5 แชมป์เก่า ที่ผลงานการป้องกันแชมป์ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก

5 แชมป์เก่า ที่ผลงานการป้องกันแชมป์ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก

5 แชมป์เก่า ที่ผลงานการป้องกันแชมป์ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพ่ายให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ไม่น่าเชื่อ 4-1 ในศึก พรีเมียร์ลีก เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน ทำให้พวกเขายังคงรั้งอันดับ 4 ของตารางต่อไปและมีแต้มตามหลังจ่าฝูงเป็น 10 คะแนน

หลายคนมองว่า หงส์แดง กลายเป็นแชมป์เก่าที่ผลงานย่ำแย่ไปแล้ว ด้วยการเก็บชัยชนะได้เพียง 2 นัดจาก 9 นัดหลังสุด และเป็นการแพ้ในบ้านติดต่อกันถึง 3 เกม ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาสร้างสถิติสโมสรด้วยการไม่แพ้ใครที่ แอนฟิลด์ 68 นัดก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ยังไม่ใช่แชมป์เก่าที่มีผลงานตกต่ำที่สุด เพราะในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ก่อตั้งลีกขึ้นมาในปี 1992 มี 5 ทีมที่ทำได้แย่กว่านี้

Graham Le Saux, Robbie FowlerGraham Le Saux, Robbie Fowler5. แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส - ฤดูกาล 1995-1996 - อันดับ 7

"กุหลาบไฟ" สร้างปรากฏการณ์ "ล้มยักษ์" อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สำเร็จจากฝีมือของ เซอร์ เคนนี ดัลกลิช และคู่หู "SAS" อลัน เชียเรอร์ และ คริส ซัตตัน ชนิดที่ต้องลุ้นกันจนนัดสุดท้ายในซีซัน 1994-1995

อย่างไรก็ตาม แบล็คแบิร์น ก็ไม่สามารถต่อยอดความสำเร็จนั้นได้ โดยเมื่อเปิดฤดูกาลใหม่มาพวกเขาพ่ายไปถึง 4 เกมจากการลงสนามใน 6 นัดแรก ในขณะที่ "ฮ็อตช็อต" ยังคงความร้อนแรงได้อย่างต่อเนื่องผิดกับคู่หูของเขาอย่าง ซัตตัน ที่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนทำได้แค่ประตูเดียวในซีซันนั้น

ท้ายที่สุดทีมจากแลงคาเชียร์ทำได้เพียงจบอันดับ 7 ของตาราง และตามมาด้วยสถานการณ์ "ทีมแตก" โดย อลัน เชียเรอร์ ตัดสินใจย้ายกลับไปค้าแข้งที่บ้านเกิดอย่าง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในขณะที่ ดัลกลิช ซึ่งลาออกจากการเป็นผู้จัดการทีมและผันตัวเองไปเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลของสโมสรก่อนหน้านั้นก็ประกาศวางมือเช่นกัน

David MoyesDavid Moyes4. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - ฤดูกาล 2013-2014 - อันดับ 7

ไม่ว่าผู้จัดการทีมคนใดก็ตามที่เข้ามารับงานต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พวกเขาจะไม่มีทางได้เจองานง่ายอย่างแน่นอน ไม่เว้นแม้กระทั่งกุนซือที่ป๋าเลือกเองกับมืออย่าง เดวิด มอยส์

"เดอะโชสเซนวัน" เปิดฉากซีซัน 2013-2014 อย่างเร้าใจก่อนที่ผลงานจะค่อย ๆ ดร็อปลงอย่างน่าใจหายทั้ง ๆ ที่ตัวผู้เล่นที่เขาได้รับสืบทอดมานั้นไม่ได้เป็นสองรองใคร ก่อนที่จะได้รับโอกาสเพียงแค่ 9 เดือนในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด

ไรอัน กิกส์ เข้ามารับงานคุมทีมชั่วคราวต่อจาก มอยส์ และพาทีมจบอันดับ 7 ของตาราง กลายเป็นฤดูกาลแรกนับตั้งแต่ซีซัน 1991-1992 ที่พวกเขาไม่สามารถจบท็อปทรีได้ และถือเป็นอันดับต่ำสุดที่พวกเขาทำได้ใน พรีเมียร์ลีก อีกทั้งยังปล่อยให้คู่ปรับสำคัญอย่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันต่อหน้าต่อตาสาวก ปีศาจแดง อีกด้วย

RamiresRamires3. เชลซี - ฤดูกาล 2015-2016 - อันดับ 10

ซีซันที่ เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างปรากฏการณ์คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรก กลับกลายเป็นฝันร้ายของ "แชมป์เก่า" อย่าง เชลซี ภายใต้การนำของ โชเซ มูรินโญ กับการกลับมาคุมทีมรอบ 2 ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

ลูกทีมของ "เดอะสเปเชียลวัน" ประเดิมซีซันใหม่ด้วยการแพ้ไปถึง 9 จาก 16 เกมแรก พวกเขาพบว่าตัวเองต้องหล่นลงไปอยู่อันดับที่ 16 ของตาราง และนั่นคือฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้นายใหญ่โปรตุกีสต้องแยกทางกับเสี่ยหมีเป็นรอบที่สอง ก่อนจะโดนแทนที่ด้วย "ขาประจำ" อย่าง กุส ฮิดดิ้ง

นอกจากผลงานโดยรวมของทีมแล้ว เอเด็น อาซาร์ ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ PFA เมื่อซีซันก่อนยังไม่สามารถยิงประตูได้ในฤดูกาลใหม่จนกระทั่งถึงช่วงปลายเดือนเมษายน

อย่างไรก็ตาม การเข้ามาของ ฮิดดิ้ง ในช่วงครึ่งซีซันหลังทำให้ เชลซี ทำผลงานได้ดีขึ้นมาบ้าง โดยจบที่อันดับ 10 ของตารางคว้าไป 50 คะแนนซึ่งน้อยกว่าตอนที่ได้แชมป์เมื่อซีซันก่อนถึง 37 คะแนนเลยทีเดียว

Riyad MahrezRiyad Mahrez2. เลสเตอร์ ซิตี้ - ฤดูกาล 2016-2017 - อันดับ 12

ไม่มีใครคาดว่า เลสเตอร์ ซิตี้ จะก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก สมัยแรกได้สำเร็จเมื่อซีซัน 2015-2016 ภายใต้การคุมทีมของ "เดอะทิ้งเกอร์แมน" เคลาดิโอ ราริเอรี ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็น "เทพนิยาย" บทหนึ่งของวงการลูกหนังเลยก็ว่าได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะล่มสลายภายในเวลาแค่ปีเดียว

สัญญาณอันตรายเริ่มขึ้นตั้งแต่นัดแรกของซีซัน 2016-2017 เมื่อ เดอะฟ็อกซ์ พ่ายให้กับน้องใหม่อย่าง ฮัลล์ ซิตี้ ไปแบบสุดช็อกด้วยสกอร์ 2-1 และต่อจากนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นตัวได้เลยโดยเก็บได้เพียง 21 คะแนนเมื่อผ่านไป 25 นัด

เลสเตอร์ พบว่าตัวเองอยู่เหนือพื้นที่ตกชั้นเพียงแค่อันดับเดียว นั่นทำให้ รานิเอรี โดนไล่ออกอย่างไม่มีข้อสงสัย ก่อนที่จะได้ เคร็ก เช็คสเปียร์ เข้ามารับหน้าที่แทนและพาทีมจบด้วยอันดับ 12 ของตารางรอดพ้นการตกชั้นได้ในที่สุด

Eric CantonaEric Cantona1. ลีดส์ ยูไนเต็ด - ฤดูกาล 1992-1993 - อันดับ 17

ลีดส์ ยูไนเต็ด คือทีมสุดท้ายที่คว้าแชมป์ ดิวิชัน 1 เดิมก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลต่อมา ซึ่งก็ถือว่าพวกเขาได้ลงเล่นในฐานะแชมป์เก่าเช่นกัน

อาจจะด้วยอาการเมาค้างหรืออะไรไม่ทราบได้ ยูงทอง ออกสตาร์ทได้อย่างย่ำแย่ในซีซันใหม่ พวกเขาชนะได้เพียง 2 นัดจาก 9 นัดแรกเท่านั้น ซึ่งผลงานก็ยังไม่กระเตื้องขึ้นจนท้ายที่สุดต้องมาลุ้นตกชั้นกันในโค้งสุดท้ายก่อนที่จะรอดตายหวุดหวิดด้วยการจบอันดับ 17 ของตารางมีแต้มเหนือโซนตกชั้นเพียง 2 คะแนนเท่านั้น

และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ลีดส์ ตัดสินใจปล่อยตัว เอริค คันโตนา ให้กับคู่ปรับสำคัญอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงกลางซีซัน 1992-1993 ซึ่งถือเป็นการสร้างตำนานบทใหม่ให้กับทีม ปีศาจแดง เพราะ ก็องโต้ ช่วยพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้อีก 4 สมัยและกลายเป็นตำนานที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไปในที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook