่ข้างๆเสมอ แล้วอีกอย่าง ผมเรียนรู้และรู้จักร่างกายของตัวเองดี ผมรู้ว่าผมต้องทำอะไร ตอนอายุ 15-20 ปี เวลาวอร์มอัพดูเหมือนจะเป็นอะไรที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเท่าไหร่ แต่ตอนคุณอายุมากขึ้น คุณต้องจริงจังกับเรื่องนี้ให้มาก ทำให้แน่ใจว่าร่างกายพร้อมที่สุด ลงไปแล้วจะไม่มีอะไรผิดพลาด ผมเอาจริงเอาจังมากนะสำหรับการวอร์มอัพก่อนลงเล่น" 

ไม่ว่าจะเป็นการเข้ายิม การพบหมอก่อนแข่ง การพบหมอหลังแข่ง หรือการดูแลตัวเองเรื่องอาหารการกิน ซลาตัน เองก็ทำได้ดีไม่แพ้กับที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทำ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมร่างกายของเขายังเหลือเชื่อจนกระทั่งทุกวันนี้

เรียนรู้เกี่ยวกับร่างกายตัวเอง 

แม้ปากจะบอกว่าตัวเองเป็นพระเจ้า แต่แท้จริงแล้ว ซลาตัน ก็คนธรรมดาเหมือนกับเราๆทั่วไปนั่นแหละ เพียงแต่เขาดูแลร่างกายเป็นอย่างดี จนทำให้ความชราทำอะไรเขาได้ยากหน่อย.. แต่ที่สุดแล้ว เขาหนีสังขารไม่พ้น และสิ่งเดียวที่ทำได้คือต้องปรับตัว

8

หากคุณมีเวลาสักนิด อยากให้ย้อนกลับไปดูคลิปวีดีโอของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ในสมัยที่เล่นให้กับ อาหยักซ์, ยูเวนตุส หรือ อินเตอร์ มิลาน ดู คุณจะเห็นว่าเขาเป็นนักเตะตัวใหญ่จอมเทคนิค ที่ชอบเอาชนะในการเลี้ยงกินตัวและการดวลกัน 1-1 หลายประตูสวยๆ เกิดจากการเลี้ยงแหวกเข้าไปสังหารทั้งนั้น 

หากยังจำกันได้ เคยมีวีดีโอของ Nike ในซีรี่ส์ Joga Bonito ที่เคยจับเอา ซลาตัน ไปโชว์ลีลาทักษะการลากเลื้อยดวลกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และทั้งคู่ต่างก็รวดเร็วแพรวพราว ตามฉบับนักเตะที่กำลังอยู่ในช่วงพีก 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เริ่มสังเกตเห็นได้หลังจากที่เขาอายุ 30 ปี หรือหลังย้ายออกจาก บาร์เซโลน่า สไตล์การเล่นของเขาเปลี่ยนไปพอสมควร ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กลายเป็นกองหน้าหมายเลข 9 จริงๆ กับการเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ยืนอยู่ในกรอบเขตโทษ มากกว่าการถ่างออกริมเส้น และใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายและความเร็วเอาชนะคู่แข่ง เพื่อสร้างโอกาสยิงประตูเหมือนแต่ก่อน 

"ผมพูดตรงๆนะ เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น ผมก็เริ่มวิ่งน้อยลง ไม่เหมือนกับสมัยหนุ่มๆ ตอนนั้นผมวิ่งหาบอลทั่วสนามเลย แต่ตอนนี้มันถึงเวลาต้องเรียนรู้ ผมต้องเล่นให้ฉลาดขึ้น โดยเฉพาะที่อิตาลีด้วยแล้ว การยิงประตูไม่ใช่เรื่องง่ายนะ คุณต้องมีทุกอย่างประกอบกัน เพราะที่นี่หลายทีมมีปรัชญาที่ขึ้นต้นด้วยการพยายามเสียประตูให้น้อยที่สุดไว้ก่อน" 

เมื่ออายุ 20 ถึง 30 ปี ซลาตัน ยิงประตูในระดับสโมสรไปทั้งหมด 147 ลูก แต่เมื่อเขาอายุแตะ 31 ปีจนถึงปัจจุบันในวัยย่าง 40 ปี ซลาตัน กลับยิงประตูได้มากยิ่งกว่า โดยยิงไปถึง 244 ประตู นี่คือตัวเลขที่น่ามหัศจรรย์ เขายิงเยอะกว่าตอนเป็นหนุ่มเกือบ 100 ประตู! 

9

และถ้าคุณมีเวลากลับไปดูไฮไลต์การยิงประตูแต่ละลูกของเขาหลังปี 2011 เป็นต้นมา คุณจะเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน นั่นคือประตูส่วนใหญ่ของเขา เกิดจากการยิงในกรอบเขตโทษ หรือการรอชาร์จในพื้นที่เสาสอง แม้การลากเลื้อยจะมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ต้องบอกว่าน้อยกว่าตอนหนุ่มๆเยอะเลยทีเดียว 

จะเรียกว่า ซลาตัน เปลี่ยนสไตล์เป็นหน้าเป้าสายรอยิงประตูก็คงไม่ผิดนัก แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะทำอย่างนั้น ตัวเลขทั้งหมดบอกถึงประสิทธิภาพที่เปลี่ยนไป แม้ความวูบวาบจะลดลง แต่ความเฉียบคมและความฉลาดในการเล่นก็เพิ่มขึ้นตามอายุ 

สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงเพราะร่างกายและการปรับตัวเท่านั้น แต่มันคือการปรับทัศนคติให้กระหายตลอดเวลา ซลาตัน มักจะพูดคุยโวถึงความสามารถของตัวเองเสมอ บางคนอาจจะมองว่าโม้ แต่สำหรับเขา มันคือการท้าทายตัวเอง เพราะเมื่อเอ่ยปากไป คำพูดจะเป็นนายเรา.. ดังนั้น เมื่อพูดแล้ว ซลาตัน ต้องทำให้ได้ ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็ทำได้ตามที่พูดจริงๆ 

10

"ผมก็เหมือน เบนจามิน บัตตัน (ตัวละครในภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง The Curious Case of Benjamin Button ที่มีอายุสวนทางกับคนปกติ) นั่นแหละ ผมแก่มาตั้งแต่เกิด และตายในสภาพที่เป็นคนอายุน้อย" ซลาตัน พูดถึงสถิติการยิงประตูที่นับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นตามอายุ.. และทั้งหมดนี้คือเคล็ดลับความยิ่งใหญ่ของเขา

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ ทำไม "ซลาตัน อิบราฮิโมวิช" จึงเป็นนักฟุตบอลที่เก่งกาจได้จนถึงอายุย่าง 40 ปี?

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook