"ดิเอโก มาราโดนา" : ยอดแข้งอาร์เจนตินาผู้ส่งอิทธิพลถึง "กัปตันสึบาสะ"

"ดิเอโก มาราโดนา" : ยอดแข้งอาร์เจนตินาผู้ส่งอิทธิพลถึง "กัปตันสึบาสะ"

"ดิเอโก มาราโดนา" : ยอดแข้งอาร์เจนตินาผู้ส่งอิทธิพลถึง "กัปตันสึบาสะ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ผมคิดว่าเขาคือพระเอกในมังงะชัดๆ" โยอิจิ ทาคาฮาชิ พูดถึง ดิเอโก มาราโดนา

คงไม่มีคำบรรยายใด ๆ ที่จะเหมาะสมสำหรับความยอดเยี่ยมของ ดิเอโก มาราโดนา ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ ซึ่งสะท้อนผ่านเสียงแซ่ซ้องสดุดีจากผู้คนทั่วโลก หลังเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันด้วยวัย 60 ปี  

อย่างไรก็ดี ความยิ่งใหญ่ของมาราโดนา ไม่ได้ส่งอิทธิพลต่อวงการฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงวงการการ์ตูน และ กัปตันสึบาสะ มังงะชื่อก้องโลกจากปลายปากกาของ โยอิจิ ทาคาฮาชิ ก็เป็นหนึ่งในนั้น 

พบกับเรื่องราวของตำนานหมายเลข 10 ทัพฟ้าขาว ซึ่งส่งอิทธิพลต่อการ์ตูนที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ฟุตบอลญี่ปุ่นได้ที่นี่

รักแรกพบ

ดิเอโก มาราโดนา อาจจะสร้างชื่อจนโด่งดังไปทั่วโลก จากฟุตบอลโลก 1986 หลังพาทีมชาติอาร์เจนตินา คว้าแชมป์โลกได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่สำหรับ โยอิจิ ทาคาฮาชิ ผู้แต่ง กัปตันสึบาสะ อาจต้องย้อนไปไกลกว่านั้นถึง 7 ปี 

1

มันเกิดขึ้นในปี 1979 หนึ่งปีหลังทัพฟ้าขาว คว้าแชมป์โลกสมัยแรกต่อหน้าแฟนบอลในบ้านเกิด ทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดอายุไม่เกิน 20 ปี ได้ยกพลมาเยือนญี่ปุ่น เพื่อทำศึกฟุตบอลเยาวชนโลก บนผืนแผ่นดินเอเชีย 

อาร์เจนตินา ถือเป็นทีมเต็งในรายการนี้ และเต็มไปด้วยนักเตะน่าจับตามองมากมาย หนึ่งในนั้นคือเจ้าหนูมาราโดนา ที่มีอายุเพียงแค่ 19 ปี แต่กลับยึดตำแหน่งผู้เล่นตัวหลัก ของ อาร์เจนติโนส จูเนียร์สไปแล้ว และซัดไปกว่า 47 ประตู 

2

"ผมได้เห็นการเล่นของมาราโดนาครั้งแรกในฟุตบอลเยาวชนโลก 1979 ที่จัดขึ้นที่ญี่ปุ่น ผมไม่ได้ไปดูที่สนาม แต่สนใจการมาญี่ปุ่นของมาราโดนา ตอนนั้นผมยังไม่ได้เป็นนักเขียนการ์ตูน เป็นแค่ผู้ช่วยและกำลังร่างเนื้อเรื่องของ 'กัปตันสึบาสะ' อยู่" ทาคาฮาชิกล่าวกับ Soccer King

ซึ่งมาราโดนา ก็ไม่ทำให้ผู้ชมผิดหวัง เขาระเบิดฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในฟุตบอลเยาวชนโลก ประสานงานกับ รามอน ดิอาซ ได้อย่างลงตัว ช่วยให้อาร์เจนตินา เก็บ 9 คะแนนเต็มในรอบแรก พร้อมทั้งซัดคู่แข่งไปถึง 10 ประตู หรือเฉลี่ย 3 ประตูต่อนัด 

ในรอบน็อกเอาต์ ความสุดยอดของว่าที่นักเตะผู้ยิ่งใหญ่ของโลกก็ไม่ได้ลดลง เมื่อเขายิงประตู 3 นัดติด พาทีมปราบทั้ง แอลจีเรีย, อุรุกวัย และสหภาพโซเวียต ผงาดคว้าแชมป์เยาวชนโลกได้สำเร็จ พร้อมรับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ไปนอนกอด 

ผลงานอันสุดยอดของเขา กลายเป็นที่ยอมรับสำหรับคนญี่ปุ่น เช่นเดียวกับอาจารย์ทาคาฮาชิ และทำให้ ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ เข้าไปประทับอยู่ในหัวใจของเขาตั้งแต่ตอนนั้น 

3

"เขาสร้างแรงกระเพื่อมอย่างมหาศาล และรู้สึกว่าเขาเป็น 'นักเตะที่สุดยอดมากเลย'" ทาคาฮาชิอธิบาย

"แม้จะเป็นเยาวชนโลก แต่พูดได้เลยว่า เขามีคุณสมบัติอันดับ 1 ที่จะเป็นผู้ชนะ มาราโดนาคว้าทั้ง MVP และแชมป์ มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผมประทับใจเขามาก เขาเป็นเหมือนตัวเอกในมังงะเลย" 

ก่อนที่ความประทับใจนั้น จะทำให้มาราโดนา ได้เข้าไปอยู่ในโลกกัปตันสึบาสะ

ฮวน ดิอาซ = มาราโดนาของทาคาฮาชิ 

กัปตันสึบาสะ เป็นมังงะผลงานเรื่องยาวเรื่องแรกในชีวิตของอาจารย์ทาคาฮาชิ ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1981 มันเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ชื่อ "โอโซระ สึบาสะ" ที่ออกไล่ล่าความฝันในการก้าวขึ้นไปเป็นผู้เล่นชั้นนำ และพาทีมชาติญี่ปุ่นคว้าแชมป์โลก 

ทว่าก่อนจะไปถึงจุดนั้น สึบาสะ ต้องก้าวผ่านอุปสรรคสำคัญ นั่นก็คือเหล่านักเตะคู่แข่งที่เข้ามาท้าทายฝีเท้าของเขา ที่เป็นเหมือนบอสในแต่ละด่าน ตั้งแต่ระดับประถม มัธยม สโมสร ไปจนถึงทีมชาติ 

4

หนึ่งในนั้นคือ ฮวน ดิอาซ เขาคือจอมทัพหมายเลข 10 ของอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นนักเตะร่างเล็ก แต่เต็มไปด้วยเทคนิค แถมยังโดดเด่นในเรื่องการเลี้ยงบอลและการยิงประตู รวมไปถึงเล่นให้กับ โบคา จูเนียร์ส และ นาโปลี ... ใช่แล้ว เขาคือนักเตะที่ถอดแบบมาจาก ดิเอโก มาราโดนา 

ผลงานอันสุดยอดของ มาราโดนา ในฟุตบอลเยาวชนโลก ที่ญี่ปุ่น ได้ทำให้นักเตะคนนี้ยังคงอยู่ในความทรงจำของทาคาฮาชิ อันที่จริงเขาสนใจนักเตะรายนี้มาตั้งแต่ปี 1978 หรือหนึ่งปีก่อนหน้านั้นด้วยซ้ำ 

"ปี 1978 หรือหนึ่งปีก่อนหน้าในฟุตบอลโลกที่อาร์เจนตินา มาราโดนาถูกพูดถึงว่าจะถูกเรียกติดทีมไปหรือไม่ทั้งที่เขาอายุยังไม่ถึง 20 ปี สุดท้ายเขาก็ไม่ถูกเลือกไป ตอนนั้นผมสนใจว่าเขาเป็นผู้เล่นแบบไหนกันนะ" เจ้าของมังงะฟุตบอลชื่อดังย้อนความหลัง

ทำให้ตอนที่เขาเริ่มเขียนกัปตันสึบาสะในส่วนของภาคจูเนียร์ยูธ (ช่วงท้ายของภาคแรก) ที่สึบาสะ ต้องออกไปเจอกับผู้เล่นระดับโลก เขาก็ได้เลือก มาราโดนา มาเป็นต้นแบบคู่แข่งคนสำคัญของสึบาสะในร่างของ ดิอาซ  

"การประสานงานระหว่างมาราโดนา และ รามอน ดิอาซ ในฟุตบอลเยาวชนโลกครั้งนั้น ได้กลายเป็นต้นแบบให้กับ ฮวน ดิอาซ และ อลัน ปาสคาล ตัวละครในกัปตันสึบาสะ ผมประทับใจมากตอนได้เห็นการเล่นของพวกเขา" ทาคาฮาชิ อธิบาย 

5

นั่นจึงทำให้ ดิอาซ เป็นตัวละครที่มีความเป็นพิเศษในกัปตันสึบาสะ เขาเปิดตัวด้วยการยิงคนเดียว 5 ประตูใส่ทีมชาติอิตาลี ที่มี จิโน เฮอร์นันเดซ หนึ่งในผู้รักษาประตูดาวรุ่งฝีมือดีของโลก และเล่นงานญี่ปุ่นจนหัวหมุนในนัดที่ 2 ของศึกยุวชนโลก ด้วยการทำแฮตทริกได้ตั้งแต่ 10 นาทีแรก 

ในขณะเดียวกัน เขายังมีคาแร็คเตอร์ที่โดดเด่น ทั้งท่าทีที่เย่อหยิ่ง มั่นใจในตัวเอง ลีลาการเล่นกล้าได้กล้าเสีย และที่สำคัญ เขายังมีท่าไม้ตายที่แปลกแหวกแนวจากคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นท่าตีลังกาข้างแล้วโอเวอร์เฮดคิก หรือ ตีลังกาหน้าแล้วตอกส้น (Somersault Shot) อีกด้วย 

สิ่งเหล่านี้ทำให้ ดิอาซ กลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่ได้รับความสนใจจากผู้อ่าน และได้รับการพูดถึงอยู่เสมอ แม้จะปรากฎตัวไม่มาก เมื่อเทียบกับเหล่าคู่แข่งในยุโรป เพราะเขาเป็นเหมือนภาพสะท้อนของมาราโดนา ผ่านมุมมองของอาจารย์ทาคาฮาชิ 

6

"ผมชอบวาดฉากที่เขาตีลังกากลับหลังแล้วโอเวอร์เฮดคิก หรือการเล่นที่ดูปราดเปรียว มันรู้สึกดีมากเลย ผมคิดว่าการถ่ายทอดส่วนนี้ไปให้ผู้อ่าน ทำให้เขาได้รับความนิยม" ผู้ให้กำเนิดฮวน ดิอาซ เผยความรู้สึก

"ความเป็นจริง มาราโดนาไม่ได้เล่นแบบนี้มากนัก แต่ผมวาดโดยคิดว่าถ้ามาราโดนาอยู่ในโลกของสึบาสะจะเป็นอย่างไร ก็เลยเป็นฮวน ดิอาซ เพราะว่าเป็นมังงะก็เลยทำได้" 

อย่างไรก็ดี ฮวน ดิอาซ ก็ไม่ใช่ภาพสะท้อนเดียวในการ์ตูนเรื่องนี้

ศิษย์เอกมาราโดนา 

"ผมได้ดูถ่ายทอดสดทางทีวี และคิดว่า 'นี่มันพระเอกในมังงะชัด ๆ'" ทาคาฮาชิบรรยายความรู้สึกที่ได้เห็นจังหวะเลี้ยงหลบผู้เล่นอังกฤษ 5 คนเข้าไปทำประตูของมาราโดนาในฟุตบอลโลก 1986

7

ตลอดการค้าแข้งของ มาราโดนา เขาถือเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลก หรือการนำนาโปลี คว้าแชมป์เซเรียอา ที่ทำให้เขามีสถานะเป็นเหมือนพระเจ้าในโลกลูกหนัง 

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเดียวที่ทำให้เขาเป็นขวัญใจแฟนบอล เพราะสิ่งที่โดดเด่นที่สุดของเขา คือลีลาการเล่นที่ตื่นตาในสนาม ทุกครั้งที่บอลอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา มันยากที่จะคาดเดาว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน 

"มาราโดนาเก่งในเรื่องการเลี้ยงแหวกเข้าไปแล้วการยิงประตู นอกจากนี้ยังมีลูกจ่ายที่ไม่คาดคิดให้คนดูได้เห็น" ทาคาฮาชิกล่าวกับ Soccer King   

"เวลาดูจากในทีวีส่วนใหญ่จะเป็นมุมมองจากด้านบน แต่ส่วนใหญ่ก็เดาได้ว่าบอลจะจ่ายไปตรงไหน แต่มีเพียงมาราโดนาเท่านั้น ที่ผมเดาผิดเกือบทุกครั้งว่าบอลจะจ่ายไปไหน ยิ่งไปกว่านั้นจุดที่เขาเลือกมักจะนำไปสู่ประตูอีกด้วย" ทาคาฮาชิเซนเซอธิบาย

"ผมคิดว่าผู้เล่นที่ได้เจอกับเขาในสนามก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน คิดว่า 'น่าจะจ่ายมาตรงนี้' แต่ก็คิดผิด เขาเลี้ยงบอลบ่อยก็จริง แต่เขาก็เก่งในการยิงและจ่ายในจังหวะที่เหมาะสม การจ่าย เลี้ยงแหวกเข้าไป และทำในสิ่งที่คนคาดไม่ถึง ผมคิดว่าสิ่งนี้เขาสุดยอดมาก" 

ทำให้แม้ว่าอาจารย์ทาคาฮาชิ จะบอกว่า ฮวน ดิอาซ คือมาราโดนาในโลกกัปตันสึบาสะ แต่เขาก็ยอมรับว่าลีลาการเล่นในสนามของ โอโซระ สึบาสะ ได้รับอิทธิพลมาจากยอดแข้งชาวอาร์เจนไตน์ไม่น้อย

ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงบอลที่คล่องแคล่ว การยิงประตูที่ทั้งเฉียบคมและพลิกแพลง หรือภาวะการเป็นผู้นำของทีม นอกจากนี้ ทั้ง ดิอาซ ต้นแบบของมาราโดนาและ สึบาสะ ต่างมีท่าไม้ตายที่เหมือนกัน ทั้งไดร์ฟชู้ต, ไดร์ฟพาส หรือเลี้ยงบอลแบบสโนว์บอร์ด ที่ทำให้พวกเขาทั้งสองเป็นเหมือนร่างโคลนของกันและกัน 

8

"มาราโดนากับผมนั้นเกิดในปีเดียวกัน (1960) ตัวตนของเขาจึงมีอยู่ในจิตสำนึกของผมมาก" ทาคาฮาชิกล่าว 

"ก่อนที่ฮวน ดิอาซ จะปรากฏตัวขึ้น ผมมองว่า มาราโดนาเท่ากับโอโซระ สึบาสะ มันมีหลายส่วนของสึบาสะที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเขา ผมคิดว่าสึบาสะน่าจะเป็นศิษย์เอกของมาราโดนา" 

นอกจากนี้ อิทธิพลของมาราโดนาไม่เพียงแต่ปรากฎผ่านตัวตนของ ฮวน ดิอาซ หรือ สึบาสะ เท่านั้น แต่ยังผ่านฉากสำคัญของเรื่อง หนึ่งในนั้นคือฉาก "หัตถ์พระเจ้า" ที่ถอดแบบมาจากเกมพบทีมชาติอังกฤษในฟุตบอลโลก 1986 ซึ่งเป็นเกมเดียวกันที่มาราโดนา เลี้ยงหลบผู้เล่น 5 คนเข้าไปยิงประตู 

โดยเหตุการณ์ในมังงะ เกิดขึ้นในภาคไรซิ่งซัน ที่ทีมชาติญี่ปุ่น โคจรมาพบกับอาร์เจนตินา ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เกมนัดที่ 2 ของรอบแรก โดยหลังทัพฟ้าขาวออกนำไปก่อนตั้งแต่ต้นเกมจากดิอาซ เขามีโอกาสทำประตูที่ 2 หลังได้วอลเลย์ในเขตโทษจากจังหวะเตะมุม

แต่เขาก็ยิงไปติดเซฟ วากาบายาชิ เก็นโซ ที่ออกมาปิดมุม แล้วบอลกระฉอกมาเข้าทางอีกครั้ง โชคร้ายที่บอลสูงเกินไป ทำให้ดิอาซตัดสินใจใช้กำปั้นชกบอลเข้าไปให้ดูเหมือนการโหม่ง และได้ประตูเนื่องจากผู้ตัดสินมองไม่เห็น 

9

"มัน (หัตถ์พระเจ้า) เป็นการเล่นที่สึบาสะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำได้ (หัวเราะ) เขาจะต้องถูกแฟนโห่อย่างแน่นอนถ้าทำมัน แต่เพราะว่าเขาคือมาราโดนา เขาจึงทำได้ เขาก็เลยเป็นตำนาน" ทาคาฮาชิอธิบาย

"ผมก็เลยเขียนฉากหัตถ์พระเจ้าลงใน 'กัปตันสึบาสะ ไรซิ่งซัน' ที่กำลังพิมพ์อยู่ใน Grand Jump (ปัจจุบันเป็น Captain Tsubasa Magazine) มันเป็นประตูที่สองของอาร์เจนตินา ในการ์ตูน สึบาสะบอกคนที่ไม่เห็นด้วยว่า 'ถ้ากรรมการไม่เห็นก็แปลว่ามันไม่ฟาวล์' เด็กยุคนี้ไม่รู้จักฉากนี้แล้ว ผมก็เลยวาดขึ้นมาเพื่อให้ได้รู้จักอีกครั้ง" 

สิ่งเหล่าก็เป็นภาพสะท้อนชั้นดีถึงอิทธิพลของมาราโดนา ที่แทรกซึมอยู่ในกัปตันสึบาสะ ในขณะเดียวกันก็ยังแสดงให้เห็นว่าอาจารย์ทาคาฮาชิเคารพและนับถือตำนานหมายเลข 10 อาร์เจนตินามากขนาดไหน

จิตวิญญาณที่เหลืออยู่ 

ปัจจุบัน "กัปตันสึบาสะ" ยังคงได้รับการตีพิมพ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งดำเนินมาถึงภาคไรซิ่งซัน หรือภาคโอลิมปิก โดยสถานการณ์ล่าสุดเป็นการต่อสู้ระหว่างทีมชาติญี่ปุ่นและทีมชาติเยอรมันในช่วงต่อเวลาพิเศษที่ไม่รู้จะจบลงเมื่อไรของรอบ 8 ทีมสุดท้าย 

10

ในขณะที่ทีมชาติอาร์เจนตินา ของ ฮวน ดิอาซ แม้จะพ่ายญี่ปุ่นในรอบแรก แต่ก็ยังผ่านเข้ามาสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ โดยโคจรไปพบกับ บราซิล ทีมเต็งของรายการ และอริร่วมทวีปตลอดกาล

ทำให้แม้ว่ามาราโดนา จะอำลาโลกไป แต่จิตวิญญาณและตัวตนของเขาก็ยังโลดแล่นอยู่ในจินตนาการ อย่างน้อยก็ในมังงะเรื่องนี้ ที่แสดงออกมาผ่านมุมมองของอาจารย์ทาคาฮาชิ 

และยังทำให้เขายังคงมีชีวิตอยู่ในความทรงจำของแฟนการ์ตูนกัปตันสึบาสะไปตราบนานเท่านาน 

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ "ดิเอโก มาราโดนา" : ยอดแข้งอาร์เจนตินาผู้ส่งอิทธิพลถึง "กัปตันสึบาสะ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook